30 มี.ค. 2020 เวลา 14:30 • ไลฟ์สไตล์
วัยเด็กอันโหดร้ายส่งผลขนาดไหน?
เด็กที่ไม่ได้รับความอบอุ่นจากหมู่บ้าน
จะเผาบ้านทั้งหมดเพื่อให้ได้ไออุ่นจากมัน
- สุภาษิตจากแอฟริกา
Cr. Reddit u/skacey
วัยเด็กถือเป็นวัยที่สำคัญมากๆ เปรียบเสมือน
วัยที่กำลังสร้างเข็มทิศเพื่อค้นหาทิศทางว่า
เราจะอยู่กับสังคมในอนาคตเช่นไร นิสัย ความคิด
บุคคลิก คำพูดคำจา ล้วนแล้วสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก
ในสังคมเรามีความเชื่อว่า
"ให้เรากตัญญูต่อพ่อแม่ที่ให้กำเนิด"
ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่า...
ถ้าสมมุติพ่อแม่คนที่เลี้ยงดูเรามา เลี้ยงดูเราอย่างกดขี่
บังคับ ขู่เข็ญ ด่าทอ ใช้ความรุนแรงโหดร้ายทารุณ
เด็กที่ถูกเลี้ยงดูอย่างนั้นจะเป็นคนแบบไหน?
อนาคตของเขาจะเป็นเช่นไร? เขาจะบอบช้ำแค่ไหน?
บทความนี้เราจะขอเสนอ 2 ชีวิต สองมุม สองทิศทาง
ซึ่งเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากๆ ใครจิตไม่แข็งพอ
ก็เลื่อนข้ามผ่านบทความนี้ไป เราขอเล่าเป็น
อุทาหรณ์สอนจิตสอนใจ และ เปิดความคิดให้กว้างขึ้น
Edmund Kemper : เอ็ดมุนด์ เคมเปอร์
( The Co-ed Killer - นักฆ่านักศึกษาสาว )
Edmund Emil Kemper on April 28, 1973.
เอ็ดมุนด์ อีมิล เคมเปอร์ ที่ 3 เกิดเมื่อปี 1948
( Edmund Emil Kemper III )
มีแม่ชื่อ คลาเนล เอลิซาเบธ เคมเปอร์
( Clarnell Elizabeth Kemper )
พ่อชื่อ เอ็ดมุนด์ อีมิล จูเนียร์/ที่ 2
( Edmund Emil Kemper II )
เคมเปอร์เป็นชายร่างยักษ์ตัวใหญ่
( ตอนที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่เขาสูงถึง 2 เมตร )
มี IQ สูงถึง 145 เรียกง่ายๆว่า อัจฉริยะเลยก็ว่าได้
เมื่อปี 1957 ตอนนั้น เคมเปอร์อายุได้ 9 ปี
พ่อแม่เคมเปอร์ก็แยกทางกัน
และเคมเปอร์ต้องอยู่กับแม่
ส่วนพ่อไปสร้างครอบครัวใหม่
ซึ่งช่วงเวลาที่เขาอยู่กับแม่ของเขานั้นถือว่า หนักเลยทีเดียว
แม่ของเคมเปอร์นั้นเป็น "แม่ที่ขี้เหล่าหัวรุนแรง" เคร่งครัด
เจ้าระเบียบ ชอบดูถูกดูแคลนเคมเปอร์ ทำหลายสิ่งหลายอย่าง
ให้เคมเปอร์ได้รับความอับอายขายหน้าอยู่เป็นประจำ
ขนาดพ่อของเคมเปอร์ได้เคยกล่าวถึงนางคลาเนลไว้ว่า
"ภารกิจเสี่ยงตายในสงครามและต่อมาการทดลองระเบิด
นิวเคลียร์นั้นมันจิ๊บจ๊อยมากถ้าให้เทียบกับการที่ผมต้อง
อยู่กับเธอ" - Edmund Emil Kemper II
แม่ของเคมเปอร์บังคับให้เคมเปอร์ไปนอนในห้องใต้ดิน
เพราะด้วยความกลัวที่ว่า เขาจะทำอะไรไม่ดีกับน้องสาว
เคมเปอร์ต้องนอนมองหลอดไฟที่ห้อยและเสียงหนู
ที่วิ่งอยู่รอบๆเขาในห้องใต้ดินหนาวๆ สกปรกๆ
