4 เม.ย. 2020 เวลา 13:00
ถอดบทเรียนของ"วอร์เรน บัฟเฟตต์"
เจ้าของวาทะ The best investment you can make
,is an investment in yourself
แปลว่า การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในตัวคุณเอง
วอร์เรนบัฟเฟตต์นั้นเกิดที่เมืองโอมาฮา เมื่อปีค.ศ 1930
เขาเริ่มเรียนชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนประถม Rose Hill ในโอมาฮา
หลังจากจบมัธยมศึกษาและพบความสำเร็จใน ด้านธุรกิจและการลงทุน
เขาอยากที่จะไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัยแต่ถูกพ่อขัดขวางเอาไว้
เรียกได้ว่า วอร์เรนบัฟเฟตต์ มีความเป็นนักลงทุนตั้งแต่เกิด
และเริ่มเรียนรู้การค้าขาย ตั้งแต่ยังเด็ก
จากการขายน้ำอัดลมและส่งหนังสือพิมพ์
และรู้จักคำว่ากำไรครั้งแรกตอน ขายน้ำอัดลม ขวดละ 5 เซน
ที่ได้ต้นทุน ขวดละ 4 เซน
1
และได้ซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ปีในปี ค.ศ 1943
เมื่อ วอร์เรนบัฟเฟตต์ อายุได้ 13 ปีเขาก็ได้รับเงินคืนภาษีเป็นครั้งแรกในชีวิต 35 เหรียญจากการขายจักรยาน โดยนำเงินนั้นไปซื้อที่ดินซึ่งเป็นฟาร์ม
เมื่ออายุ 14 ปีด้วยเงินสะสมจากการส่งหนังสือพิมพ์
พอ วอร์เรนบัฟเฟตต์ อายุได้ 15 ปีเขาก็ได้เงิน 25 เหรียญสหรัฐ
และเขาสนใจที่อยากจะหา ธุรกิจและการลงทุน ตั้งแต่ยังเด็ก
วอร์เรนบัฟเฟตต์ จึงชวนเพื่อนๆในชั้น
และนำเงินไปลงทุนกับเพื่อนในมัธยมปลายซื้อตู้เกมส์พินบอลมือสอง
มาให้บริการในร้านตัดผมชายเพียงแค่ 3 เดือนต่อมา
บัฟเฟตต์ และเพื่อนก็มีตู้เกมพินบอลเพิ่มถึง 3 เครื่องที่เปิดให้บริการ
พออายุครบ 20 ปีเขาก็ได้เข้าเรียนที่โคลัมเบีย Business School
มหาวิทยาลัยโคลัมเบียเพื่อต้องการเรียนกับ 2 นักวิเคราะห์หุ้นชื่อดัง
อย่าง เบญจมินทร์เกรแฮม และ เดวิดดอส
1 ปีต่อมาเมื่อจบการศึกษาจากโคลัมเบีย Business School
เขาก็เสนอตัวทำงานฟรีกับนักวิเคราะห์หุ้นชื่อดังอย่าง
เบนจามินเกรแฮม แต่ถูกปฏิเสธ
หลังจากนั้นก็เริ่มซื้อหุ้นจำนวนเล็กน้อยกับบริษัท น้ำมันซัสโก้
แต่ก็ล้มเหลว ต่อมาเขาจึงเข้าทำงานเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้น
และได้มีโอกาสสอนหนังสือให้กับ นศ.ภาคค่ำ ที่อายุมากกว่าเขาถึง 2 เท่า
ต่อมาปี คศ. 1954 เบนจามินเกรแฮม ได้เสนองานให้เขาด้วยค่าตอบแทนสูงถึงปีละ 12000 เหรียญสหรัฐซึ่งถือว่าเป็นรายได้สูงมาก
สำหรับเด็กหนุ่มอายุ 24 ปีอย่างบัฟเฟตต์
1
เพียง 2 ปีต่อมา เบนจามินเกรแฮม
ได้ทำการเกษียณตัวเองปิดธุรกิจหลักทรัพย์ของตนไป
เมื่อกลับเมือง โอมาฮา เข้าได้ตัดสินใจตั้งธุรกิจการลงทุนของตัวเอง
โดยใช้ชื่อว่า Buffett associates
โดยที่เขามีเงินเก็บจาก 9800 เหรียญเพิ่มมาเป็น 1400000 เหรียญสหรัฐ
นับตั้งแต่จบมหาลัยเพียง 6 ปี
2
ในปี คศ. 1962 ในขณะที่เขามีอายุครบ 32 ปี วอเรนบัฟเฟต
ได้รู้จักกับบริษัท Berkshire hathaway
เป็นครั้งแรกที่ซึ่งทำธุรกิจสิ่งทอในตอนนั้น
เขาได้ตัดสินใจซื้อหุ้นมากถึง 40 เปอร์เซ็นต์โดยซื้อหุ้นละ 8 เหรียญสหรัฐ
ผ่านไป 3 ปี วอร์เรนบัฟเฟตต์ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่
ของบริษัท Berkshire hathaway
ในปี คศ. 1969 เมื่ออายุได้ 39 ปีวอเรนก็ปิดบริษัทของตัวเอง
ที่ก่อตั้งไว้คือ Buffett associates
และคืนผลตอบแทนทั้งหมดให้กับผู้ถือหุ้น
ต่อมาเพียง 1 ปี เขาก็ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานบริษัท Berkshire
พออายุ 43 ปี ก็ได้ตัดสินใจซื้อหุ้นในหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์
ในปีค.ศ 1979 โดยเขาซื้อหุ้นธุรกิจสื่อเพิ่มเติมจากบริษัท ABC News
เฉพาะในปีนั้นราคาซื้อขายหุ้นบริษัท ABC พุ่งขึ้นถึงหุ้นละ 290 เหรียญสหรัฐ
ถือว่าประสบความสำเร็จเลยทีเดียว
ในขณะนั้น วอร์เรนบัฟเฟตต์ จึงมีทรัพย์สินสูงถึง 140 ล้านเหรียญสหรัฐ
และราคาหุ้นของบริษัท Berkshire hathaway
ซื้อขายตอนต้นปีหุ้นละ 775 เหรียญสหรัฐ
ได้พุ่งขึ้นถึง 1310 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น ทำให้บริษัทเติบโตอย่างมาก
ในสิ้นปี วอร์เรนบัฟเฟตต์ ได้ขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 400 อันดับมหาเศรษฐีโลก
เป็นครั้งแรกที่จัดโดยนิตยสาร Forbes
ในปี คศ. 1988 เขาก็ไปซื้อหุ้น 7% ของบริษัทโคคา- โคล่า
เป็นมูลค่า 1.2 พันล้านเหรียญสหรัฐค่ามาถึงในปีค.ศ 2002 ในวัย 72 ปี
ของวอเรนบัฟเฟต เงินล่วงหน้าสูงถึง 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
ต่อมาในเดือนเมษายนปี คศ. 2005 เขาได้ผลตอบแทนจากตราสาร
ดังกล่าวมากกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
นอกจาก วอร์เรนบัฟเฟตต์ ได้ชื่อว่าเป็นสุดยอดนักลงทุน
เขายังสร้างปรากฏการณ์เหลือเชื่อในมหาเศรษฐีโลก
เพราะเมื่ออายุได้ 75 ปี เขาได้บริจาคเงินมูลค่ามากถึง 80 เปอร์เซ็นต์
ของสินทรัพย์ที่มีอยู่ทั้งหมด ให้กับ 5 มูลนิธิในสหรัฐอเมริกา
ทำไมชีวิตของ วอร์เรนบัฟเฟตต์ แตกต่างจากคนร่ำรวยทั่วไป
จริงๆ บัฟเฟตต์ สามารถซื้อทุกอย่างที่เขาต้องการได้
แต่เขากลับเลือกใช้ชีวิตเรียบง่าย ในชนบท และมักจะกินอาหารง่ายๆ
เช่น โค้กและแฮมเบอร์เกอร์ และของที่แพงที่สุดที่เขาเคยซื้อ
ก็คือ แหวนแพชร์ของภรรยา และบ้านที่ซื้อมากว่า50ปีแล้ว
วอร์เรนบัฟเฟตต์ กล่าวไว้ว่า เขามีความสุขที่ได้แบ่งปัน เงินไม่ใช่ความสุขของเขา และยังได้กล่าวอีกว่า ถ้า บัฟเฟตต์ตาย
เขาจะบริจาคทรัพย์สินกว่า 99% ให้กับองกรณ์การกุศล และมูลนิธิต่างๆ
2
บทสรุปที่ วอร์เรนบัฟเฟตต์ ได้สอนไว้
1.ลงทุนในตัวคุณเอง เพราะตัวเราเองเป็นสิ่งมีค่าที่สุด
จงพัฒนาตัวเองในทุกๆวัน
2.ลงทุนในความรู้ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ไม่ว่าจากข่าวหนังสือพิมพ์ หนังสือต่างๆ
1
3.ลงทุนในสิ่งที่ถนัด focus
ลงทุนในสิ่งที่ตัวเองรู้และถนัด
เช่นที่ วอร์เรนบัฟเฟตต์ ลงทุนในCola เพราะเขากิน Cola แทบทุกวัน
และรู้จักมันอย่างดี ก่อนที่จะลงทุนอะไร รู้จักสิ่งนั้นให้ดีสะก่อน
4.ลงทุนในเวลา
ใช้เวลาให้คุ้มค่าเพราะสำหรับคนรวยเวลาเป็นสิ่งที่มีค่าและสำคัญที่สุด
แหล่งที่มา
ขอบคุณรูปดีๆนะครับจาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา