30 ธ.ค. 2023 เวลา 22:01 • การศึกษา

💡Hello (VUCA) World: เงยหน้า ... มองดูรอบๆ ... มันคือวิถีชีวิตใหม่!

The world is always changing. It's always been changing. We live in an era of increased change and uncertainty. The future is increasingly complex and ambiguous.
โลกเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เราอยู่ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนมากขึ้นเรื่อยๆ อนาคตจะยิ่งซับซ้อนและคลุมเครือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
Jeff Bezos, the founder of Amazon
VUCA world คืออะไร? ในขณะที่เวียนว่ายอยู่ใน VUCA world เราเข้าใจและเท่าทันแค่ไหน? เราจะอยู่รอดในโลกใบนี้ไหม? ถ้ารอดมาได้ ทำยังไงเราจะรุ่งเรืองในโลกใบนี้?
ในยุคปัจจุบันที่โลกเราเผชิญกับความไม่แน่นอนและความซับซ้อนอย่างสูง ความเป็น "Agile" หรือความสามารถในการปรับตัวได้อย่างคล่องตัวนั้นมีความสำคัญยิ่งขึ้น เรากำลังอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า "VUCA World" ซึ่งประกอบด้วย 4 มิติหลัก ได้แก่ เปลี่ยนไว (Volatility), ไม่แน่นอน (Uncertainty), ซับซ้อน (Complexity), และ คลุมเครือ (Ambiguity) สภาวะเหล่านี้ท้าทายการทำงานและการตัดสินใจในทุกองค์กร รวมทั้งการใช้ชีวิตประจำวันของเรา
Volatility (ความเปลี่ยนไว / ความผันผวน): หมายถึงความเร็วที่ข้อมูลบนโลกมีการส่งผ่านไปมาอย่างรวดเร็ว เร็วจนเกินกว่ามนุษย์จะคิดคำนวณหรือจินตนาการได้ อาทิ ข้อมูลจาก “Data Never Sleeps” Report ฉบับเดือนธันวาคม 2023 พบว่า
ในทุก ๆ 1 นาที สิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์คือ
  • X มีการทวีต 360,000 ข้อความ
  • Instagram มีการส่งคลิป Reels ผ่าน DM 674,000 คลิป
  • Facebook มีการกดไลก์ 4 ล้านโพสต์
  • ChatGPT ผู้ใช้งานพิมพ์คำสั่ง (Prompt) 6,944 คำสั่ง
  • LinkedIn มีการส่งเรซูเม่กว่า 6,060 ฉบับ
  • มีซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 398 ล้านดอลลาร์
  • ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกใช้งานออนไลน์กว่า 25.1 ล้านชั่วโมง
  • ผู้ใช้งานดูคอนเทนต์สตรีมมิง คิดเป็นเวลา 43 ปี!
ความเร็วระดับนี้ถือเป็นความผันผวน เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นมากเกินจะคาดการณ์ทั้งหมดได้ ตัวอย่างเช่น การแปรผันของตลาดหุ้น หรือการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดังนั้น สิ่งที่เราวางแผนวันนี้ (หรือกระทั่งนาทีนี้) พรุ่งนี้แผนก็อาจใช้ไม่ได้เพราะสิ่งต่างๆรอบตัวเปลี่ยนไปจากตอนที่เราวางแผน เราจึงต้องมีความสามารถปรับแผนให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
การวางแผนต้องเท่าทันความเปลี่ยนแปลง
Uncertainty (ความไม่แน่นอน): คือสถานการณ์ที่การทำนายผลลัพธ์เป็นไปได้ยาก ตัวอย่างเช่น จากที่ประเทศไทยกำลังเฟื่องฟูเรื่องการท่องเที่ยวอยู่ดีๆ พอมีการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ตัวเลขนักท่องเที่ยวก็กลายเป็นศูนย์ได้ในชั่วข้ามคืน การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลต่างๆก็สามารถที่ส่งผลต่อภาคธุรกิจ และการใช้ชีวิตประจำวันของเราเป็นต้น
ในวงการการลงทุนสมัยก่อน เรามักมีวิกฤตมาทุก 10 ปีโดยประมาณ แต่ในปัจจุบันดูเหมือนวิกฤตสามารถมาได้ในระดับรายวัน เพราะความไม่แน่นอนในด้านต่างๆทั่วโลกยึดโยงมีผลต่อกัน จนกระทั่งมีผลกระทบต่อเราไม่ทางตรงก็ทางอ้อม
เวลาเจอปัญหา ชุดความคิดแบบเดิม ผู้คนมักมองหาสูตรสำเร็จหรือสิ่งที่เป็น Best Practice ว่ามีใครเคยแก้ปัญหาได้ดีในอดีตแล้วขอยืมมาใช้กับตัวเองบ้าง แต่ในยุคปัจจุบัน Best Practice แทบไม่มีอยู่จริง เพราะปัญหาใหม่เกิดขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ใช้แก้ปัญหาได้จริงน่าจะเป็น Best Fit Practice คือแม้ว่าจะเป็นปัญหาคล้ายๆกัน ก็ต้องปรับให้เหมาะกับบริบทของจุดที่ปัญหาเกิดด้วย
Best Practice อาจไม่มีอยู่จริง
Complexity (ความซับซ้อน): สิ่งนี้เกิดจากการที่มีปัจจัยหลายอย่างที่เชื่อมโยงกัน รวมทั้งการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีทำให้เกิดช่องทาง ทางเลือกใหม่ๆ มากมาย ทำให้เกิดความซับซ้อนในการตัดสินใจ การทำธุรกิจและการใช้ชีวิต ตัวอย่างเช่น สมัยก่อนถ้าจะทำธุรกรรมทางการเงิน (ฝาก, ถอน, กู้) ช่องทางแรกๆ ที่คนเรานึกถึงคือ ธนาคาร มาจนปัจจุบัน เราสามารถฝากเงินได้กับร้านกาแฟแบรนด์ยักษ์ใหญ่ สามารถกู้เงินได้กับแอปพลิเคชันที่ไม่ใช่ของธนาคาร เป็นต้น
ในส่วนธุรกิจจึงต้องปรับตัวไม่เช่นนั้นก็จะสูญเสียลูกค้าให้ช่องทางใหม่ๆ ในขณะที่คนทั่วไปก็ต้องเท่าทันว่าช่องทางไหนเป็นประโยชน์สูงสุด รวมถึงไม่ใช่ช่องทางที่ก่อให้เกิดความเสียหายในภายหลังได้
โลกใบเดิม เพิ่มเติมคือช่องทางใหม่ที่เกิดขึ้นมากมาย
Ambiguity (ความคลุมเครือ): หมายถึงความไม่ชัดเจนหรือมีหลายความหมายในสถานการณ์ต่างๆ อาทิ ค่านิยม อาชีพ นโยบายของรัฐบาล พฤติกรรมผู้บริโภค ฯลฯ
ตัวอย่างของความไม่ชัดเจน สามารถเกิดขึ้นในหลายสถานการณ์และด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึง:
1. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีและนวัตกรรม: การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องทำให้เกิดความไม่แน่นอนในตลาดและอาชีพ ตัวอย่างเช่น การเกิดขึ้นของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) สร้างคำถามเกี่ยวกับอนาคตของงานบางอาชีพ และเปลี่ยนแปลงวิธีที่องค์กรดำเนินงาน
2. การเปลี่ยนแปลงทางสังคมและวัฒนธรรม: การเปลี่ยนแปลงในค่านิยมสังคมและแนวโน้มทางวัฒนธรรมสามารถสร้างความไม่แน่นอนในตลาด ตัวอย่างเช่น คนรุ่นใหม่อาจไม่ได้ให้ความสำคัญแก่ใบปริญญาเหมือนสมัยก่อน แต่เน้นไปที่การเรียนที่ลงมือปฏิบัติได้จริงๆ ในส่วนบริษัทก็ต้องการคนที่ทำงานได้ตรงกับหน้างานเลย โดยไม่เน้นว่าจบจากสาขาหรือคณะอะไร
3. การเมืองและนโยบายสาธารณะ: การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลและความไม่แน่นอนทางการเมืองสามารถส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางเศรษฐกิจอาจส่งผลต่อการลงทุนและการเติบโตขององค์กร
4. สภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลง: การเข้ามาของคู่แข่งใหม่หรือการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของคู่แข่งที่มีอยู่สามารถสร้างความไม่ชัดเจนในตลาด ตัวอย่างเช่น การเข้ามาของธุรกิจสตาร์ทอัพที่นำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ๆ อาจเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของตลาดได้
5. การเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและภูมิอากาศ: การเปลี่ยนแปลงด้านสภาพอากาศและภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดสามารถสร้างความท้าทายให้กับการวางแผนและการดำเนินงานขององค์กร ตัวอย่างเช่น ภาวะโลกร้อนและผลกระทบต่อการผลิตและห่วงโซ่อุปทาน
แม้โลกจะหม่นมัว เราต้องไม่กลัวที่จะปรับตัวให้เท่าทัน
การเข้าใจและการรับมือกับความเปลี่ยนไว ไม่แน่นอน ซับซ้อนและคลุมเครือ เหล่านี้คือสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องทำเพื่อให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจในสภาวะ VUCA World และนี่คือสาเหตุที่การ "เป็น" Agile จึงมีความสำคัญมากในยุคปัจจุบันเพื่อให้อยู่รอด (survive) และไปถึงจุดที่เราประสบความสำเร็จ (success)
Agile จะไม่เพียงแต่เป็นตัวเลือก แต่เป็นความจำเป็นที่ "เรา" แต่ละบุคคล แต่ละทีมงาน รวมถึงแต่ละองค์กรต้องมีความ "เป็น" Agile หรือมี Agile Mindset จริงๆ
จะรอด? จะรุ่ง? ในโลกปัจจุบัน เราต้องเรียนรู้ Agile และประยุกต์ใช้ให้เป็น
*** 📌กล่าวโดยสรุป ***
โลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาของ VUCA คือ เปลี่ยนไว (Votality), ไม่แน่นอน (Uncertainty), ซับซ้อน (Complexity) และคลุมเครือ (Ambiguity) ส่งผลทั้งการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ค่านิยมที่เคยมีมา อาชีพ การทำธุรกิจ ฯลฯ
ทางรอด ไปจนถึงประสบความสำเร็จใน VUCA World คือ เราต้องเท่าทันสิ่งเหล่านี้และปรับตัวได้อย่างคล่องตัว โดยเราเรียกความสามารถนี้โดยรวมว่า Agile
การเป็น Agile ในสภาวะ VUCA World จึงหมายถึงความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลง, การทำงานอย่างมีความยืดหยุ่น, การตัดสินใจด้วยข้อมูลที่จำกัด, และการรับมือกับความซับซ้อนและความไม่แน่นอนอย่างมีประสิทธิภาพ
It is not the strongest of the species that survives, nor the most intelligent that survives. It is the one that is most adaptable to change.
ไม่ใช่สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดหรือที่ฉลาดที่สุดที่จะอยู่รอด แต่เป็นผู้ที่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุด
Charles Darwin - นักธรรมชาติวิทยา
✍ ข้อมูลอ้างอิง: 11th Annual “Data Never Sleeps” Report https://www.domo.com/news/press/domo-releases-11th-annual-data-never-sleeps-report
โฆษณา