30 มี.ค. 2020 เวลา 10:00 • ยานยนต์
Carman ยินดีนำเสนอ
EP8 : Honda City VS Nissan Almera
ยอดขายในโชว์รูม VS ยอดขายในโซเชียล
เเบบสรุปสั้นกระชับ
-เเรงกว้างใหญ่สบายเนี๊ยบ=City
-ถูกคุ้มวัยรุ่น=Almera
*คำเตือน : บทความนี้ มีความคิดเห็นของผู้เขียน เพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่าน มิได้มีเจตนาบิดเบือนข้อมูล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน หากผิดพลาดประการใด ขออภัยล่วงหน้าครับ
เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่เเล้วนั้น ศึก Eco Car ได้ลุกเป็นไฟ เมื่อเเทบทุกค่ายต่างพากันปรับโฉม Eco Car ของตน ทั้ง Minorchange เเละ Modelchange โดยเฉพาะรถที่ร้อนเเรงดุเดือดที่สุดในโซเชียลตั้งเเต่ตอนนั้นถึงตอนนี้ คือ Nissan Almera เเละ Honda City
เราเคยวิเคราะห์เเละเจาะลึกข้อดี-ข้อเสียของ 2 รุ่นนี้ไปเเล้ว ใครยังไม่ได้อ่าน เชิญได้ที่นี่เลยครับ
ทีนี้ถ้าเรานำมาเทียบกันตัวต่อตัวละ
ย้อนกลับไปช่วงเปิดตัว
ซึ่ง Nissan Almera เปิดตัววันที่ 14 พ.ย. 62
โดยมีราคาดังนี้ครับ
รุ่น S CVT 499,000
รุ่น E CVT 509,000
รุ่น EL CVT 559,000
รุ่น V CVT 599,000
รุ่น VL CVT 639,000
หลังเปิดราคามา โอ้โห มีเเต่คนชื่นชมยกย่องยินดีกันเต็มคอมเม้นในโซเชียล ผมไม่เเปลกใจเลยด้วยดีไซน์ที่เเปลกใหม่ในราคาที่คุ้มค่าเเละอัดออพชั่นพร้อมเครื่องใหม่เเบบจัดเต็มขนาดนี้ น่ากลัวมากสำหรับคู่เเข่ง จนทำให้ทุกคนต่างรอว่าเจ้าตลาดที่ขายดิบขายดีมานานอย่าง Honda City จะเปิดตัวออกมาเป็นอย่างไร มีดีอะไรบ้าง
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 62 Honda City Gen5 ได้เปิดตัวออกมาด้วยราคาดังนี้ครับ
รุ่น S CVT 579,500
รุ่น V CVT 609,000
รุ่น SV CVT 665,000
รุ่น RS CVT 739,000
เเละวางเป้าหมายไว้ที่ 3500 คัน/เดือน
เท่านั้นเเหละครับ ในโซเชียลนี่เดือดราวกับว่าลิเวอร์พูลได้เเชมป์พรีเมียร์ลีกเเล้วเด็กผีออกมาตอบโต้ มันเป็นสงครามที่ดุเดือดที่สุดตั้งเเต่ผมเคยเจอมา คอมเม้นนั้นต่างก่นด่า Honda ชนิดที่ไม่ให้ผุดให้เกิดกันเลยว่า ทำไมราคาเเพงเเบบนี้ เครื่อง Eco ราคาไม่ Eco ดูถูกคนซื้อ คิดว่าลูกค้าโง่หรอ เเพ้ Almera เเน่ เจ๊งชัวร์ บลาๆ จนทำให้ผมคิดว่ายอดขาย City รุ่นนี้น่าจะเเย่มากคือเเค่ราวๆพันกว่าคัน ส่วน Almera นี่อาจได้เดือนละ 3-4 พันคันเลย ว่าเเล้วขอนั่งไทม์เเมชชีนนั่งไปดูยอดขายจริงนะครับ
เเละนี่คือยอดขายของ 2 รุ่นนี้หลังส่งมอบเมื่อต้นปีที่ผ่านมาครับ(ไม่รวมยอดรุ่นเก่า)
รุ่นรถ Honda City | Nissan Almera
เดือนม.ค. 63 4698 2153
เดือนก.พ. 63 4731 2107
เป็นไงครับ ดูเหมือนว่ายอดขายในโชว์
รูมเเละในโซเชียลจะเเตกต่างกันอยู่นะเนี่ย
เล่นเอาเเฟนฮอนด้าต่างพากันดีใจชื่นใจนำมาขิงกันถ้วนหน้าเเละเเฟนนิสสันรวมถึงยี่ห้ออื่นด้วยต่างพากันอึ้งตามๆกัน เเต่อย่างว่าครับยอดขายออกมาเเบบนี้เราก็ต้องยอมรับในความยอดเยี่ยมของ Honda City ที่สามารถตอบสนองกลุ่มเป้าหมายได้ดีมาก เเต่ Nissan Almera ก็ใช่ว่าจะเเย่ 2000 คันก็ถือว่าทำได้ดีมากเเล้วสำหรับ Almera
สำหรับใครที่เป็นเเฟนค่ายไหนก็ลองคอมเม้นบอกกันด้วยนะครับ
ย้อนกลับมาตอนนี้ รุ่นที่เราจะนำมาปะทะ คือ Honda City รุ่น RS ราคา 739,000 เเละ
Nissan Almera รุ่น VL ราคา 639,000
ซึ่งเป็นรุ่นท็อปของทั้งคู่ ไปดูกันเลยครับว่าจะเป็นยังไงกันบ้าง
ภายนอก
-ทั้งคู่ต่างมีมิติตัวถังที่ใหญ่เป็นลำดับต้นๆของกลุ่ม โดย City จะใหญ่กว่าเล็กน้อย เเต่จะมีน้ำหนักที่มากกว่าพอสมควรซึ่งอาจมีผลต่อการควบคุมเเละอะไรหลายๆอย่างอีกมาก
City | Almera
ความยาว 4553 4495
ความกว้าง 1748 1740
ความสูง 1467 1460
ฐานล้อ 2589 2620
น้ำหนัก 1165 1076
โดยในรุ่นท็อปของทั้งคู่จะมีออพชั่นที่คล้ายกัน คือ ไฟหน้า LED, ไฟตัดหมอก LED, กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวปรับเเละพับไฟฟ้าทั้งคู่ เเละ ไฟท้าย LED
เเต่จุดที่ต่าง คือ City RS จะได้ชุดเเต่ง RS
-กระจังหน้าสีดำเงาพร้อมโลโก้ RS
-กันชน-หน้าหลังสีดำเคฟลาร์
-กระจกมองข้างสีดำเงา
-สปอยเลอร์สีดำ
-เสาอากาศครีบฉลามสีดำ
ซึ่ง Almera VL จะไม่มีชุดเเต่งพวกนี้
ส่วนล้ออัลลอย City RS เป็นล้อ 16 นิ้วทูโทน เเต่ Almera VL เป็นล้อ 15 นิ้วลายธรรมดา
ในภาพรวมภายนอกเเล้วเเต่คนชอบครับ ส่วนตัวผมชอบ City มากกว่าตรงที่ดูมีความหรูหราเเละผู้ใหญ่มากกว่า ขณะที่ Almera จะดูสปอร์ตเพรียวๆกว่า เเต่ City RS ได้เปรียบที่มีชุดเเต่งรอบคันสร้างความโดดเด่นได้ไม่เบา ถือว่าสวยทั้งคู่ครับ
-เเต่ในส่วนของกระโปรงท้ายรถเนี่ย City จะบุวัสดุซับเสียงมาเต็มพื้นที่ 100% ขณะที่ Almera มีวัสดุซับเสียงในส่วนของฝากระโปรงเเค่ครึ่งเดียว ไม่ได้หุ้มมาเต็ม กล่าวคือ หุ้มครึ่งนึงเเละเปลือยครึ่งนึง เเละท้ายรถ Almera จะไม่มียางอะไหล่มาให้ ขณะที่ City มีมาให้ เเละสิ่งที่น่าตำหนิของ Almera คือ ที่กั้นระหว่างห้องโดยสารเเละท้ายรถใช้ Future board เเปะให้เห็นกันดื้อๆ ราวกับว่าเป็นอุปกรณ์ฉุกเฉินเพื่อลูกลืมทำโครงงานมา ก็ดึง Future board หลังรถไปใช้ จุดนี้กรุณาเเก้ในรุ่น Minorchange ด้วยนะครับ
ดีไซน์ภายในเเละวัสดุ
-ดีไซน์ของทั้งคู่นั้นเเตกต่างกันโดยสิ้นเชิง โดย Almera นั้นถ้าใครใช้รุ่นเก่ามาเจอรุ่นนี้ คุณจะร้อง WOW เพราะมันพัฒนาก้าวกระโดดเลย มันมีดีไซน์ที่ทันสมัย สวยงามน่าใช้ คอลโซลหน้าส่วนที่สัมผัสนั้นใช้วัสดุพรีเมี่ยม คือ บุนุ่มหนังสีเบจเดินตะเข็บจริงเต็มพื้นที่เลย ตัดกับสีดำได้ลงตัว เเละยังมีมาตรวัดเเบบจอ TFT 7 นิ้วสุดล้ำสมัยด้วย ทุกอย่างดูไฮโซ ไม่ราคาถูก ทำให้มันดูสวยงามน่าอยู่มากทีเดียว เมื่อมองจากในรูป
ขณะที่ City นั้นดีไซน์เหมือนจะดูตกยุคเมื่อเเรกเห็นด้วยคอลโซลที่ตรงทื่อมีวัสดุบุนิ่มเฉพาะท่อนล่างของคอลโซลหน้า ไม่เหมือน Almera ที่หุ้มมาเต็มคอลโซล คอลโซลไม่มีความมนเเถมช่องเเอร์คู่กลางก็ดูเหมือนรถกระบะ d-max ชอบกล(อย่างว่าอะครับ 2 ยี่ห้อนี้เขาเป็นเเฟนกัน ก็เป็นเรื่องธรรมดาเนอะ)เเละมาตรวัดที่ดูเหมือนรถยุค 2010 คือมันโบราณมากๆจนทำให้เมื่อมองจากในรูป City ดูเก่าโบราณเเละ Almera สวยกว่า
ทว่า เมื่อไปลองนั่งของจริง จะพบว่าภายในของ City ดูน่าใช้งานมาก มีช่องเก็บของหลากหลายรูปเเบบที่สร้างความอเนกประสงค์ได้มาก จากการที่มันออกเเบบมาค่อนข้างเรียบร้อย ดูง่ายสบายตา ทุกอย่างใช้งานง่าย เเละเส้นสายที่ตรงของมันทำให้รถรู้สึกกว้างขวาง เเถมพวงมาลัยนั้นยกมาจากพี่ใหญ่ Accord ให้ดีไซน์ที่ดูพรีเมี่ยมเเละสวยงาม รวมทั้งหัวเกียร์เเละสวิตซ์เเอร์ก็ยกมาจาก Accord(ต่างกันตรงที่เเอร์จากเเยกฝั่งเป็นไม่เเยกฝั่ง)ทำให้เรารู้สึกว่ามันลงตัว เเละเรียบง่ายดูดีมากทีเดียว
เเต่ใน Almera นั้นรู้สึกว่าภายในก็ไม่ได้ดีเท่าในรูป ด้วยการจัดวางต่างๆที่ City ทำมาดีกว่า รวมทั้งพวงมาลัยเเละสวิตซ์เเอร์ที่ไม่ไฮโซเท่ากับของ City ทำให้มันก็ดูดีในระดับนึงเเต่ไม่ได้สวยงามอะไรเท่ากับในรูป
เรื่องของวัสดุนั้นต้องยอมรับเลยครับว่า City ดูเเพงกว่ามาก จุดเดียวที่ Almera ดีกว่า คือ คอลโซลหน้าที่บุนิ่มมาเยอะกว่า เเต่ในส่วนของคอลโซลกลางก็ไม่บุนุ่ม เเละพลาสติกเเข็งต่างๆที่ดูก๊องเเก๊งค์กว่า City มาก ยังไม่นับรวมเรื่องเบาะนั่งที่เป็นเบาะผ้า เเต่ City เป็นหนังกลับ ทำให้นั่งได้กระชับกว่าเเละให้สัมผัสที่ดีกว่าเบาะผ้า รวมทั้งหนังที่ใช้ตามเเผงประตูเเละจุดต่างๆ เช่น หนังหุ้มพวงมาลัยที่สากมาก เเต่ของ City นั้นเนียนนุ่มราวกับ Accord ทำให้บรรยากาศภายในของ City ดูสมกับราคาที่เเพงกว่า 1 เเสน
ความสบายภายใน
-เบาะนั่งของ City RS เป็นหนังกลับเเต่ Almera VL เป็นผ้า ซึ่ง City จะให้ความรู้สึกกระชับมากกว่า นั่งเเล้วไม่จม ฟองน้ำทำมาดีกว่า โดยรวมเเล้วเบาะคู่หน้าผมถือว่าใกล้เคียงกันครับ คือ Almera ได้เปรียบที่เบาะรองนั่งใหญ่กว่าเเละปีกเบาะใหญ่กว่าทำให้การรองรับขาเเละไหล่ดีกว่า เเต่พนักพิงศีรษะดันหัวมากกว่า เเละจุดที่ City ทำได้ดีมากกว่า คือ คอลโซลกลางครับ ไม่ตั้งสูงเเละเบียดเข่าเหมือน Almera ทำให้ภาพรวมเบาะหน้านั้น City เเอบดีกว่านิดๆ โดยทั้งคู่เหมือนกัน คือ พวงมาลัยปรังได้ 4 ทิศทางเเต่เข็มขัดปรับไม่ได้ทั้งคู่ อันนี้ผมเคยตำหนิไปเเล้ว ส่วนเบาะฝั่งผู้ขับปรับด้วยมือ 6 ทิศทาง เเละเบาะฝั่งคนนั่งปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง ใครอยากได้เบาะไฟฟ้าเชิญไป C-Segment ขึ้นไปครับรถ Segment นี้ไม่มีอยู่เเล้วเบาะไฟฟ้า ราคาเเค่นี้ ถือว่าหรูเเล้ว
-เเต่ถ้าเป็นเบาะหลังนั้นต้องบอกว่า City เเต่ไหนเเต่ไรมา Gen1 ถึง Gen4 ล้วนมีจุดเด่นเรื่องเบาะหลังทุกรุ่นเเละมันดีขึ้นเรื่อยๆด้วย(เพียงเเต่ Gen4 ผมนั่งเเล้วหัวติด เเต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะ legroom เยอะครับ)พอมารุ่นนี้มันดีขึ้นไปอีก จนชนิดที่ว่า ผมนั่งเบาะหลังรุ่นพี่อย่าง Civic FB(Gen9 รุ่นที่เเล้ว) ประจำ มาเจอเบาะหลังคันนี้บอกเลยว่าสบายกว่ามาก คือ legroom มันพอๆกับ Civic FC(Gen10 รุ่นปัจจุบัน)อะครับ ไม่ได้เล็กกว่าเลย ใหญ่มาก เบาะนั่งก็ทำมาดีมาก คือ หนานุ่ม มีเบาะรองนั่งที่ยาวพอดี พนักพิงหลังเเละพนักพิงศีรษะทำมุมมาดีมาก ส่วน headroom ก็ดีขึ้น คือ พอมีที่เหลือ 1-2 นิ้วมือเเนวนอนเหนือศีรษะ เมื่อนั่งไปเเล้วต้องบอกเลยว่ามันคือจุดขายเลยที่ผมชอบมากๆ ผมกล้าพูดเลยว่ามันดีกว่าเบาะหลัง Mazda3 เเละ Altis มาก เเละมันดีเทียบเท่ารุ่นพี่อย่าง Civic FC จนพี่เขาเเอบปาดเหงื่อเลย มันให้อารมณ์เหมือนคุณนั่ง Civic FC ที่เบาะนั่งสูงขึ้นอะครับ จุดนี้ 10/10 สุดยอด
ส่วน Almera นั้นเบาะหลังถือว่าพอใช้ได้ มีพื้นที่มาให้พอประมาณ เบาะรองนั่งก็สั้นกว่า ไม่ได้สั้นมาก พนักพิงหลังนั้นยังเอนน้อยกว่า City เเละฟองน้ำนั้นนิ่มกว่าทำให้นั่งเเล้วจม ส่วน headroom นั้นผมไม่สามารถนั่งก้นชิดครับ หัวติดเพดานพอดีเป๊ะ ต้องไถลก้นมาด้านหน้า ในภาพรวมเบาะหลัง Almera ถือว่าพอใช้ได้ ไม่เลวร้าย เเต่ถ้าเทียบกับ City เเพ้ราบคาบครับ City ชนะเลิศ
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกด้านหลังนั้นตรงด้านหลังของกล่องเก็บของนั้น Almera มีช่องชาร์จ USB ให้ 1 ช่อง เเต่ City มีช่อง Power Outlet ให้ 2 ช่องเเถมมีที่ใส่ขวดน้ำขนาดใหญ่มาให้ด้วย เเละจุดที่มีมาให้มากกว่า Almera อีกจุดนึง คือ มีที่เท้าเเขนเเบบพับเก็บได้พร้อมที่วางเเก้วในตัวมาให้ด้วย เเม้มุมองศาจะยังไม่รองรับเเขน
มากนัก เเต่ก็ทำให้นั่งได้สบายขึ้นในภาพรวม
สรุปออพชั่นภายในภาพรวมหลักๆ
จุดที่มีเหมือนกัน
-พวงมาลัย เเผงประตู ที่เท้าเเขนตรงกลางคู่หน้าเเละหัวเกียร์หุ้มหนัง
-Push Start+Smart Key
-ระบบ Auto Start/Stop
-ระบบ Bluetooth
-สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงเเละรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย
-หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้วรองรับ Apple Carplay เเละ Nissan Connect หรือ Honda Connect(มีระบบของยี่ห้อตัวเองทั้งคู่)
-ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
-โหมดการขับขี่เเบบสปอร์ต เเละ เกียร์ L(สำหรับ Almera)
-กระจกหน้าต่างไฟฟ้า Auto บานคนขับ
-กระจกหลังตัดเเสงได้
-ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
-เเผงบังเเดดพร้อมกระจกเเต่งหน้า
จุดที่ Almera ดีกว่า
-มีช่อง AUX
-มีช่อง USB ด้านหลัง 1 ช่อง
-มีสวิตซ์ควบคุมจอ MID บนมาตรวัด
-มาตรวัดเเบบจอสี TFT 7 นิ้ว
จุดที่ City ดีกว่า
-เบาะนั่งหุ้มหนังกลับ Alcantara (Almera เบาะนั่งหุ้มผ้า)
-คอลโซลกลางด้านข้างหุ้มหนัง
-มีโหมด ECON
-มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Criuse Control
-มีเเป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift
-มีปุ่มตั้งค่า Trip อยู่ด้านข้างมาตรวัด
-มีช่องชาร์จไฟ Power Outlet ที่ด้านหลัง 2 ช่อง
-มีช่อง HDMI
-มีลำโพง 8 ตำเเหน่ง(Almera มี 6 ตำเเหน่ง)
-ราวมือจับ 4 ตำเเหน่ง(Almera มี 3 ตำเเหน่ง)
-ที่เท้าเเขนเเบบพับเก็บได้พร้อมที่วางเเก้วน้ำสำหรับเบาะหลัง
จุดนี้ City จะดูมีออพชั่นเยอะกว่านะครับ ทั้ง Criuse Control เเละ Paddle Shift เเละที่สำคัญ คือ มีเบาะหนังกลับซึ่งสัมผัสดีกว่าเบาะผ้าเเถมมีโหมด ECON มาให้ใช้ด้วย
ระบบความปลอดภัยหลัก
เป็นสิ่งที่คนด่า City มากที่สุดก็ตรงนี้เเหละครับ ที่เขากั๊กเกินไป เป็นจุดที่ทำให้เเฟนหลายๆค่ายนำมาโจมตีก็ตรงนี้เลย
จุดที่มีเหมือนกัน
-ระบบป้องกันล้อล็อค ABS
-ระบบกระจายเเรงเบรก EBD
-ระบบเสริมเเรงเบรก BA
-ระบบควบคุมการทรงตัว VSA/VDC(ชื่อเรียกของเเต่ละยี่ห้อต่างกัน)
-ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS
-ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน HSA
-ถุงลมนิรภัย 6 ตำเเหน่ง(คู่หน้า-ด้านข้าง-ม่านนิรภัย)
จุดที่ Almera มีมากกว่า
-ระบบเตือนการชนด้านหน้า FCW
-ระบบเบรกอัตโนมัติทั้งบุคคลและยานยนต์ IEB
-กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา Around View Monitor
-ระบบตรวจจับวัตถุและบุคคลรอบคัน MOD
-ระบบเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Warning
-ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง RCTA
จุดที่ City มีมากกว่า
-ระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS
-กล้องมองหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
จุดนี้ Almera ชนะขาดครับด้วยออพชั่นล้ำสมัยสารพัดที่ City ไม่มีเเม้เเต่อย่างเดียว City นั้นออพชั่นความปลอดภัยก็ถือว่าไม่ได้เเย่คือ Copy&Paste ออพชั่นในรุ่นท็อปของ Gen4 มาใส่เลย เเต่พอ Almera เปิดตัวมาเเบบนี้ ทำให้พวกพี่ๆเขาดีใจกันเเละชื่นชมกันใหญ่ ในรุ่น Minorchange City ต้องเพิ่มระบบความปลอดภัยมานะครับ เช่น Hondalanewatch, Adaptive Criuse Control เพื่อที่จะได้มาสู้กับ Almera ในประเด็นนี้เเละจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีขึ้นไปอีก ส่วน Almera เยี่ยมครับดีมาก
เครื่องยนต์เเละเกียร์
Almera
เบนซิน 1.0 TURBO+CVT
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC รหัส HRA0 ขนาด 1.0 ลิตร 999 ซีซี. พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 72.2 x 81.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 9.5 : 1 พละกำลังสูงสุด 100 แรงม้า (PS) ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 152 นิวตันเมตร ที่ 2,400 – 4,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ XTronicCVT พร้อม D-Step Logic ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมันสูงสุด E20 ปล่อย CO2 100 g/km เข้าโครงการ Eco Car Phase 2
City
เบนซิน 1.0 TURBO+CVT
เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ DOHC 12 วาล์ว 988 ซีซี. ระบบแปรผันวาล์ว ทั้งแบบ VTEC และ Dual VTC พ่วงเทอร์โบ กระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 x 78.7 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.0 : 1 พละกำลังสูง 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมัน E20 ปล่อย CO2 99 g./km. เข้าโครงการ Eco Car Phase 2
จุดที่แตกต่างกันนั้นก็คือ City จะเป็นระบบ direct injection แต่อัลเมร่าเป็น port injection ซึ่งในแง่ของประสิทธิภาพแล้ว City จะทำได้ดีกว่าเพราะมีการฉีดจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงได้ละเอียดมากกว่า, Intercooler ของ City เป็นแบบน้ำ ส่วนของ Almera เป็นแบบอากาศ ซึ่งของ City จะให้การตอบสนองที่ดีกว่า,รวมถึงระบบอื่นๆต่างๆที่ของ City จะมีความซับซ้อนมากกว่า ส่วนในเรื่องของเกียร์ City จะเป็นแบบ CVT ของตัวเอง ขณะที่อัลเมร่า เกียร์ CVT ที่มาจาก JATCO
ขอตำหนิ : ในห้องเครื่องของ Honda City นั้นมันดูเรียบร้อยเเละสวยงามมาก ดูดีกว่าห้องเครื่อง Civic เสียอีก เเต่ในห้องเครื่องของ Almera นั้นเอิ่ม..... มันดูรกมากครับ สายเสยพันมั่วไปหมด ทำให้ดูไม่เรียบร้อย ดูเป็นจุดที่เเอบลดต้นทุน ห้องเครื่องราวกับว่าอาจารย์สั่งงานส่งเดือนหน้า เเต่เราดองงาน จนผ่านไป 29 วันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าส่งพรุ่งนี้ เลยรีบปั่นตอนกลางคืน ประมาณนั้นอะครับ
รุ่น Minorchange ปรับด้วยนะครับ
จากตัวเลขพละกำลังที่คุณเห็นแน่นอนครับ เรื่องความแรงซิตี้ชนะใสๆ ครองแชมป์อยู่ขาที่แรงที่สุดแบบไม่เห็นฝุ่น ด้วยความที่เครื่องยนต์นั้นมีแรงบิดพอๆกับเครื่อง 1.8 ลิตร ทำให้อารมณ์นั้นได้เหมือนกับการที่คุณขับรถ 1.8 ลิตร แต่ขณะเดียวกัน Almera นั้น หากใครขับรุ่นเดิมมาแล้วคุณล่ะครับรุ่นนี้กูจะพูดได้เลยว่ามันว้าว มันดีขึ้นแบบ 4-5 ขั้นก้าวกระโดดเลย จากเดิมที่ 0-100 16 วิ แต่มาคราวนี้นั้นอัตราเร่งพอๆกับเครื่อง 1.5 ลิตรเลย ประมาณ 11 วิ(City Gen5 ประมาณ 10 วิ)ถือว่าให้การตอบสนองได้ดี มากๆ บุคลิกจะแตกต่างกัน คือ City ช่วงออกจะมีอาการหน่วง มาจากคันเร่งที่ถนอมเกียร์และตอบสนองค่อนข้างช้ากว่า แต่ขณะที่ Almera นั้น ช่วงออกตัวเหมือนจะพุ่งกว่า เพราะหลังจาก 60 ไปปุ๊บ City ก็ค่อยๆทิ้งห่างไปเรื่อยๆ ตามแรงของเครื่องซึ่งประเด็นนี้ซิตี้ชนะครับแต่อเมร่าก็ถือว่าดีมากเช่นกัน ใครเป็นคนที่ชอบอัตราเร่งดีๆสายซิ่งทั้งหลายหรือสายนำไปแต่ง น่าจะถูกใจมากครับ เเถมเกียร์ CVT ของ City นั้นบุคลิกคล้ายกับของ Civic 1.5 Turbo คือ ตอบสนองดี ฉับไวฉลาด เกียร์ไม่ค่อยจะโง่เเละที่สำคัญคือไม่ค่อยมีอาการเย่อ เเต่ใน Almera นั้นยังคงมีอาการเย่อมากกว่า เเละเกียร์ยังเปลี่ยนเกียร์ไม่ค่อยฉลาดเท่ากับของ City รวมถึงในรอบเดินเบา เครื่องสั่นมากกว่า ส่วนเรื่องอัตราสิ้นเปลืองนั้น Almera อาจได้เปรียบตรงที่ 1.น้ำหนักรถเบากว่า 2.ใช้ล้อ 15 นิ้ว 3.ไม่มีล้ออะไหล่ 4.เข็มมาตรวัดเพี้ยนมาก เเต่โดยรวมถือว่าใกล้เคียงกับ City ครับ ทั้งคู่สามารถทำทะลุ 20 km/l ได้ในการเดินทางไกลเเละมีความประหยัดที่ดีทั้งคู่ครับ
การขับขี่
-ช่วงล่าง
มาคนละสไตล์เลยครับ ในอดีต Honda เป็นยี่ห้อที่ช่วงล่างตึงตัง เเถมขับเร็วๆเเล้วช่วงล่างไม่ดี เเต่หลายปีหลังมานี้ช่วงล่าง City ดีมาตั้งเเต่ Gen1, Gen3 เเละ Gen4 เเต่ที่ผ่านมาก็มีการปรับ ให้นุ่มขึ้นมาเรื่อยๆ คือ gen3 จะเน้นความมั่นใจ เลยอาจจะแข็งไปนิดนึง พอมา Gen4 ก็ปรับให้นุ่มขึ้น แต่พอคราวนี้ ต้องบอกได้เลยว่าฟินเว่อร์ มันนุ่มที่สุดตั้งแต่ Honda เคยทำ City มา มันให้ความสบาย ซับแรงกระแทกได้ดี ในกลุ่มนี้นั้นมันมีช่วงล่างที่สบายที่สุดแล้ว ในการใช้ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นุ่มนิ่มสบาย บวกกับการที่น้ำหนักตัวรถนั้นค่อนข้างมาก