31 มี.ค. 2020 เวลา 05:49 • ปรัชญา
"เพราะความจน … จึงทำให้นิสัยเปลี่ยนไป"
ถ้าใครที่กำลังท้อแท้หมดหนทาง
มีปัญหาที่เข้ามาในชีวิตมากมาย
ลองอ่านบทความบทนี้ดู คุณอาจจะมีกำลังใจขึ้นมาได้ แล้วจะรู้ว่า ชีวิตเรามันมีความสำคัญมากแค่ไหน
ถ้าคนที่เคยลำบากมาก่อนก็คงจะรู้เกี่ยวกับประสบการณ์นี้ดี ประสบการณ์นี้เป็นของสมากชิกท่านหนึ่งของเว็บไซต์พันทิป
จะเป็นอย่างไรนั้น เอามาดูกันเลยนะครับ
ลำบากถึงขนาดมีเงินก็ไม่กล้ากินข้าว
เพราะ ต้องเก็บเงินไว้นั่งรถเมล์หางานทำ
ที่บ้านโดนตัดไฟ อยู่ในบ้านมืดๆ เป็นเดือนๆ น้ำไม่อาบเป็นเดือนๆ เพราะไม่กล้าซื้อสบู่ (เหตุผลเดียวกับไม่กล้าซื้อข้าวกิน)
ตอนนี้ ความลำบากนั้นกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดี ตอนนี้มีงานทำแล้ว ชีวิตกำลังดีขึ้น แต่ความจนเปลี่ยนนิสัยผมไปหลายอย่าง ช่วงเวลาที่ลำบาก ทำให้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมาย
– จากคนกินทิ้งกินขว้าง กินข้าวไม่หมดจาน ตอนนี้ฟาดเรียบไม่มีเหลือ
– กลายเป็นคนกินจุขึ้น เคยกินข้าววันละ 1 ทัพพีต่อมื้อ ตอนนี้ 4-5 ทัพพีต่อมื้อ
– รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งเวลา เห็นคนกินทิ้งกินขว้าง กินไม่หมด โดยเฉพาะบนฟู้ดคอร์ด เห็นเหลือทิ้งกันเยอะมาก ทั้งที่มันก็ไม่ได้เยอะเลย ทำไมถึงกินให้หมดชามไม่ได้ …
– เคยเป็นคนกินยาก ช่างเลือก ตอนนี้กินเมนูที่ไม่เคยกินได้หลายอย่าง จากไม่เคยกินน้ำพริก ก็กลายเป็นชอบน้ำพริก ไม่ชอบเครื่องในสัตว์ กลายเป็นกินได้
– ไม่เคยทำกับข้าว แต่ความลำบากสอนเราให้ต้องทำกับข้าวเป็น ตอนนี้ทำได้หลายอย่างแล้วเพราะ ทำกินเองถูกกว่าซื้อ
– ความบันเทิงในชีวิตหายไปหมดสิ้น จากเคย ดูหนัง ฟังเพลง เล่นดนตรี เล่นเกมส์ … สิ่งเหล่านี้หายไปจากชีวิตเพราะความจน … แต่ได้ค้นพบสิ่งใหม่คือการนั่งสมาธิภาวนา
– เคยเป็นคนไม่มีน้ำใจ ขอทานไม่เคยให้ตังค์ ตอนนี้เจอใครลำบาก ก็อยากช่วยเหลือเขา … เพราะเข้าใจว่าความจนมันเจ็บแค่ไหน
– ไม่เคยรับโบชัวร์ ใบปลิว ที่คนมายืนแจก … ตอนนี้รับหมดไม่ว่าใครแจกอะไร เพราะเข้าใจว่า เขาก็เหนื่อย ก็หิว และ ไม่มีทางเลือกเหมือนกัน จึงต้องมายืนแจกใบปลิวแบบนี้
– เป็นคนประหยัดมากขึ้น จากสมัยก่อนที่ยังไม่ลำบาก ตอนนี้มีเงินแค่ 2,000 ก็อยู่ได้ทั้งเดือน