แม่ของเคมเปอร์ไม่เคยกอดเขา ไม่เคยแสดงความรักแก่เขา
เพราะเธอกลัวว่าการแสดงความอ่อนโยนจะทำให้ลูกของ
เขาเป็นเกย์ เธอก็เลยดุด่า ระเบียบจัด พูดจาถากถางเคมเปอร์
2
และแม่ของเคมเปอร์ ซึ่งในภายหลังได้มีคนวิเคราะห์ว่า
อาจจะมีสภาวะทางจิตที่ไม่ปกติ ซึ่งป่วยเป็น
ภาวะบุคลิกภาพผิดปกติชนิดก้ำกึ่ง
( Borderline Personality Disorder )
ผลกระทบที่ได้ก็คือ เคมเปอร์ เริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ
เริ่มตัดหัวตุ๊กตาของน้องสาวเขา ฆ่าแมวที่บ้านเลี้ยงไว้
ฝังแมวทั้งเป็น ฝันว่ากำลังฆ่าแม่ของเขาอยู่ในฝัน
( ทั้งหมดนั้นเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงเพศหญิง )
มีครั้งนึง พี่สาวของเคมเปอร์ ( ซูซาน ) ได้หยอกเขา
แล้วถามเล่นๆว่า "ทำไมไม่ลองจูบครูสาวของเธอหล่ะ"
เคมเปอร์ตอบไปว่า "ถ้าผมจะจูบเธอ ผมต้องฆ่าเธอเสียก่อน"
1
เคมเปอร์ชอบเล่นเกมกับน้องสาวเขาที่มีชื่อว่า
"ห้องรมแก๊ส" และ "ที่นั่งประหารไฟฟ้า"
โดยวิธีเล่นนั้นง่ายๆ ก็แค่ให้น้องสาวทำท่าเหมือน
กดสวิตซ์ในจินตนาการของเขา แล้วเคมเปอร์
ก็จะทำถ้าเหมือนกำลังดิ้นทุรนทุรายจนกว่าจะ
ทำท่าว่าตาย เหมือนการเล่นว่าตัวเองโดนประหาร
3
เขาเคยเกือบตายมาสองครั้งโดยพี่สาวของเขา
ครั้งแรกผลักเคมเปอร์ไปที่รางรถไฟซึ่งรถไฟกำลังวิ่งอยู่
ครั้งที่สองโดนผลักไปที่จุดที่ลึกของสระว่ายน้ำ
จนเกือบจะจมน้ำตาย
สรุปง่ายๆก็คือ ผลที่ตามมาคือ เขาฆ่า ยายของเขา
ที่มีนิสัยคล้ายแม่ของเขา โดยที่เขาฆ่าเพราะว่า
"เขาอยากรู้ว่าฆ่าคนรู้สึกยังไง" เขาฆ่าตาของเขาต่อ
เพราะเขาไม่อยากให้ตารู้ว่าภรรยาของเขาตาย
เขาไม่อยากให้ตาของเขามาทุกข์ทรมานเสียใจ
เขาฆ่านักศึกษาสาว 6 คน ฆ่าก่อนแล้วค่อยข่มขืน
เขาฆ่าแม่ของเขา และ เพื่อนสนิทสาวของเขา
หลังจากที่เขาฆ่าแม่และเพื่อนสนิท เขาขับรถ
3 วันหลบหนีโดยไม่พัก จนเขาเองตัดสินใจ
มอบตัวกับตำรวจเอง ผลที่เขาได้รับคือ
โดนโทษจำคุกตลอดชีวิต 8 ชาติ
1
ซึ่งเราได้ตัดไปหลายส่วนเกี่ยงกับชีวิตของเคมเปอร์
เนื่องจากถ้าเล่าทั้งหมดมันจะยาวไปมากกว่านี้
เราไปเขาเรื่องถึงบุคคลที่ 2
ซึ่งเป็นเส้นทางชีวิตที่โหดร้ายแต่เขาก็สามารถกลับมา
เป็นคนที่ดี มีชีวิตที่ดีขึ้นได้เช่นกัน คนๆนั้นก็คือ
1
นาย อำนวย จากช่อง zystem
นาย อำนวย เจ้าของช่องยูทูป zystem
นายอำนวยอยู่ในครอบครัวที่มีความแปลกประหลาด
อยู่ในหลายๆจุดคือ เลี้ยงลูกรักลูกไม่เท่ากัน
ถ้าเรียกง่ายๆก็คือ เหมือน นายอำนวย ถูกเกิดมาเพื่อให้
รับใช้ทุกคนในครอบครัว ทุกคนใช้ชีวิตอย่างสบาย
แต่นายอำนวย ต้องรับใช้ทุกอย่าง ทำความสะอาดบ้าน
โดยไม่มีการพัก ยกเว้นทำการบ้าน ต้องทำอาหารให้
ทุกคนกินทั้งตอนเช้า และตอนเย็น
ถ้ามองดูโครงสร้างของครอบครัวนี้ก็พบว่า "แม่" ใหญที่สุด
ซึ่งแม่เขาจะเจ้าระเบียบมากๆ โดยเฉพาะกับ อำนวย
ซึ่งแม่เขาจะให้ปรัชญาเกี่ยวกับงานบ้านเอาไว้ว่า
"งานบ้านเป็นงานที่ทำแล้วไม่มีวันหมดดังนั้น ห้ามพัก"
1
นายอำนวยต้อง เช็ดพื้น ทำความสะอาดตลอดเวลา
ต้องเช็ดทุกอย่าง ของเครื่องใช้ก็ต้องเช็ด ซึ่ง
แม่ของอำนวยจะเช็กว่าทำงานบ้านสะอาดด้วยการ
เอานิ้วมาปาดแล้วดูว่ามีฝุ่นรึเปล่า ถ้ามีก็โดนทำโทษ
โดนการหยิกที่เนื้อตรงแถวหว่างขา เพราะ จะได้
ไม่มีใครเห็นแผลเวลาโดนหยิก และ การทำร้าย-
ร่างกายอื่นๆอีกสารพัด
แม้อำนวยจะมีครอบครัวที่ไม่ดีเท่าไหร่แต่ก็มีเพื่อนที่ดี
ในวัยเด็กอำนวยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อ ซึ่ง
แม่ของเพื่อนจะให้เงิน 20 บาททุกวัน และ อำนวย
ก็จะเอาไปเก็บไว้ในกล่อง ซึ่งเก็บไว้ในใต้เก๊ะอีกที
ซึ่งมีอยู่วันหนึ่ง แม่จับได้ว่ามีเงินซ่อนไว้ จึงถามนายอำนวย
ซึ่งนายอำนวยไม่อยากให้เพื่อนมาเดือดร้อน เขาตัดสินใจ
โกหกว่าโขมยมาจากเงินที่บ้าน แม่ของนายอำนวยเลย
ตีอำนวยอย่างไม่ยั้ง
จนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่นายอำนวยหนีออกจากบ้าน
จนพ่อของเขา พาอำนวยไปส่งให้ป้าเลี้ยงดูที่จีน
ซึ่งช่วงนั้นป้าของอำนวยก็เลี้ยงดูอย่างดี ถือเป็น
ช่วงเวลาในชีวิตของอำนวยที่มีความสุข แต่...
มีอยู่วันหนึ่งที่แม่ของอำนวยโทรมาหาอำนวย
แล้วพูดจาเสียงหวานบอกว่าให้กลับมา นายอำนวย
ตัดสินใจกลับไป ซึ่งก็มารู้ว่าก็โดนหลอกให้กลับไป
รับใช้เหมือนในสมัยก่อนนั้นแหละ
อำนวยตอนกลับมาช่วงแรกก็เรียนเอกชน แต่ต่อมา
ก็ถูกแม่บอกว่าส่งเรียนต่อเอกชนไม่ไหว ทั้งๆที่ส่งได้
แต่เหมือนเหตุผลอะไรบางอย่างเลยไม่ส่งต่อ
( ส่วนลูกคนอื่นๆก็ยังเรียนเอกชนเหมือนเดิมนะ )
อำนวยก็ย้ายมาเรียนโรงเรียนรัฐบาลถูกๆ แทน
ซื้อเสื้อใหม่ รองเท้าใหม่ แต่ก็โดนยึดรองเท้า
แล้วนำรองเท้านั้นไปให้ลูกคนอื่นแทน
มีอยู่สองครั้งที่นายอำนวยตื่นสาย ซึ่งเมื่อตื่นสาย
นายอำนวยก็จะมีเวลาทำกับข้าวให้คนในบ้านไม่ทัน
เรียกง่ายๆว่า "สาย" เมื่อสาย แม่ของอำนวยจะ
ดึงหมอนแล้วถ่มน้ำหลายใส่อำนวยเตะตบตี
ไปเรื่อยๆ แม้กระทั่งทำอาหารก็ยังโดนตบต่อไป
ลูกคนอื่นๆ ก็มาตบต่อยรุมกระทืบอีก
จนถึงขั้น นายอำนวย ต้องปลอบใจตนเองโดยการ
ลูบหัวตนเองแล้วจินตนาการว่าตนเองตอนโต
กำลังลูกหัวปลอบใจตัวเองที่เจ็บในตอนนี้อยู่
เขาต้องรู้สึกโดดเดี่ยวในชีวิตแค่ไหนถึงเป็นแบบนี้?
นาย อำนวย เลยตัดสินใจ หนีออกจากบ้าน
ไปอยู่บ้านเพื่อน พอไปอยู่ก็โดนตามตัวไปที่โรงเรียน
นายอำนวยโดนลากบังคับให้ขึ้นรถ แต่ก็หลุดออกมาได้
ยังไม่พอ ครอบครัวนายอำนวย จะขู่ฟ้องคนที่ช่วย
เลี้ยงอำนวย ( บ้านเพื่อน ) อีกด้วย อำนวยเลยต้อง
ย้ายไปบ้านอื่นที่เขารู้จักกับตำรวจเลยรอดมาได้
นายอำนวยต้องทำงานเป็น เด็กเสิร์ฟ ก่อสร้าง ยาม
จนมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ป้าได้ข่าวแล้วมาดูว่า นาย อำนวย
อยู่อย่างไร ป้าสงสารเลยบอกว่าจะไปอยู่กับป้าไหม
ซึ่งนายอำนวยตอบตกลง แล้วไปอยู่กับป้า
ได้เรียนต่อ แล้วมีชีวิตที่ดีขึ้นจน มีงานมีการ
และเป็นเจ้าของช่อง zystem จนถึงปัจจุบัน
ลองคิดดูว่า ถ้าคุณอยู่ในครอบครัวที่เลี้ยงคุณ
อย่างโหดร้ายทารุณ ไม่ว่าจะทางร่างกาย หรือ จิตใจ
คุณจะรู้สึกยังไง? จะดีใจ หรือ เสียใจ?
1
ในสังคมเราเรียกร้องให้เรากตัญญูพ่อแม่ครอบครัว
แต่ไม่เคยมองกลับมาเลยว่า พ่อแม่และครอบครัว
ก็มีหน้าที่ในการเลี้ยงดูลูกให้ดีด้วยเช่นกัน
1
มนุษย์เราไม่ได้เลวมาแต่กำเนิด ไม่ได้เกิดมาเพื่อฆ่าใคร
ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นทาส ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นฆาตกร
แต่ที่มนุษย์เกิดมาแล้วกระทำสิ่งที่โหดร้ายได้นั้น
เป็นเพราะการเลี้ยงดูในช่วงวัยเด็ก สภาพแวดล้อมเป็นเช่นไร
เขาถูกเลี้ยงดูอย่างดีไหม เขาถูกเลี้ยงดูอย่างเท่ากันไหม?
2
ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนจะสามารถควบคุม ประคับประคองจิตใจ
ตนเองให้รอดพ้นจากความลำบากอย่างไม่มีเหตุผลได้
ใครที่สามารถรอดพ้นจากความโหดร้ายได้แล้วตั้งตัวได้ดี
มันก็มี แต่คนที่เขาไม่สามารถจะคิดควบคุมใจตนเองได้
ก็มีอยู่เช่นกัน การที่จะสามารถควบคุมจิตใจตนเองให้ดีได้
มันไม่ง่ายอย่างที่พูดๆกัน ยิ่งสภาพแวดล้อมไม่ดียิ่งยาก
มนุษย์เราสามารถดีได้ ดีจากตัวเองได้ แต่การที่จะสามารถ
ทำเช่นนั้นได้ต้องมีพื้นฐานที่ดี สิ่งแวดล้อมที่ดี ถึงจะทำ
เช่นนั้นได้ หรือ มีโอกาสที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้
ถ้าคุณตกอยู่ในสถาการณ์ลำบาก เจอสิ่งที่เราคิดว่ามันไม่ดี
เวลาจะตัวอย่างที่ไม่ดี มีคนทำร้าย ดุ ด่า คุณ ผมขอให้คิดว่า
"พอโตไปเราจะไม่เป็นคนแบบนี้" อย่าไปทำตาม หรือ
ล้างแค้นด้วยการไปลงกับคนอื่น เราขอเป็นคนหนึ่ง
ที่หยิบยื่นข้อคิดด้านบวกให้ขอให้ บทความนี้เป็นสิ่งสอนใจ
ต่อผู้อ่าน ต่อครอบครัว ต่อทุกๆคนบทโลกมนุษย์
"มันมีปัจจัยด้านกรรมพันธุ์
มันมีปัจจัยด้านสังคมวิทยา
มันมีปัจจัยด้านจิตวิทยาที่ซับซ้อน
และทุกปัจจัยนั้นมันเกี่ยวข้องกันถ้าเราไม่อยากให้
เรื่องโหดร้ายเกิดขึ้นกับใคร เราต้องให้ความสำคัญ
ในทุกๆระดับ ผมคิดว่าไม่มีใครเกิดมาเพื่อฆ่าใครหรอกนะ
ทุกคนนั้นเกิดพร้อมกับช่วงเหตุการณ์ที่มีทั้งบวกและลบ
ในช่วงที่กำลังโตขึ้นทั้งทางกายและทางใจ
ผมคิดว่าบางคนก็รับมือได้ แต่บางคนก็รับมันไม่ไหว...
- Dr. Joel Fort
แล้วคุณคิดอย่างไรกับบทความนี้?
โฆษณา