30 มี.ค. 2020 เวลา 09:23 • ประวัติศาสตร์
• รวมคำพูดก่อนเสียชีวิต
ของบุคคลดังในประวัติศาสตร์
.
บทความนี้ได้รวบรวมคำพูดสุดท้ายก่อนเสียชีวิต ของเหล่าบุคคลดังที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ทั้งหมด 7 คนด้วยกัน มาดูกันว่าคำพูดสุดท้ายของพวกเขานั้น จะมีความหมายหรือสื่อถึงเรื่องราวของอะไรกันบ้าง
" นี่เจ้าด้วยหรือ ลูกพ่อ? "
" You too, child? "
นี้เป็นคำพูดสุดท้ายของจูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar) นายพลผู้ยิ่งใหญ่แห่งสาธารณรัฐโรมัน ด้วยอำนาจและบารมีของซีซาร์ ทำให้เขามีศัตรูอยู่รายรอบตัว ก่อนที่ท้ายที่สุดซีซาร์จะถูกลอบสังหารโดยฝีมือของเหล่าวุฒิสมาชิกโรมัน ในราว 44 ปีก่อนคริสตกาล
โดยหนึ่งในผู้ลอบสังหารซีซาร์นั้น ก็คือ บรูตัส (Brutus) ซึ่งเป็นบุตรชายบุตรธรรมของซีซาร์ ด้วยเหตุนี้ซีซาร์จึงพูดประโยคดังกล่าว เพราะเขาประหลาดใจและเสียใจอย่างมาก ที่ชายที่เขารักเหมือนลูกแท้ๆ นั้น กลับมาเช่นฆ่าเขาเสียเอง
" ท่านสุภาพบุรุษ ฉันเป็นผู้บริสุทธิ์ในทุกสิ่งที่ฉันถูกกล่าวหา ฉันหวังว่าเลือดของฉัน จะช่วยเสริมโชคลาภของชาวฝรั่งเศส "
" Gentlemen, I am innocent of everything of which I am accused. I hope that my blood may cement the good fortune of the French. "
นี้เป็นคำตรัสสุดท้ายของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 (Louis XVI) กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส ก่อนที่พระองค์จะถูกสำเร็จโทษด้วยกิโยตินเมื่อวันที่ 21 มกราคม ค.ศ.1793
คำตรัสนี้แสดงให้เห็นว่า พระองค์เชื่อว่าพระองค์ไม่ได้มีความผิดใดๆ ตามข้อกล่าวหาที่ทรงได้รับ และทรงหวังว่าความตายของพระองค์ จะช่วยให้ฝรั่งเศสก้าวหน้าเจริญต่อไปได้ แต่สิ่งหนึ่งที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไม่ทรงทราบคือ หลังการตายของพระองค์ ฝรั่งเศสจะยังคงขัดแย้งและแย่งชิงอำนาจกันต่อไปนับสิบปี
1
" ฝรั่งเศส, กองทัพ, ผู้นำกองทัพ, โจเซฟีน "
" France, the army, the head of the army, Josephine."
นี้เป็นคำพูดสุดท้ายของนโปเลียน โบนาปาร์ต (Napoleon Bonaparte) นายพลและจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศส เขาได้นำพาให้ฝรั่งเศสกลายเป็นชาติมหาอำนาจสำคัญในทวีปยุโรป นโปเลียนได้นำกองทัพบุกพิชิตดินแดนทั่วทั้งยุโรป
1
แต่ทว่าในท้ายที่สุด ปี ค.ศ.1815 นโปเลียนก็ได้พ่ายแพ้ต่อกองทัพชาติพันธมิตรยุโรป และหมดอำนาจลง นโปเลียนได้ถูกเนรเทศไปยังเกาะเซนต์ เฮลาน่า (Saint Helena) เกาะเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใจกลางมหาสมุทรแอตแลนติก
1
นโปเลียนอาศัยอยู่ที่เกาะเซนต์ เฮเลน่า แห่งนี้ จนกระทั่งเขาล้มป่วยลง โดยก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ.1821
นโปเลียนได้พูดประโยคดังกล่าว เพื่อแสดงให้เห็นว่า เขายังคงเป็นห่วงและระลึกถึงฝรั่งเศส ตำแหน่งอันสูงส่งของเขา รวมถึงโจเซฟิน (Josephine) หญิงผู้เป็นที่รักของเขา
3
" โซฟี! โซฟี! อย่าพึ่งตายนะ! มีชีวิตอยู่เพื่อลูกของเรา..."
" มันไม่มีอะไร มันไม่มีอะไร "
" Sophie! Sophie! Don't die! Live for our children..."
"It is nothing...it is nothing."
นี้เป็นคำตรัสสุดท้ายของ อาร์ชดยุก ฟรานซ์ เฟอร์ดินานด์ (Archduke Franz Ferdinand) รัชทายาทแห่งจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี (Austria-Hungary Empire) ภายหลังจากที่พระองค์และพระชายาโซฟี (Sophie) ถูกลอบสังหารโดย กาฟริโล ปรินซิป (Gavrilo Princip) ชาวบอสเนียเชื้อสายเซิร์บ ระหว่างที่พระองค์เสด็จไปยังเมืองซาราเยโว (Sarajevo) ในบอสเนียฯ เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ.1914
การลอบสังหารและการสิ้นพระชนม์ของอาร์ชดยุกและพระชายานี้ ได้เป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ออสเตรียฯ ประกาศสงครามกับเซอร์เบีย เพราะเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ และนี้ก็คือจุดเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เข่นฆ่าผู้คนนับสิบล้านคน
1
" ฉันรู้ว่านายมาที่นี้เพื่อมาฆ่าฉัน ยิงฉันสิ นายกำลังจะฆ่าสุภาพบุรุษคนหนึ่งเท่านั้น "
" I know you are here to kill me. shoot, you are only going to kill a man. "
นี้เป็นคำพูดสุดท้ายของ เช เกวาร่า (Che Guevara) แพทย์และนักปฏิวัติคนสำคัญชาวอาร์เจนไตน์ ผู้มีส่วนสำคัญในการปฏิวัติในหลายๆ ประเทศ โดยเฉพาะการปฏิวัติในคิวบา ที่เขาได้ร่วมมือกับฟิเดล กัสโตร (Fidel Castro) ล้มล้างรัฐบาลเผด็จการของนายพล ฟุลเจนซิโอ บาติสต้า (Fulgencio Batista)
ในวาระสุดท้ายของเช เกวาร่า เขาได้เข้าไปสนับสนุนการปฏิวัติในประเทศโบลิเวีย และที่นี้เขาก็ถูกจับกุมตัวโดยทหารของโบลิเวียที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ เช เกวาร่า จึงพูดประโยคดังกล่าว ก่อนที่เขาจะถูกประหารชีวิตโดยการถูกยิง
" ว่าไงนะ? "
" What?"
นี้เป็นคำตรัสสุดท้ายของพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 (Tsar Nicholas II) กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย พระองค์พร้อมด้วยระบอบกษัตริย์ในรัสเซียถึงกาลสิ้นสุดลง ภายหลังการปฏิวัติรัสเซียเมื่อปี ค.ศ.1917 (พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 หมดอำนาจในการปฏิวัติเดือนกุมภาพันธ์ ส่วนเลนินและพรรคบอลเชวิกขึ้นสู่อำนาจในการปฏิวัติเดือนตุลาคม)
1
ภายหลังจากที่พรรคบอลเชวิก (Bolshevik) ครองอำนาจในรัสเซียนั้น พระเจ้าซาร์และพระราชวงศ์ได้ถูกย้ายไปจองจำในที่ต่างๆ จนท้ายที่สุดวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ.1918 พระองค์และพระราชวงศ์โรมานอฟ ก็ถูกสมาชิกของบอลเชวิกสังหารทั้งครอบครัว
1
" ไม่! ไม่! "
" No! No! "
นี้เป็นคำพูดสุดท้ายของเบนิโต มุสโสลินี (Benito Mussolini) ผู้นำเผด็จการฟาสซิสต์แห่งอิตาลี ผู้นำพาให้อิตาลีเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2
ในปี ค.ศ.1943 อิตาลีได้ประกาศยอมแพ้ในสงคราม ส่งผลให้มุสโสลินีถูกรัฐบาลใหม่ของอิตาลีที่ได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายสัมพันธมิตรจับกุมตัว แต่ขณะที่เขาถูกจองจำนั้น มุสโสลินีได้รับการช่วยเหลือจากนาซีเยอรมัน
1
ด้วยเหตุนี้มุสโสลินีจึงสามารถหลบหนีจากที่จองจำ และหนีไปยังตอนเหนือของอิตาลีได้ ที่นั้นมุสโสลินีได้ตั้งรัฐบาลที่เรียกว่า "รัฐบาลซาโล" (Salo Government) โดยได้รับการสนับสนุนจากนาซีเยอรมัน
แต่ท้ายที่สุดรัฐบาลซาโลของมุสโสลินี ก็ถูกโค่นล้มในที่สุด แต่ในขณะที่มุสโสลินีเตรียมหนีออกนอกประเทศ เขาก็ถูกกลุ่มที่ต่อต้านเขาจับกุมตัวไว้ได้ ก่อนที่จะถูกทำร้ายและถูกสังหารจนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ.1945
** ติดตามเพจ Histofun ประวัติศาสตร์เป็นเรื่องสนุกได้ทาง
#HistofunDeluxe
โฆษณา