3 เม.ย. 2020 เวลา 04:28 • การศึกษา
แนะนำหนังสำหรับพัฒนาภาษาอังกฤษและเข้ากับสถานการณ์
ในสถานการณ์อย่างนี้หนึ่งในหนังที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์ปัจจุบันของโลกคือ Contagion
ซึ่ง Contagion (n) /เคิน-เท้-เจิ่น/ แปลว่า การติดต่อของโรคโดยการสัมผัส
มาถึงจุดนี้หลายคนคงนึกขำผมอยู่ในใจ เคิน เท เจิน อะไรกันเจ้าแอดมินมั่ว มันอ่านว่า คอนทาเจี้ยน หรือ คอนเทเจี้ยน ต่างหาก ชื่อหนังภาษาไทยยังบอกเลย
สิ่งที่ผมโดนเยาะเย้ย (ฮา) คือวิธีอ่านแบบไทยเราครับ คือเป็นการเหมารวมกฎการอ่านเพื่อความง่ายต่อการออกเสียงและความเข้าใจ เมื่อก่อนตอนเด็กๆผมก็ถูกสอนมาว่า Con อ่านว่า คอน เช่น Concert คอนเสิร์ต หรือใดๆที่มี –on ผสมอยู่ จะอ่านเป็นสระ ออ + น // Ta อ่านว่า ทา หรือ เท เช่น Table เทเบิล // Gion อ่านว่า เจี้ยน เช่น Religion รีลิเจี้ยน
โน้ โน นะครับ ไม่ได้นะอ่านแบบนี้ไม่ได้ เรารู้กันแค่ที่ไทยเท่านั้น จุ๊ๆ ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษเราต้องไปดูวิธีการออกเสียงจาก dictionary กันนะครับ
เข้าเรื่องหนังกันดีกว่า อาจจะมีเนื้อหาสปอยล์บางส่วนนะครับ แต่จะกล่าวกว้างๆแล้วกัน
เบ็ธ เอ็มฮอฟฟ์ (Gwyneth Paltrow) ไอและกำลังกินขนมขบเคี้ยวอยู่ จากนั้นก็ยื่นบัตรเครดิตของตัวเองให้พนักงาน ชายคนหนึ่งรู้สึกป่วยมีไข้ได้กดลิฟต์และไอระหว่างอยู่ในลิฟต์ หญิงสาวคนหนึ่งแสดงอาการผิดปรกติวางแฟ้มส่วนตัวไว้ที่สาธารณะ ขึ้นรถแท็กซี่ และไปพักที่โรงแรม นักธุรกิจมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวระหว่างโดยสารเครื่องบินจากนั้นแสดงอาการรุนแรงขึ้นขณะจับราวมือบนรถบัส
หลังจากไปทำงานที่ฮ่องกง เบ็ธ เอ็มฮอฟฟ์กลับบ้านที่มินนีแอโพลิส จากนั้นเธอรู้สึกป่วยแต่คิดว่าเป็นผลมาจากการโดยสารเครื่องบิน ต่อมาเธอได้เสียชีวิตกะทันหันจากอาการช็อค โดยที่สามี (แท็ตต์ เดม่อน) ก็ไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้เธอเกิดอาการเช่นนั้น
นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของอาการลึกลับดังกล่าว เวลาผ่านไปหลายวันผู้คนถึงเริ่มตระหนักถึงความร้ายแรงของการติดเชื้อ ในขณะที่ศูนย์ควบคุมโรคของอเมริกาและองค์การอนามัยโลกได้พยายามอย่างหนักเพื่อวิจัยไวรัสและหาวิธีรักษา ผู้คนได้แสดงอาการวิตกและสัญชาตญาณดิบเพื่อความอยู่รอดออกมา
https://www.patsonic.com/movie/virus-outbreak-film-series/
ต้องบอกเลยว่าหนังทำออกมาได้ดีมากเลย ขอเตือนไว้ก่อนว่าหนังมีความกดดันทั้งบทของตัวละคร ดนตรีประกอบและสถานการณ์ในหนัง ใครจะไปคิดว่าการระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนและสร้างความโกลาหลครั้งใหญ่มาจากสิ่งเล็กๆ การสัมผัสในชีวิตประจำวันทำให้การแพร่เชื้อลามออกไป การที่ผู้คนใช้ชีวิตอย่างประมาทมีผลให้ผู้อื่นติดเชื้อไปด้วย และปฏิกิริยาที่ผู้คนเริ่มทนไม่ไหวกับสถานการณ์ที่ไม่คลี่คลายในเร็ววัน ซึ่งผู้กำกับ สตีเฟ่น โซเดอเบิร์กได้ถ่ายทอดประเด็นเหล่านี้ออกมาได้ดีเลยทีเดียว
ใครจะไปคิดว่าหนังตั้งแต่ปี 2011 จะคล้ายกับสถานการณ์จริงในปี 2020 นี้ จริงๆมันเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราเพิกเฉยมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการที่เราไอในที่สาธารณะแม้จะปิดปากแต่เราก็เผลอจับสิ่งของต่างๆโดยไม่ได้ล้างมือ จนไปถึงการใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่นในขณะที่เรามีอาการป่วย
ประเด็นที่ผมเอาหนังเรื่องนี้มาแนะนำเพราะมันเข้ากับสถานการณ์ตอนนี้ มันมีตัวอย่างการเกิดโรค การแพร่กระจายของเชื้อ และวิธีรับมือในสถานการณ์แบบนี้ รวมทั้งคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่จำเป็นในสถานการณ์แบบนี้อีกด้วย
จำบทความก่อนหน้านี้ได้มั้ยครับที่ผมแนะนำวิธีการดูหนังไป วันนี้ผมจะแสดงให้ดูเป็นตัวอย่างว่าผมทำยังไงนะครับ ทุกประโยคที่ยกตัวอย่างมานั้นเป็นประโยคที่มาจากในหนังครับ ผมดูเป็นซับอังกฤษนะครับ ที่ต้องเปิดซับเพราะบางบทมีศัพท์ทางการแพทย์และศัพท์ทางการมากมายจึงต้องเปิดเพื่อเช็คให้ชัวร์ครับ และถ้าคุณผู้อ่านตามไปดูโดยเปิดซับไทยจะงงกับคำแปลของผม เพราะผมแปลตามบทพูดในหนังและตามที่ตัวเองเข้าใจนะครับ อาจจะไม่ตรงกันกับที่แปลในซับไทย
มาดูที่คำศัพท์กันเลย
1. Protocol (n) = ระเบียบการ มาตรการ
They’re using the same protocols established for SARS.