– ความจนทำให้ผมรู้ว่า คนเราจะแบ่งบันเพื่อนมนุษย์ได้ก็ต่อเมื่อคนผู้นั้น เอาตัวรอดได้แล้ว มีเงินสุขสบายแล้ว จึงจะคิดถึงผู้อื่น … จึงเข้าใจว่าคนจนบางคนไม่ทำบุญ เพราะเขาไม่มีแม้แต่จะกินจริงๆ … ลึกๆ ก็รู้ว่าคนจนเหล่านั้นก็อยากทำบุญ อยากช่วยเหลือผู้อื่นถ้ามีโอกาส เหมือนกันถ้ามีเงินมากกว่านี้
– เป็นคนเดินทนมากขึ้น จากเมื่อก่อนแค่ 1 ป้ายรถเมล์ก็ขึ้นรถแล้ว แต่ตอนนี้สามารถเดิน ไป-กลับที่ทำงานได้ หลายกิโล โดยไม่ขึ้นรถเมล์
– เห็นคุณค่าของเงินมากขึ้น จากที่เมื่อก่อน เหรียญบาทเกลื่อนห้อง ตอนนี้เก็บทุกบาททุกสตางค์
– ความจนทำให้ผมอยากเรียนรู้เรื่องการออม การลงทุน ทั้งที่เมื่อก่อนไม่สนใจ เก็บใส่กระปุกอย่างเดียว ไม่คิดนำไปต่อยอด
– เมื่อก่อนเห็น ขอทาน แล้วเฉย ๆ ตอนนี้รู้สึกสงสาร อยากช่วยเหลือ อยากทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น
– คิดว่าวันนึงถ้าร่ำรวย มีเงิน มีโอกาสแล้วอยากช่วยเหลือคนตกงาน อยากนำข้าวไปให้กิน อยากหางานให้ทำ อยากช่วยเหลือทุกเรื่องที่จะช่วยเหลือคนตกงานให้ผ่านพ้นวิกฤติไปให้ได้ (อันนี้อยากทำจริง ๆ อยากเปิดเป็นมูลนิธิช่วยเหลือคนตกงานเลย)
– จากเคยมองคนที่ต่ำกว่า ว่าต่ำต้อย
ไม่น่าคบ กลาย เป็น เห็นอกเห็นใจ
อยากช่วยเหลือ
– จากเป็นคนไม่เคยทำบุญ ก็สนใจการทำบุญ ไม่เคยสวดมนต์ภาวนา ไม่เคยทำสมาธิ วิปัสนา ก็หันมาสนใจเรื่องบุญมากขึ้น
– ไม่เคยสำรวจตัวเองว่า ทุเรศ ขี้เกียจ ซกมก ตอนหลังจึงมาคิดได้ และ พยายามสลัดนิสัยเสีย ๆ ของตัวเองออกไป
– เคยมองโลกแต่ในแง่ลบ
ตอนนี้ มองแต่ในแง่บวก …
สิ่งนึงที่ทำให้รอดตายมาได้เพราะ เปลี่ยนความคิดจาก ลบ เป็น บวก และเจอกับตัวเองแล้วว่า คนที่คิดแต่แง่ลบ เรื่องเลวร้ายก็จะเข้ามา ต้องมองแต่แง่บวกไว้ก่อน ถึงจะมืด 360 ด้าน ยังไงก็ต้องมีทางออกของปัญหาเสมอ
ปล. เพราะอะไรผมถึงเจอวิบากกรรม
ทำให้ลำบากขนาดนี้ …
เพราะความขี้เกียจคำเดียวเลย
ลองอ่านกระทู้นี้ดู หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่ กำลัง ขี้เกียจ ท้อแท้ จับจดนั่งโทษตัวเอง ฯลฯ ได้
ทุกอย่างเริ่มใหม่ได้เสมอครับ เพียงอย่าท้อแท้ สิ้นหวัง ลุกขึ้นสู้ และลงมือทำ
ทำเท่าที่ความสามารถเราจะทำได้
ขอเป็นกำลังใจให้กับคนที่ตอนนี้กำลังเผชิญกับปัญหา
ค่อยๆคิด ค่อยๆทำ ปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่
ชีวิตมันมีทางออกเสมอครับ
สู้ๆนะครับ✌✌
.
cr : Ramet Tanawangsri
โฆษณา