31 มี.ค. 2020 เวลา 00:30 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
เมื่อ “ชั้นดินเยือกแข็งคงตัว” ละลายกลายเป็นการปลดปล่อยจุลชีพโบราณให้กลับมามี “ชีวิต” อีกครั้ง
ภาวะโลกร้อน คำเชยๆที่พวกรู้จัก เเละพอรู้ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นบ้างอย่าง น้ำเเข็งบริเวณขั้วโลกกำลังละลาย การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล รวมถึงอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างฉุดไม่ได้ ตอนนี้กำลังส่งผลต่อชั้นดินเยือกเเข็งคงตัว (Permafrost) ที่เก็บกักจุลชีพโบราณให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง
ก่อนอื่นมารู้จักกับ "ชั้นดินเยือกเเข็งคงตัว" กันก่อนครับ
ชั้นดินเยือกเเข็งคงตัว หรือ Permafrost เป็นชั้นดินที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส เป็นเวลานานอย่างต่ำ 2 ปีจนถึงหลายล้านปี ปกติชั้นดินนี้จะอยู่ลึกลงไปไม่กี่ฟุต จนถึง 1ไมล์ เพราะส่วนที่อยู่ด้านบนประมาณ 50 เซนติเมตรจะละลายจากการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิช่วงฤดูร้อนของเเถบขั้วโลก ชั้นดินนี้อาจกินพื้นที่ขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคเช่น อาร์กติก หรือพื้นที่ขนาดเล็กอย่างยอดเขาเเอลป์
1
โดยจุดที่อยู่ของชั้นดินนี้เรียกว่า "GlobPermafrost"
เรื่องราวของการค้นพบจุลชีพโบราณอย่าง ไวรัส หรือเเบคทีเรีย ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งมีการค้นพบเมื่อเร็วๆนี้ ทว่าต้องย้อนไปถึงช่วงทศวรรษที่ 1990 เมื่อศูนย์วิจัยไวรัส ในเมืองโนโวซิบริสค์ ของรัฐเซีย ได้ตรวจร่างของมนุษย์ในยุคหินซึ่งพบชิ้นส่วน DNA ของไวรัสกาฬโรคอยู่ เเต่ไม่ได้พบเชื้อที่มีชีวิตเเล้ว
ค.ศ. 2005 พบเชื้อเเบคทีเรีย Carnobacterium pleistocenium ที่อยู่ในบ่อน้ำเเข็งของอลาสกากลับมามีชีวิต ซึ่งคาดว่าเเบคทีเรียนี้น่าจะมีอายุ 32,000 ปี
1
ค.ศ. 2007 สองปีต่อมาพบเเบคทีเรียโปราณอายุกว่า 8 ล้านมีในเเอนตาร์กติกา กำลังมีชีวิตอยู่หลังจากการละลายของน้ำเเข็ง
ค.ศ. 2014 BBC NEWS ได้รายงานการค้นพบไวรัสโบราณขนาดใหญ่ที่สุดจนสามารถมองด้วยกล้องจุลทรรศน์ขนาดปกติได้ ที่ขนาด 1.5 ไมโครเมตร โดยทีมนักวิจัยจากฝรั่งเศส ที่ได้ตีพิมพ์เผยแพร่ลงวารสารโพรซีดิงส์ออฟเดอะเนชันนัลอะคาเดมีออฟไซน์ส หรือที่เรียกว่า PNAS โดยเจ้าไวรัสชนิดนี้มีชื่อว่า "Pithovirus sibericum" ซึ่งมีอายุกว่า 30,000 ปี
ท่านสามารถดูข่าวการค้นพบชนิดนี้ได้ ซึ่งสร้างความตื่นตกใจเเละเเปลกประหลาดใจ เมื่อได้ยินการค้นพบนี้
เเละเมื่อปี 2016 พบการกลับมาอีกครั้งของเชื้อเเอนเเทร็กซ์ ที่มีการระบาดเมื่อ75 ปีที่เเล้ว กลับมาทำร้ายคนอีกครั้ง ซึ่งได้คร่าชีวิตเด็กชายวัย 12 ปี เเละคนอีก 20 รายต้องหามส่งสู่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในคาบสมุทรยามาล เเถบไซบีเรีย หลังจากซากกวางเรนเดียร์ที่ติดโรคนี้ที่ถูกฝังไว้ กลับออกมาสัมผัสอากาศเเละเเหล่งน้ำ หลังชั้นดินเยือกเเข็งถาวรนี้ได้ละลายลง
2
การที่จุลชีพเหล่านี้สามารถมีชีวิตอยู่ได้ เพราะมีการสร้างสปอร์หุ้มตัวไว้ เสมือนการจำศีล เเละเมื่อสิ่งเเวดล้มเหมาะสมมันจึงจะคืนชีพอีกครั้ง
1
ทั้งนี้นักวิทยาศาสตร์ยังมีการค้นพบจุลชีพโบราณที่ถูกเเช่เเข็งกลับมามีชีวิตอีกจำนวนมาก ซึ่งเป็นผลมาจากการละลายของชั้นดิน ทว่าสิ่งที่ควรเข้าใจคือไม่ใช่จุลชีพทุกชนิดจะทำร้ายมนุษย์ เเต่ปล่อยให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มมากขึ้นยิ่งส่งผลให้จุลชีพโบราณเหล่านี้กลับมามีชีวิตมากขึ้น นั้นเท่ากับว่า นักวิทยาศาสตร์ต้องรีบศึกษาเเละทำความเข้าใจกับจุลชีพเหล่านี้ เเต่หากเป็นจำนวนที่มากมาย เราก็คงไม่สามารถศึกษาได้ทั้งหมด เเละนั่นคือจุดอันตราย เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะมีผลต่อสิ่งมีชีวิตอื่นๆอย่างไร
1
ภาพเชื้อเเอนเเทร็กซ์
ซึ่งไม่ได้มีเเต่จุลชีพโบราณเท่านั้นที่เป็นผลจากการที่ชั้นดินนี้ละลายยังมีผลกระทบด้านอื่นๆ เช่น
1. หลายหมู่บ้านทางตอนเหนือ เเถบอลาสกา ตอนเหนือของรัสเซีย เเละเเถบไซบีเรีย สร้างบ้านเเละหมู่บ้านของพวกเขาบนชั้นดินเหล่านี้ เเละเมื่อมันละลายอย่างรวดเร็ว จะส่งผลกระทบต่อสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์อย่าง อาคารบ้านเรือน หรือถนน
1
หมูบ้านที่ได้รับผลกระทบในอลาสกา
ถนนที่บิดเบี้ยวจากผลกระทบของชั้นดินเยือกเเข็งคงตัวที่ละลาย
2. การละลายของชั้นดินจะปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกมา
เนื่องจากชั้นดินเหล่านี้เก็บซากพืชเเละสัตว์ที่ตายไป เเต่ไม่สามารถย่อยสลายได้เพราะอุณหภูมิที่ต่ำ เเต่เมื่อชั้นดินเหล่านี้ละลายกระบวนการการย่อยสลายก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ทำให้ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำพวก คาร์บอนไดออกไซด์ เเละมีเทน ก๊าซที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือมีเทน เพราะสามารถเก็บกักความร้อนในบรรยากาศได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 84 เท่า ถึงเเม้จะมีอายุอยู่ในชั้นบรรยากาศเพียง 12 ปีก็ตาม
2
ซึ่งหากคิดย้อนกลับจะพบว่า การเพิ่มขึ้นของก๊าซเรือนกระจกนี้จะทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น เเละเมื่อสูงขึ้นจะยิ่งทำให้ชั้นดินนี้ละลายอย่างรวดเร็วเเละชั้นดินก็จะยิ่งเปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้น ทำให้สถานการณ์โลกเรายิ่งเลวร้ายลงเข้าอีก
จะเห็นได้ว่า ประเด็นด้านโลกร้อนควรเป็นประเด็นที่ทุกควรจะตระหนักถึง เพราะไม่ใช่สิ่งที่กระทบต่อมนุษย์เพียงอย่างเดียว ยังกระทบต่อสิ่งเเวดล้อมรอบตัวอีกด้วย
"โลกร้อน" ไม่ได้เเค่กำลังเปลี่ยนเเปลงสภาพเเวดล้อมรอบตัวมนุษย์ อย่างอุณหภูมิที่สูงขึ้น การขยายตัวของน้ำทะเล การละลายของน้ำเเข็ง ทว่าทุกวินาทีที่โลกร้อนขึ้นมันกำลังสั่นคลอนอนาคตของมนุษยชาติอยู่
บทความโดย คลังความรู้
โฆษณา