28 มี.ค. 2020 เวลา 04:21 • บันเทิง
ความเครียดจัดการได้ง่ายกว่าที่คิด
Work From Home ว่าหนักแล้ว ยังมา Lockdown อีก
ทำยังไงไม่ให้จิตตก
ความกังวลและเครียดเป็นสิ่งที่เกิดได้กับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ความเครียดสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ปัจจัยภายใน เช่น ความคิด การเจ็บป่วยทางร่างกาย การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ และปัจจัยภายนอกเช่น เสียง แสง สภาพแวดล้อม บุคคล
สรุปแนวคิดหลักจากหนังสือของเดล คาร์เนกี
How to stop worrying and start living by Dale Carnegie
1. หยุดกังวล และ หยุดกลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิด ( ในอนาคต ) อย่าปล่อยให้ประสบการณ์ในอดีต ที่เคยเกิดขึ้นมากำหนดชีวิตในปัจจุบัน
เราสามารถวางแผนได้ว่าเราจะทำแบบ A หรือแบบ B หากเกิดปัญหา แต่ให้ปล่อยวางผลลัพธ์ และทำให้เต็มที่ที่สุดในสิ่งนั้นแล้วมีความสุข เบาสบาย รวมถึงไม่ต้องไปคิดถึงอดีตว่าเราเคยเจอแบบนี้ ถ้าเจอจะทำยังไง ถ้าเป็นแบบนี้อีกต้องแย่แน่เลย เมื่อคุณทำสิ่งใดอย่างเต็มที่ที่สุดตามความสามารถและความเชื่อของคุณ ลดความคาดหวังในและปล่อยวางผลลัพท์ จะสามารถลดความกังวลและความเครียดลงได้
2. วิธีทางจิตวิทยาที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับคนคิดซ้ำวนไปวนมา และกังวล ให้คุณคิดถึงการแก้ปัญหา ว่าหากสิ่งที่เลวร้ายที่จะเกิดขึ้นกับปัญหานี้คืออะไร และจะหาทางออกกับปัญหานี้ยังไง คนทั่วไปมักคิดวนไปมากับปัญหาว่าถ้าเป็นแบบนี้จะทำอย่างไร แล้วถ้าเป็นแบบนั้นหล่ะจะทำอย่างไร เช่น
ไปสมัครงาน อยากได้งานมาก ถ้ามีผู้สมัครเก่งกว่าเราหล่ะ ถ้าผู้สัมภาษณ์ไม่ชอบเรา ลำเอียงบ้างหล่ะ ถ้าเราเรียกเงินเดือนสูงไปหล่ะ ถ้า...... ซึ่งแท้จริงแล้วแย่ที่สุดในสถานการ์นี้คือ ไม่ได้งาน ทางแก้คือยอมรับแล้วหางานใหม่ เชื่อว่าวันนึงเราต้องได้งานที่ดีและเหมาะกับเราอย่างแน่นอน ก็จะไม่เกิดความเครียดก่อนไปสัมภาษณ์ ไม่กดดัน หรือคาดหวัง เบาสบาย และอาจจะได้งานนั้นอย่างง่ายดาย วิธีนี้ถือว่าไม่ใช่การคิดลบแต่เป้นการคิดแบบ Worst Possible Scenario in the event of failure ซึ่งจะทำให้ลดความกังวลและคาดหวังได้ดี
3. มองปัญหาให้ลึกลงไป เปิดใจยอมรับปัญหาหรือสถานการณ์และมองหาทางแก้อย่างชาญฉลาด วิธีนี้สามารถทำให้เมื่อเกิดปัญหาที่เคยเกิดขึ้นซ้ำ เราจะสามารถจัดการกับปัญหาได้เร็ว และมองปัญหาเป็นโอกาสที่จะทำให้เห็นความสำเร็จมากขึ้น ดังคำคมที่ผู้เขียนชอบที่สุดของ Henry Ford คือ
" Failure is the Opportunity to begin again, only more intelligently " ความผิดพลาดคือโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ที่ชาญฉลาดยิ่งขึ้น ยิ่งล้มเหลว ยิ่งสำเร็จมากขึ้นนั่นเอง
วิธีคิดแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิผล
ปัญหาคืออะไร
อะไรเป็นสาเหตุของปัญหานั้นๆ
ทางแก้ที่ดีที่สุดของปัญหานี้คืออะไรแล้วผลลัพท์ที่คาดการณ์จะออกมาในรูปแบบไหน หาวิธีตั้งรับหลายๆแบบ
4. ทำตัวให้ยุ่งไปเลย อันนี้ได้ผลมากค่ะ หยุดพักถ้าหาทางแก้ไม่ได้ ปล่อยวางแล้วไปหาอย่างอื่นทำให้ผ่อนคลายหรือให้ยุ่งจนลืมไปเลย
5. ปรับมุมมอง ทัศนคติ ความคิดให้บวก มีความสุขกับชีวิต เชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก การยิ้มและนั่งหลังตรง รวมถึงเปลี่ยนอิริยาบท สามารถลดความกังวลและความเครียดได้
สำหรับผู้เขียน ในสถานการณ์นี้ข้อดีของการ Work from home และ Lockdown อยู่บ้านในมุมมองของผู้เขียนมีหลายข้อ
1.ได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น
2.มีเวลาพัฒนาตัวเองมากขึ้น อ่านหนังสือ ฝึกภาษา สร้างรายได้ออนไลน์
3.มีเวลาให้คนในครอบครัวและสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
4.ได้เรียนรู้วิธีวางแผนการใช้เงินมากขึ้น
5.ได้ดูแลสุขภาพ และสุขอนามัยขตนเองและคนรอบข้างมากขึ้น
6.คนรักและเห็นใจ ช่วยเหลือกันมากขึ้น
ประโยชน์ และข้อดีของการ Lockdown อยู่บ้านในมุมมองของผู้อ่านมีอะไรบ้างมาแชร์กันนะคะ
Be safe Be Healthy
ด้วยรักจากผู้เขียน
โฆษณา