27 มี.ค. 2020 เวลา 14:29 • ไลฟ์สไตล์
ขอดูอีกสักนิด อีกสักหน่อยนะ : Binge-Watching
BINGE-WATCH
เมื่อสมัยก่อนที่จะมีแอพพลิเคชั่นประเภท
Streaming Platform
( แอพดูหนังดูซีรีส์ออนไลน์ )
อย่าง Netflix, Hulu, LINE TV
เราก็ดูทีวีโทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นรอรายการโปรดที่อยากดู
รายการแต่ละรายการ เกมโชว์ ละคร การ์ตูน ฯลฯ
สัปดาห์หนึ่งก็อาจจะมีแค่ครั้งเดียวและต้องรอสัปดาห์ถัดไป
ถ้าจะดูหนังก็ต้องไปที่โรงภาพยนต์ ซื้อตั๋วแล้วนั่งดู
ซึ่งปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้นอยู่ แต่ถ้าเราอยากดูย้อนหลัง
หรือเราไปดูหนังไม่ทันแล้วมันออกโรงแล้วหล่ะ??
ก็คงต้องไปซื้อแผ่นซีดี ดีวีดี บลูเรย์ มาใส่เครื่องเล่น
เสียทั้งเงินซื้อแผ่น ทั้งเครื่องเล่น แถมดูก็ดูได้แค่เรื่องเดียว
แต่ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีที่เพิ่มการอำนวยความสะดวก
เช่น โทรศัพท์สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ค
ซึ่งในนั้นก็มีแอพพลิเคชั่นที่เปลี่ยนโลกความบันเทิง
ไปอย่างสิ้นเชิงนั่นก็คือแอพพลิเคชั่นประเภท
Streaming Platform อย่าง Netflix ที่ได้กล่าวมาข้างต้น
Streaming Platform ทั้งหลาย
ซึ่งแอพพวกนี้เต็มไปด้วยซีรีส์น่าดูๆ หนังต่างๆ สารคดีมากมาย
กลับบ้านมาเหนื่อยๆจากการทำงาน อยากคลายเครียดง่ายๆ
เราก็กดดูหนัง ดูซีรีส์ แล้วรับชมความบันเทิงได้เต็มอิ่ม
หนังเก่าๆที่ไม่ฉายแล้วก็มีให้ดู ซีรีส์ก็มีให้เห็น สารคดีก็สนุก
แล้วแอพเหล่านี้ทำให้เกิดพฤติกรรมที่เรียกว่า
"Binge-Watching"
Binge-Watching
แปลว่า การดูหนังดูซีรีส์หลายๆตอนเป็นเวลาติดต่อกัน
ซึ่งพฤติกรรมนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร เราขอยกตัวอย่าง
จากแอพ Netflix เพื่อประกอบการอธิบาย
End
เวลาคุณดูซีรีส์จบไปตอนหนึ่ง ช่วงที่เครดิตกำลังแสดง
Netflix จะขึ้นปุ่ม "ตอนถัดไป" ทันที และจะเล่นตอนต่อไป
ภายในเวลา 5 วินาทีโดยอัตโนมัติ ยกเว้นว่าคุณกดปุ่มก่อน
หรือคุณกดที่หน้าจออีกทีแล้วปล่อยให้เครดิตวิ่งต่อไป
Intro
พอหลังจาก 5 วินาทีแล้วตอนถัดมาก็เริ่มขึ้นทันที
แล้วจะมีปุ่มให้กด "ข้ามตอนต้น" เมื่อกดแล้วก็จะข้าม
ช่วงที่เป็นเพลงเปิด, บทนำ และ ช่วงอธิบายตอนที่แล้ว
แล้วเข้าสู่ตัวเรื่องโดนไม่ต้องมาเสียเวลาเลื่อนข้าม
ซึ่งสองสิ่งนี้ทำมาเพื่อความสะดวก และความสะดวกนี้
เป็นการเอาสิ่งที่เป็นอุปสรรค์ในการดูออกไป
แล้วเพื่ออะไรหล่ะ?
เพื่อที่จะให้คนดูต่อ สร้างบรรยากาศไม่ขาดตอน
หนังหรือซีรีส์ก็เหมือนโลกๆหนึ่งที่เราเข้าไปหาความบันเทิง
หลบหนีจากความเป็นจริงเพื่อคลายเครียด เวลาเราดู เราอิน
ไปด้วยกับหนังกับอารมณ์ร่วม เหมือนเราหลุดเข้าไปอีกโลก
ถ้าเราสามารถสร้างบรรยากาศที่ไม่มีอุปสรรค ดูแล้วไหลลื่น
คนก็จะสามารถรู้สึกว่า ไม่ขาดตอนซึมซับโลกบันเทิงต่อไป
ไม่ต้องมาเลื่อนข้ามเพลงเปิด ไม่ต้องมาดูเครดิต
ไม่ต้องมากดเข้ากดออกเพื่อดูตอนต่อไป
นี้คือปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้คนเกิดพฤติกรรม Binge-Watch
Watching
แต่อีกปัจจัยที่ทำให้คนมีพฤติกรรมนี้เพราะ
ธรรมชาติของมนุษย์เองด้วย
มนุษย์นั้นเวลาเรามีความสุขก็จะหลังสาร Dopamine
ซึ่งมันเหมือนการให้รางวัลกับสมอง ซึ่งสมองต้องการ
การที่เราดูจบในแต่ละตอนมันทำให้ Dopamine มันหลั่ง
สมองก็เพลิน แล้วก็บอกว่า "เอาอีกๆๆๆๆๆ!!!" ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น
อีกอย่างมนุษย์เราก็ไม่ชอบการรอคอย อยากดูให้ได้
เดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนั้น ดูให้มันจบๆไปทั้งซีซั่นนี้แหละ
เมื่อดูจบก็เอาเรื่องที่ดูไปพูดคุยกับเพื่อนที่ดูด้วยกัน
ไม่ก็ไปสปอยคนอื่นอย่างสนุกสนาน เพื่อการเข้าสังคม
แต่รู้ไหมว่าการที่เรา Binge-Watching นั้นมันส่งผลเสีย
ต่อทั้งด้านทางร่างกาย ด้านสภาวะทางจิตใจด้วย
และอรรถรสในการดูหนังดูซีรีส์แสนโปรดของคุณด้วย
อย่างแรกเวลาเรานั่งดูหนังดูซีรีส์แบบ Binge-Watching
เราก็จะ Binge-Eating ไปด้วย กินแบบยิงยาวเช่นกัน
กินขนมขบเขี้ยว เครื่องดื่มอย่างยาวๆ กินยิ่งเยอะไปอีก
นั่งยาวขึ้น กินนานขึ้น อ้วนขึ้น ระบบกระเพาะแย่ลง
ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เบาหวานก็จะถามหา
Food
อย่างที่สองเราอาจจะจำสิ่งที่อยู่ในหนังได้แย่ลง
เพราะว่า การที่เรารับสื่อเป็นเวลานานๆติดต่อกัน
เราอาจจะสามารถรับรู้ถึงภาพใหญ่โครงเรื่องได้
แต่เราจะจำรายละเอียดของเรื่องได้น้อยลง
บทสนทนาของตัวละครเราก็จะจำได้น้อยลง
Memory
อย่างที่สามมันส่งผลกระทบถึงการนอนของคุณด้วย
เวลาเรายิงยาวดูอะไรบางอย่างเราอาจจะลืมเวลานอน
หรือเราอาจจะไม่ลืมแต่มันหยุดไม่ได้อ่ะ กำลังสนุก!!!
