4 เม.ย. 2020 เวลา 03:44
"กระจกหกด้าน" สารคดีที่คนรุ่นผมต้องได้ฟังเพลงเปิดรายการอันเป็นเอกลักษณ์ทุกวันหลังเคารพธงชาติหกโมงเย็น ออกอากาศครั้งแรกวันที่ 1 สิงหาคม 2526 ตอนนั้นผมอายุสิบขวบแล้ว
คลิกฟังเพลงได้ที่ด้านล่างครับ ผมเลือก version นี้มาเพราะ Intro เริ่มด้วยเสียงที่เราคุ้นเคย หากเข้าไปที่ช่อง official ต้นฉบับจะมีเสียงประกอบนานหลายวินาทีกว่าเพลงจะเริ่ม
เพลงเปิดรายการมีที่มาจากเพลง Dancing Flames ของ Mannheim Steamroller จากอัลบั้ม Fresh Aire IV ในปี 1981 ก่อนรายการ กระจกหกด้าน ออกอากาศตอนแรกเพียง 2 ปีเท่านั้น
ที่มาของข้อมูลและประวัติหาอ่านได้ที่นี่ครับ คุณนภษร ศรีวิลาศ ผู้เขียนบทความทำไว้ดีมาก
ชื่อรายการ กระจกหกด้าน มาจากคำสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ที่ว่า "คนเราทุกวันนี้ ดีแต่ส่องกระจกด้านหน้าแต่เพียงด้านเดียว ให้เอากระจกหกด้านมาส่องเสียบ้าง แล้วจะเห็นเอง"
ที่มาจาก Wikipedia ครับ
ผมคิดว่า "กระจกหกด้าน" เป็นรายการสารคดีที่ทันสมัยมากๆ หากมองจากวันนี้ถอยหลังกลับไป เสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของคุณสุชาดี มณีวงศ์ ถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆให้เราชมผ่านทางทีวีได้อย่างมีเสน่ห์ ได้รับรางวัลมากมายเป็นเครื่องหมายรับประกันคุณภาพผลงาน
เราจะได้รับทราบถึงเรื่องราวต่างๆตั้งแต่ ศิลปะวัฒนธรรม ประเพณีไทย ชีวิตความเป็นอยู่ ของคนทุกภาคในประเทศไทย อาหารการกิน ท่องเที่ยว ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ภูมิปัญญาไทย วิทยาการที่ทันสมัยต่างๆ อัตชีวประวัติของบุคคลสำคัญต่างๆทุกแวดวงในสังคมไทย
ตอนนั้นเราก็เป็นเด็กบ้านนอก สิ่งที่จะทำให้เรารับรู้ถึงโลกภายนอกได้ ก็มีเพียงหนังสือ และโทรทัศน์ เท่านั้น การได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ก็ทำให้เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจ มีความอยากไปเด็กกรุงเทพ อยากเห็นความเจริญ อยากเดินทาง
ผมคิดว่าหลายๆคนคงได้รับอิทธิพลจากรายการนี้อยู่บ้างไม่มากก็น้อย และอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมต้องระหกระเหินมาจากบ้านเกิดตั้งแต่อายุ 18 ด้วยกระเป๋าใบเดียว
ปัจจุบันรายการลักษณะนี้ กลุ่มเป้าหมายก็จะลดลงไปตามกาลเวลา เนื้อหาที่เน้นสาระแต่เพียงอย่างเดียว อาจจะไม่เหมาะกับสภาพสังคมในปัจจุบัน ที่ทุกอย่าง Online และต้องเร็ว สนุก กระชับ เหมาะกับวัยรุ่นที่ Life style เปลี่ยนไปมากๆ แทบจะยิบย่อยแยกเป็นรายคน เพราะทุกคนมีแบบฉบับของตัวเอง
ยุคนี้ Youtuber ดังๆก็มีพื้นฐานมาจากความชอบส่วนตัวและ Life syle ของตัวเอง ทั้งนั้น ความแปลกใหม่ สด และเป็นที่สนใจของคนหมู่มาก เป็นสิ่งที่ผู้เสพถวิลหา หากตรงกับตัวเองก็จะเกิดเป็นสังคมเฉพาะ มีผู้ติดตาม มีแฟนคลับ เราไม่ได้โดดเดี่ยวอีกต่อไปในโลกของจริง แต่เรามีเพื่อนที่คิดและชอบเหมือนกันผ่านโลกเสมือน
แม้กระทั่งบทความใน BD เราก็จะเห็นความหลากหลาย สิ่งที่เขียนออกมาก็จะออกมาจากความชอบของผู้เขียนซะเป็นส่วนมาก จะมาจากแหล่งอ้างอิงอื่นๆบ้าง ก็ผสมกันไป เราก็เลือกติดตามเลือกอ่านได้ตามความพอใจ วันไหนรู้สึกไม่ชอบเราก็ไม่อ่าน ไปหาอ่านเรื่องอื่นๆได้ง่ายๆเพียงแค่คลิกเดียว
ส่วนตัวผมเองตอนนี้ก็ใช้เวลาท่องโลกตัวหนังสือ On line น้อยลง บางวันเปิดเพจมาต้องรอลุ้นว่ายอดผู้ติดตามจะลดลงหรือเปล่า แต่ก็มีเพิ่มมาเรื่อยๆ ก็รู้สึกดีใจครับ ทำให้ต้องขยันเขียนบทความมากขึ้น
กลับมาประเด็นหลักของบทความวันนี้ครับ ในบทความที่ใส่อ้างอิงไว้ ก็จะเล่าถึงการปรับตัว มีการปรับเนื้อหา การตัดต่อ การเล่าเรื่อง ช่องทางการนำเสนอ On line เพื่อให้มีความทันสมัย ผมดูหลายคลิบแล้วก็สนุกดีครับ
สามารถติดตามผลงานใหม่ๆและให้กำลังใจท่านเจ้าของรายการไม่ว่าจะรุ่นแรกหรือรุ่นสองได้ที่นี่ครับ
ใน Website mirror6.com ก็จะรวบรวมช่องต่างๆอยู่ด้วยกัน ประกอบไปด้วย
กระจกหกด้าน
ร้อยเรื่องเมืองไทย
รูปสวย รวยรส
ไชโย โอป้า
สะดวกช่องทางไหน ก็สามารถเข้าไปติดตามกันได้เลยครับ
ขอเป็นกำลังใจให้ท่านเจ้าของรายการ นำเทปเก่าๆที่เคยออกอากาศไปแล้ว นำกลับมาเผยแพร่ในช่องทาง On line ให้ครบ โดยเฉพาะรายการสำคัญๆที่เกี่ยวกับชนชาติไทย (ยังไงผมก็ขอเน้นสถาบันหลักของชาติ ความเป็นไทย และวัฒนธรรมไทยก่อนนะครับ)
หวังว่าเราจะเห็นช่องรายการ "กระจกหกด้านบานใหม่" ใน BD เร็วๆนี้ เพราะระยะหลังเราจะเห็นสื่อทีวีหลายช่อง หลายรายการ มาเผยแพร่ใน BD มากขึ้น มองในแง่ดีก็เพิ่มความหลากหลายและเป็นทางเลือกให้ท่านผู้อ่านครับ อีกแง่นึงความเป็นเอกลักษณ์ที่เน้นงานเขียนของ BD ยุคแรกๆก็อาจจะจางหายไป
ขอให้สนุกกับการ Social distancing นะครับ คิดมากไปก็เครียดเปล่าๆ สิ่งที่เราพบเจอวันนี้จะกลายเป็น New Normal ผลกระทบจะมากกว่านี้ หากเรายังไม่ปรับตัว
ขอบคุณและสวัสดีครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา