26 มี.ค. 2020 เวลา 01:13 • ความคิดเห็น
“จิตสำนึกของบุคคลสาธารณะ”
คนแรก
สะพายกีต้าร์ ผ้าขาวม้าคล้องไหล่
ให้ของลับ ด่าพ่อล่อแม่
สำรากบนเวทีคอนเสิร์ตที่มีคนดูมากมาย
#เป็นศิลปินแห่งชาติ
1
อีกคน
วิญญาณงิ้วปนโขนเข้าสิงทุกครั้งที่อยู่หน้ากล้อง
ทำคลิปเพื่อด่าคนที่’ชอบด่า’
แต่ตัวเองด่าตั้งแต่คำแรกยันคำสุดท้าย
หยาบคายไม่แพ้คนแรก
เหี้ย ห่า และสารพัดสัตว์พรั่งพรูออกมาพร้อมเพรียง ในการด่าอย่างเมามัน
#เป็นศิลปินแห่งชาติ
1
อีกคน
เป็นนักคิด นักเขียน
เมื่อรัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อต่อต้านไวรัสโควิด 19 ที่กำลังเป็นความเป็นความตายของคนทั้งโลกและคนไทยทุกคน
เขาโพสต์เฟซบุคว่า
นี่มัน "พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ" หรือ "พ.ร.ก.ฉกฉวยฯ" กันแน่
เฝ้าระวัง "พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ" ให้จงดี
มึงต้องการคุมเสรีภาพในการสื่อสาร หรือต้องการคุม "โควิด-19" กันแน่
#เป็นศิลปินแห่งชาติ
#เวลาเช่นนี้ไม่ใช่เวลามาต่อว่าต่อขานหรือด่าทอกัน
แต่ถ้าไม่มีปฏิกิริยาจากคนในสังคม
#ความหลงตนก็จะหลงอยู่เช่นนั้น
คิดว่าพฤติกรรมที่ทำอยู่นั้นดีแล้ว ถูกต้องแล้ว
#ทั้งสามคนเป็นคนที่ผมชื่นชมและศรัทธา
#ศิลปินแห่งชาติ
เป็นรางวัลอันทรงเกียรติ
มีเงินเดือนให้ตลอดชีวิต
พิจารณาจากผู้มีผลงานดีเด่นในศิลปะแขนงต่างๆ
พฤติกรรมของพวกเขาเหล่านี้ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ
สังคมย่อมเห็นเป็นวงกว้างกว่าข่าวสารของคนปกติ
สำคัญที่สุดคือเยาวชน ที่ยังขาดวุฒิภาวะ
เด็กและเยาวชนที่ได้พบ ได้เห็น อาจมองพฤติกรรมของ”ศิลปินแห่งชาติ”เหล่านั้น เป็นสิ่งที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
ว่าเป็น”ศิลปินแห่งชาติ” ต้องกักขฬะ !
ผมไม่เรียกร้องให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการคัดเลือก พิจารณาถอดถอนบุคคลเหล่านี้เสียจากการเป็นศิลปินแห่งชาติ
เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างแก่ลูกหลานชาวไทย ที่อาจเห็นดีเห็นงามแล้วทำตามอย่าง
ผมเพียงหวังลมๆแล้งๆ
ว่า ท่านเหล่านี้จะมีสำนึกตระหนักด้วยตนเอง
แล้วประกาศคืนความเป็น”ศิลปินแห่งชาติ”ด้วยตัวเอง
หลังจากนั้น ท่านจะไปสำรากอย่างไร
ก็ตามสบาย
.
โฆษณา