พวกเขาใช้ระเบียบการเดียวกันกับที่ใช้กับโรคซาร์ส
2. Treatment (n) การรักษา การดูแล การปฏิบัติ
Have you found any treatment at all? Any antivirus? Anything?
คุณค้นพบวิธีรักษาบ้างรึยัง มีวัคซีนมั้ย มีอะไรสักอย่างมั้ย
3. Vaccinate (v) ฉีดวัคซีน
Now you wanna tell people not to get vaccinated when that’s the best chance they’ve got.
ตอนนี้คุณจะมาบอกทุกคนไม่ให้ไปฉีดวัคซีน ทั้งๆที่มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเขา
4. Contact (n) การสัมผัส
หลายคนอาจจะคุ้นเคยว่าคำนี้แปลว่าการติดต่อสื่อสาร ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งความหมายของคำนี้ครับ แต่ในบริบทของหนังเรื่องนี้ Contact จะแปลว่าการสัมผัส เช่น
What we do know is that in order to become sick...you have to first come in contact with a sick person or something they touch.
สิ่งที่พวกเรารู้คือในการที่จะมีอาการป่วย คุณจะต้องไปสัมผัสกับคนที่ป่วยหรือสิ่งของที่เขาสัมผัส
5. Symptom (n) อาการ
Sometimes people can be contagious without even having symptoms.
บางครั้งคนก็สามารถแพร่เชื้อได้แม้จะไม่แสดงอาการใดๆก็ตาม
มีประโยคที่อยากจะแนะนำด้วยครับ โดยดอกเตอร์เอลลิส ชีเวอร์ (Laurence Fishburne) พูดว่า
But right now, our best defense has been social distancing. No hand-shaking, staying home when you’re sick, washing your hands frequently.
แต่ตอนนี้ วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือการเว้นระยะห่างระหว่างกัน ไม่จับมือ ถ้าคุณป่วยก็อยู่ที่บ้านไป และล้างมือบ่อยๆ
ถือว่าเป็นคำแนะนำที่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้เลยนะครับ ใครที่มีลูกค้าหรือคนรู้จักที่เป็นชาวต่างประเทศ ลองใช้ คำศัพท์ในประโยคนี้ไปแนะนำได้เลยครับ
เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงดอกเตอร์เอลลิสก็ได้ไปฉีดวัคซีนให้หนุ่มน้อยคนหนึ่ง และบอกถึงที่มาของการจับมือ hand-shaking ว่า
It was a way of showing a stranger you weren't carrying a weapon in the old days.
เมื่อก่อนมันเป็นวิธีแสดงออกให้คนแปลกหน้ารู้ว่าเราไม่มีอาวุธอยู่ในมือนะ
You offered your empty right hand to show that you meant no harm.
คุณยื่นมือขวาเปล่าๆออกไปเพื่อแสดงให้รู้ว่าเราไม่ได้มีเจตนาร้าย
https://www.scholarship.in.th/
เป็นยังไงบ้างครับเรื่องนี้ได้พัฒนาความรู้รอบตัวและได้ความรู้ในสถานการณ์ปัจจุบัน และที่สำคัญได้พัฒนาภาษาอังกฤษด้วย อย่างที่ผมบอกวิธีที่ผมแนะนำไป ทำได้จริงนะครับ ผมลองทำให้ดูเป็นตัวอย่างแล้ว อยากให้ทุกคนลองทำดูครับ เริ่มต้นในระดับที่ตัวเองยังไหวก่อนครับ แล้วค่อยๆเพิ่มความยากขึ้นไป
ขอให้สนุกกับการพัฒนาภาษาอังกฤษ รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ (^0^)
โฆษณา