ส่งผลให้คุณนอนน้อยลง ซึ่งยังไม่พอ มันส่งผลถึง
คุณภาพในการนอนของคุณด้วย หน้าจอแสงสีฟ้า
มันทำให้คุณนอนยากขึ้น แถมคุณจะเอาสิ่งที่คุณดู
กลับมานอนคิดจนไม่เป็นอันจะนอนเลยทีเดียว
Sleep
อย่างที่สี่คุณอาจจะหลงลืมสิ่งรอบข้างสังคมไป
เวลาเรา Binge-Watch เราก็นั่งดูยิงยาว ไม่สนใคร
ส่วนใหญ่ก็นั่งดูคนเดียว จนลืมเพื่อน ลืมครอบครัว
เข้าสังคมน้อยลง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดซึมเศร้า
เพราะหลังจากดูซีรีส์เสร็จ Dopamine ก็หยุดหลั่ง
รู้สึกว่างเปล่า จะทำอะไรต่อดี จนส่งผลกระทบ
ไปสู่การงาน คนรอบข้าง และ ตัวคุณเองด้วย
( ยกเว้นว่าคุณรู้สึกว่า "ดูเสร็จแล้ว!!" อันนี้ยังหลั่งอยู่
แต่หลังจากนั้นมันก็ไม่หลั่ง ความสนุกก็หมดเสียแล้ว )
Binge
อย่างสุดท้ายหนังซีรีส์ที่คุณดูยาวๆอาจจะสนุกน้อยลง
สมมุติว่าคุณทำอะไรซ้ำๆไปเรื่อยๆคุณเบื่อไหม?
สมองของเราเมื่อรับ Dopamine แบบเยอะมากๆ
พอเวลาตอมาเมื่อสมองได้รับ Dopamine ในปริมาณ
เดียวกันหรือน้อยลงก็จะรู้สึก "เฉยๆ แค่นี้เหรอ!?"
เหมือนกับคนกินหวานมากๆ มากินของหวานน้อย
ก็จะรู้สึกไม่หวานเลย จืดสุดๆไปเลย
แล้วเราควรทำอย่างไรหล่ะ?
ต้องขอบอกก่อนว่า Binge-Watch มันไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
ถ้ามันให้การผ่อนคลายและความบันเทิงก็ถือว่าโอเค
แต่ถ้าเราไม่ปรับเลยก็จะเป็นอย่างข้างต้นที่กล่าวมา
และวิธีแก้ง่ายๆที่ไม่กระทบกับชีวิตของคุณมาก คือ
1. กดหยุด ( Pause ) บ้าง หนังไม่ได้หนีไปไหน
ลองกดหยุดเดินรอบห้อง ออกกำลัง เข้าห้องน้ำ
2. ถ้าจะกินเอาอาหารที่ส่งผลดีต่อสุขภาพไปกิน
ผลไม้ ผัก สารอาหารที่ส่งผลดีต่อสุขภาพต่าง
3. หาคนไปนั่งดูกับคุณด้วย แล้วคุยกัน ถกเถียงกัน
บ่นเลยว่า "ทำนางเอกทำงั้นว้าาา" "ฉันชอบตรงนี้"
ให้เกิดการสนทนาคุยกัน เพิ่มความสัมพันธ์กัน
Relationship
4. เว้นระยะเวลาให้ได้คิดบ้าง เวลาดูหนัง ความคิด
ข้อคิดที่เราได้รับจากหนังก็มีไม่น้อย ถ้าเราดูอย่างเดียว
นานๆยิงยาว เราอาจจะไม่ได้คิด ตกหล่นสิ่งที่สำคัญไป
นั่งคิด ไม่ก็เว้นไว้ไปดูวันอื่น หรือสัปดาห์อื่น เหมือนกับ
อดีตที่เราต้องมานั่งรอ แล้วนั่งคิดฉากเมื่อสัปดาห์ก่อน
5. ให้หยุดดูก่อนนอน 1 ชม. เพื่อให้สมองได้พัก
ให้สายตาได้พัก เพื่อคุณภาพการนอนที่ดี
6. ถ้าโทรทัศน์ หรือ อุปกรณ์ของคุณสามารถตั้งเวลา
ให้ปิดเองตามที่กำหนดได้ให้ตั้งเลย ไว้สำหรับคน
ที่ไม่มีวินัยหน่อย วิธีนี้ได้ผลอย่างแน่นอน
และขอให้ทุกคนดูซีรีส์หนังที่ชอบอย่างมีความสุข
และคุณคิดอย่างไรกับบทความนี้?
โฆษณา