ทำให้คุณรู้สึกเหมือนมีอะไรหนักๆมากด ให้ Feeling ที่คล้ายๆกับรถหรูยุโรปสมัยก่อน ใครก็ตามที่ชอบความนุ่มสบาย หรือ เคยใช้ Honda มาก่อน มาเจอตัวนี้ คุณจะถูกใจ แต่ในการใช้ความเร็วเกินกว่า 120 นั้น ช่วงล่างจะออกอาการย้วย และเสียความมั่นใจมาก ซึ่งมันจะตรงข้ามกับอัลเมร่า อัลเมร่านั้นมีช่วงล่างที่แขนมาก เหมือนเรากับเฟซเอาใจคนที่ชอบขับรถ ในการขับขี่ความเร็วต่ำนั้นต้องบอกได้เลยว่าแข็งและกระเทือนมาก แต่ในความเร็วสูงให้การเกาะถนนที่ดีมากไม่เหมือนกับรถรุ่นเดิมที่ออกอาการเบาโหวงๆเลยแม้แต่นิดเดียว หรือว่าช่วงล่างให้เน้นไปในทางสปอร์ต ส่วน City เน้นทาง Comfort ซึ่งอันนี้บอกเลยครับว่าแล้วแต่คนชอบ
-พวงมาลัย
พวงมาลัยของ City นั้นถือว่าเป็นจุดขายที่สุดของคันนี้เลยก็ว่าได้ มันมีน้ำหนักที่ดีมากที่สุดเท่าที่ Honda เคยทำมา ย้อนกลับไปใน Gen 3 นั้นให้ความมั่นใจได้ดีมากแต่อาจจะหนืดไปเล็กน้อย ส่วน Gen 4 นั้นปรับให้เบาขึ้นแต่กลายเป็นว่าเบาไปในความเร็วสูง หรือจะย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น Gen1 ก็ออกไปในลักษณะหนักตามสไตล์
ไฮดรอลิก ส่วน Gen2 ไม่ต้องพูดถึงแหะๆ อันนี้ข้อยกเว้นครับ มาคราวนี้มันให้ความหนืดที่กำลังพอดีมากๆในทุกย่านความเร็ว มีน้ำหนักหน่วงกลางมือที่พอดี ไม่ไหวเหมือนใน honda ช่วง 4-5 ปีก่อนหน้านี้ และมีความเร็วต่ำมันก็ยังคงความคล่องตัวเอาไว้ จะกลับกันความเร็วสูงมันนิ่งและหนึบมากๆ ให้ความมั่นใจในการขับขี่ได้ดีมากเมื่อเจอกระแสลมปะทะ ขณะที่ Almera นั้นก็จะกลับกันเช่นกัน ก็คือพวงมาลัยเบากว่ามาก ขับขี่ในเมืองได้คล่องสะดวกมากใครเป็นสายมุดตามซอยมุดหนีเจ้าหนี้จะเหมาะกับรุ่นนี้มาก แต่กลับกันในความเร็วสูงมันให้ความมั่นใจได้ดีมากกว่ารุ่นเดิมมาก กระนั้นก็ยังต้องสู้ City ไม่ได้เมื่อเทียบกันตัวต่อตัวเพราะ City นิ่งกว่า แน่นกว่า
การเก็บเสียง
- ที่ผ่านมานั้น Honda เป็นยี่ห้อที่ขึ้นชื่อเรื่องเสียงดังในห้องโดยสารดังมาก แต่มาคราวนี้ City ได้ปรับปรุงให้ดีขึ้นมากเสียงรบกวนจากภายนอกลดลงอย่างชัดเจนทั้งเสียงลมและเสียงจากพื้นหรือว่าดีเป็นอันดับต้นๆ ส่วน Almera ถือว่ากำลังกลางแต่ยังคงมี
เสียงดังๆเล็ดลอดเข้ามาได้มากกว่า City
เบรก
- เบรคเป็นแบบหน้าดิสหลังดรัมทั้งคู่ การใช้งานนั้น City จะนุ่มกว่า และตอบสนองได้ไวกว่า กระดาษที่เอาไว้ด้านอาจจะช้ากว่าบ้างแต่ในภาพรวมหรือว่าระบบเบรคก็ยังใช้ได้ไม่ได้แย่เกินไปนัก
สรุป-เธอทั้งคู่ช่างมีสเน่ห์ที่น่าลองคบ ทว่า
City เมื่อส่องทาง FB อาจไม่เด่นเเต่เมื่อพบเจอช่างโดดเด่นเหลือเกิน เเต่ Almera เด่นเเต่ในเฟส ตัวจริงอาจไม่ดีเท่าในเฟส
ไม่เเปลกใจที่ราคาถูกกว่าเเสนนึง
ในภาพรวมรถ 2 คันนี้ต้องบอกว่าบุคลิกนั้นเเตกต่างกันจริงๆเเละเป็นรถที่ดีมากทั้งคู่
ราคา 639,000 กับ 739,000 นั้นมีความต่างของมันอยู่เเละทั้งคู่ก็มีจุดขายของตัวเอง
หากพูดกันตรงๆนั้นในภาพรวมของตัวรถ ไม่นับเรื่องออพชั่นความปลอดภัยลูกเล่นเเละราคา City เป็นรถที่ดีกว่า Almera ในเเทบ
ทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเครื่องยนต์เเละเกียร์ที่เเรงกว่า ตอบสนองฉับไวฉลาด พวงมาลัยหนืดเเละนิ่งกำลังพอดีมากๆ เบรกนุ่ม ช่วงล่างนั้นเเม้ในการขับขี่เร็วเกิน 120 km/h จะให้ความมั่นใจน้อยกว่า เเต่ในการใช้งานจริงส่วนใหญ่เรานิยมขับไม่เกิน 120 km/h ฉะนั้น ช่วงล่างของมันนุ่มสบายผ่อนคลายมากจึงได้ใช้จริงมากกว่า มีวัสดุภายในที่ดูดีกว่ามากพอสมควร เเละที่สำคัญ คือ ห้องโดยสารที่กว้างเกินคลาสนั่งสบาย ใครเป็นคนรักความนุ่มนวลสบายผ่อนคลาย ใครชอบนั่งหลังจะชอบ พ่อตาเเม่ยายกดไลค์ City สมกับสโลเเกนของ Honda ที่บอกว่า REIMAGINE จริงๆ เเม้ในโซเชียล Honda จะโดนถล่มเละ เเต่ในโชว์รูมนั้นต้องยอมรับว่าเขาชนะขาดลอย Honda นั้นมีบทเรียนกับ City Gen2 มาเเล้ว เขาจึงไม่ทำผิดซ้ำ
อีกง่ายๆเเน่นอน ครั้งนี้ก็เช่นกัน ด้วยชื่อเสียงที่ขายมานานกว่าทำให้ City มีฐานลูกค้ามากกว่า กระนั้นจุดที่ต้องปรับเเละดูเหมือนจะเป็นจุดหลักจุดเดียวที่สู้ Almera ไม่ได้นั้น คือ ออพชั่นความปลอดภัยครับ ในรุ่น RS นั้นออพชั่นเเทบจะ Copy&Paste Gen4 SV+ มาใส่เลย เดิมนั้น City เด่นมากเรื่อง Option ความปลอดภัย แต่กลายเป็นคราวนี้ Option กับเท่าเดิม จึงเป็นจุดที่ทำให้ พวกพี่เขา โจมตี ก่นด่า สาปแช่ง ซึ่งผมเข้าใจว่าต้นทุนของเครื่องยนต์และเกียร์นั้นสูงมาก รวมถึงในเรื่องของการออกแบบให้รถมีขนาดใหญ่มากที่สุดในกลุ่ม ต้นทุนส่วนมากจะลงไปที่ค่าวิศวกรรม ผมก็ถือว่า Honda พยายามเต็มที่แล้ว ในการที่จะควบคุมราคารถให้ถูกลงกว่าเดิม แต่นั้นสิ่งที่ต้องแลกมา ก็คือระบบความปลอดภัย ล้ำๆที่ไม่มีมาเลย Honda sensing ไม่มี Honda lanewatch ไม่มีไม่มีไม่มีไม่มี ซึ่งจุดนี้อัลเมร่านั้นชนะขาด รุ่น Minor Change Honda ควรจะใส่ระบบเช่น Honda lanewatch CMBS ABC เพื่อเข้ามา อุดจุดอ่อนตรงนี้ ถ้าหาก Honda แก้ไขตรงนี้ได้ รวมถึงในเรื่องของจุดบางจุดเล็กน้อย อย่างมาตรวัด, ช่องแอร์คู่กลาง กระจุกกระจิกนิดหน่อย City gen5 จะกลายเป็น City สมบูรณ์แบบมาก ที่สุดเท่าที่เขาเคยทำมา ภาพรวมรถมันออกมาดีมากแล้ว ติดแค่เรื่องของต้นทุนจะไม่ต้องตัด Option ความปลอดภัยออกไป หากคุณดู Option ในโบว์ชัวร์และภาพในอินเทอร์เน็ต คุณจะรู้สึกว่า City นั้นมันแพงมันเอาเปรียบอย่างนู้นอย่างนั้นอย่างนี้ตามโซเชียล ซึ่งรุ่นท็อปแพงกว่า 100,000 บาท แต่ถ้าว่า เมื่อคุณไปดูรถคันจริงแล้ว จะพบว่า City ยังไงคือ City วันยังค่ำ ที่ผ่านมา City มีมาตรฐานสูงยังไง มาวันนี้ก็ยังดีอยู่ มันมีความคุ้มค่ามากในตัวเองไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความสบาย ความกว้างขวาง และที่สำคัญคือวัสดุภายในต่างๆ ที่ทำให้คุณไม่แปลกใจว่าทำไมราคามันแพงกว่า 100,000 บาท ยิ่งถ้าใครเป็นลูกค้าซิตี้รุ่นเก่าแล้วละก็ที่ราคา 7 แสนกว่าบาทแล้วมาเจอตัวนี้จะพบว่ามันคุ้มค่ากว่าเดิมมากทั้งราคาถูกลงแรงขึ้นประหยัดขึ้นกว้างขึ้นนิ่มขึ้นนิ่งขึ้น รวม City Gen 5 เป็น City ที่ดีมากรุ่นหนึ่งไม่ใช่ผิดพลาดเหมือนที่ City Gen2 แน่นอน และทำให้ Honda น่าจะเป็นแชมป์ของกลุ่มนี้ไปอีกนานทีเดียว
ขณะที่ Almera นั้นแม้ในโซเชียลจะมีกองเชียร์มากมาย รวมถึงสรรเสริญชื่นชมยินดีปรีดากับคุณสมบัติตัวรถมาก ทว่า ในโชว์รูมนั้นยอดขายกับแพ้ซิตี้ราบคาบ แต่ถ้าเรามองในมุมของ Nissan นั้น 2,000 อันนั้นถือว่าเยอะมากแล้ว ไม่เลวเลยทีเดียว และสามารถก้าวขึ้นมาเป็นรองแชมป์ได้ ซึ่งตัวรถรุ่นนี้นั้น หากเทียบกับรุ่นที่แล้วนั้นต้องบอกเลยว่ามันเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดด รุ่นที่แล้วนั้นเปรียบเสมือน คุณป้าแก่ๆคนนึง ที่ ไปจ่ายตลาดเช้าเย็น แต่เป็นมิตรกับทุกคนและเพื่อนรอบบ้าน มารุ่นใหม่นี้ กลับกลายเป็นวัยรุ่น ที่สุดฮอต รักการผจญภัยชอบลุย และที่สำคัญ ชอบความไฮเทค ซึ่งรุ่นนี้นั้นโอ้โหต้องบอกเลยครับว่าเครื่องยนต์ดีกว่าเดิมคนละเรื่องจะกลายเป็นเครื่องที่อื่นอาจมาวันนี้แรงเครื่องนั้นแดงเป็นเบอร์ 2 กลุ่ม เทียบเท่ากับเครื่อง 1.5 ลิตร มันมีช่วงล่างที่เกาะถนนมากและพวงมาลัยที่ว่องไวเหมาะกับคนที่ชอบมุดตามซอยและมุดหนีเจ้าหนี้ที่มาทวงหนี้ มันมีภายในที่สวยงาม และที่เด็ดก็คือ Option ของวันนั้นเรียกได้ว่าล้น ซึ่งเอาจริงๆเนี่ย City ออฟชั่นความปลอดภัยก็ไม่ได้แย่อะไร จะเข้าไปเจอมันปุ๊บ City ออฟชั่นความปลอดภัยนี่ดับเลย มันให้ Option มันท่วมคันและกระจาย Option ในรุ่นรองๆอย่างยอดเยี่ยม และที่สำคัญคือราคาแทบไม่แพงขึ้น ซึ่งโอ้โหงานนี้ตบมือให้ Nissan เลยครับ ขับรถออกมาแบบนี้ราคาไม่แพงขึ้นรุ่นท็อปถูกกว่า City อยู่ 100,000 บาท แต่ทว่า สำหรับคนที่ ชอบในเรื่องของภายในนั้น เมื่อผมได้ไปดูคันจริงมาก็จะค้นพบว่ามันมีสาเหตุอยู่ที่ถูกกว่าตั้ง 100,000 บาท ก็คือวัสดุภายในไม่ว่าจะยังไงก็ตามยังคงสู้ Honda City ไม่ได้ ในการประกอบชุดต่างๆและมีจุดที่ลดต้นทุนอยู่มาก พลาสติกแข็งต่างๆที่ดูก๊องแก๊ง เสียงปิดประตูเบาๆ เบาะผ้าซึ่งจะให้สัมผัสที่ไม่ได้ดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งความนิ่มของฟองน้ำมันนิ่มเกินไป จนกลัวว่าใช้ไปนานมันจะพังง่าย ยังไม่รับในส่วนของห้องเครื่องหรือท้ายรถไปต่างๆที่ยังประกอบมาดูไม่เรียบร้อยซึ่งจุดนี้ชัดเจนครับ เขาต้องการที่จะกดราคา หากขายราคาแพงมากกว่านี้อาจจะทำให้ยอดได้ไม่ดีเท่านี้เขาต้องพยายามตั้งตัวเองให้ต่ำกว่า City ในเรื่องของราคา ซึ่งชัดเจนเลยว่า City เป็นรถที่มีความเรียบร้อยมากกว่าใส่ใจรายละเอียดมากกว่า ขณะที่ Almera นั้นได้ที่คู่แข่งถือว่าโคตรคุ้ม มันให้คุณได้มากมากๆเมื่อเทียบกับในราคาที่มาแก้ 639,000 ไม่มีอยู่คันไหนอีกแล้วที่ให้มามากขนาดนี้ รหัสใครก็ตามที่ไม่ได้เน้นแต่งไม่ได้เน้นความนั่งสบายวัสดุภายใน แต่เน้นในเรื่องของ Option และที่สำคัญคือราคาที่ถูกและคุ้มค่า อัลเมร่าตัวนี้ตอบโจทย์และโดนใจสเปคของหัวใจคุณสุดๆครับ
ในภาพรวมนั้น Almera เหมือนกับเป็นวัยรุ่น สุดฮอต กำลังห้าวแล้วพุ่งแรง ประสบการณ์ของเขาอาจไม่มาก การเก็บรายละเอียดต่างๆอาจจะยังไม่ละเอียด เเต่ City เป็นมาดผู้ใหญ่เรียบร้อย ผู้หญิงชอบ ผู้ชายที่บุคลิกเรียบร้อยจะชอบ เป็นที่มีความใส่ใจรายละเอียด มีหลายบุคลิกทั้งความเรียบร้อยเเต่เเฝงด้วยพลังเเละพร้อมลุยได้หากนำไปเเต่งต่อ และยังคงเอกลักษณ์ของ City ที่มีมาตั้งแต่ Gen1 คือ"แรงประหยัดกว้างนิ่มสบาย"ครบสูตร ในภาพรวมนั้นลูกค้าทั้ง 2 รุ่นนี้ถือเป็นแบบอย่างของความสำเร็จในกลุ่มอีโคคาร์ที่ค่ายอื่น ต้องลองดูและศึกษาการมาของ City แล้วไม่กล้าและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง City ทำเอา Mazda 2 และ Yaris นั้นเรียกได้ว่าตกม้าตายไปเลยในตอนนี้
ทุกวันนี้กระแสในโซเชียลนั้น มักจะออกไปทิศทางที่เป็น Fake News บางรุ่นโดนโจมตีหนัก และบางรุ่นก็อวยกันเกินไป ฉะนั้นแล้วการเสพสื่อต่างๆ ควรจะเลือกสื่อที่มีข้อมูลเป็นกลาง อย่างเช่น Carman เป็นต้นนะครับ
ที่สำคัญคือ อย่าลืมไปลองนั่งเเละลองขับนะครับ เหมือนกับการมีเเฟนที่คุณไม่ใช่เเค่ส่องปกหน้าเฟสเขาเเล้วก็คบกันเลย คุณต้องลองเป็นเพื่อนกันก่อน ดูเวลาอยู่ด้วยกันว่าเป็นยังไง เเละนั่นละครับจะทำให้คุณค้นพบคนรักของคุณได้ถูกต้อง มากกว่าการตามกระเเสในโลกโซเชียลที่ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย
แล้วคุณผู้อ่านล่ะครับ ชอบรุ่นไหนมากกว่า หรือเป็นแฟนของค่ายไหนลองส่ง comment เข้ามาดูนะครับเพจเรายินดีต้อนรับแฟนๆทุกยี่ห้อ หากคุณถามว่าผมชอบรุ่นไหนมากกว่า หากคุณอ่านตั้งเเต่เเรกจนถึงบทสรุป คุณผู้อ่านก็คงมีคำตอบอยู่แล้วนะครับ
เเละทั้งหมดนั่นละครับ คือ Honda City VS Nissan Almera หรือ
ยอดขายในโชว์รูป VS ยอดขายในโซเชียล
อย่าลืมนะครับ ถ้าชอบบทความเเบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดเเชร์ กดฟอลโลว์กันนะครับ
เเละอีกช่องทางการติดตามนึงสำหรับผู้อ่านย้อนหลัง คือทาง FB: Carman สามารถติดตามย้อนหลังจากเผยเเพร่ทาง Blockdit 2 วัน ไปกดไลค์กดติดตามกันได้นะครับ
วันนี้ลาไปก่อนครับ สวัสดีครับ
ป.ล. รูปทุกรูป คือ City เเละ Almera ตามลำดับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา