5 เม.ย. 2020 เวลา 05:19 • ธุรกิจ
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายคืออะไร ?
แล้วทำไมถึงสำคัญ ? แล้วทำไมบางคนเลือกที่ทำ ?
รูปที่ 1 : ทำไมต้องมีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย
ประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายคือ ประกันที่มีความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลในวงเงินที่สูง ที่บริษัทประกันจะจ่ายค่ารักษาตามที่เกิดขึ้นจริง(แต่ไม่เกินวงเงินที่เราซื้อตามแผนนะ โดยเดี๋ยวจะบอกต่อว่า แผนเริ่มต้นนั้น มีวงเงินค่ารักษาอยู่ที่เท่าไหร่) ที่สามารถทำให้เราอุ่นใจได้ว่า เราหากเจ็บป่วย หรือ ต้องนอนรักษาตัวใน โรพยาบาลเนี่ย เราจะไม่กังวลมาก หากค่ารักษาที่เกิดขึ้นมันมีมูลค่าเป็นหลักหลายหมื่น หลายแสน
หรือ ถ้าจะให้อธิบายง่ายกว่านั้นก็คือ เรานำเงินเพียงก้อนเล็กๆ (หลักหมื่นต่อปี)ไปจ่ายให้กับบริษัท บริษัทก็จะเปิดบัญชีเงินค่ารักษา(หลักล้าน) มาให้คุณทันที แต่มีข้อแม้ว่าเงินก้อนนี้จะถูกเก็บไว้ใช้เฉพาะเมื่อคุณเข้าโรงพยาบาลเท่านั้นนะ !! เมื่อตอนคุณเจ็บป่วยธรรมดา ไปจนถึงเจ็บป่วยอย่างรุนแรง เราก็ไม่ต้องมานั่งเก็บเงินจำนวนมากมายมหาศาลในส่วนของค่ารักษาด้วยตัวเอง เพราะ เรานั้นมีบริษัทประกันมารับผิดชอบค่ารักษามหาศาลแทนเราแล้ว...
เพราะโดยส่วนใหญ่นั้น ประกันสุขภาพแบบเหมานี้ จะถูกออกแบบ และ มีแผนค่ารักษาเริ่มต้นที่ วงเงิน 1,000,000 บาท ไปจนถึง 5,000,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นวงเงินที่ทำให้เราอุ่นใจมากๆ ไม่ต้องกังวลว่า วงเงินที่มีอยู่จะพอหรือไม่ หากเราต้องรักษาตัว รพ นานๆ หรือ เราเจ็บป่วยอย่างรุนแรง
แต่เงื่อนไขที่ว่า ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายเนี่ย มันคลอบคลุมถึง ค่าอะไรบ้างล่ะในโรงพยาบาล อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับแบบแผนของแต่ละบริษัทแล้วล่ะครับว่าเป็นเช่นไรบ้าง...
ทีนี้มาดูกันต่อว่า ทำไมประกันสุขภาพแบบเหมาจ่าย ถึงได้เริ่มมีบทบาทที่สำคัญ และ ชัดเจนมากยิ่งขึ้นในปัจจุบันครับ......ก็ขอให้ทุกท่านเลื่อนอ่านตามภาพต่อๆไปเลยจร้าาา 😀
รูปที่ 2 : ปัญหาของ PM2.5 และ COVID-19
ต้องขอเกริ่นก่อนเลยนะครับว่า ทุกวันนี้ โรคภัยไข้เจ็บ มันเข้าใกล้ตัวเรามามากเหลือเกิน ช่างต่างกับเมื่อก่อนเสียจริงๆที่ท้องฟ้า สดใส มองเห็นแสงทองผองอำไพ 😅........ปัญหาที่เราไม่คิดว่ามันจะเกิดกับเรา มันก็อาจจะเกิดกับเราได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอันดับ 1 ในช่วงหลายปีที่ผานมาอย่าง ฝุ่นควัน Pm2.5 หรือ ที่กำลังเป็นประเด็นไปทั่วโลกของตอนนี้เลยก็คือ COVID - 19
เนื่องด้วยปัญหาเหล่านี้ มันกระทบต่อสังคมเป็นวงกว้าง และ ทุกคนมีโอกาสที่จะเกิดความเสี่ยงเหล่านี้แทบจะเท่าๆกันละล่ะ เห้อออ สิ่งที่ทุกคนต้องตระหนักและต้องรักอย่างหวงแหนที่สุด แน่นอนคือ สุขภาพ เรานั่นเองใช่มั้ยครับ เพราะหากเรามีสุขภาพที่ดี เราก็จะมีแรงไปทำงานหาเงิน เลี้ยงตัวเอง และ ครอบครัว ดั่งวลี “การไม่มีโรค เป้นลาภอันประเสริฐ “
เหตุผลข้างต้นที่ผ่านมา ความเสี่ยงที่กล่าวมานั้น เราแทบจะไม่สามารถประเมินค่าความเสี่ยง หรือความเสียหายทางการเงินของเราได้เลย หากมันเกิดขึ้นมา เช่น หากเราล้มป่วย จากกรณี ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ถ้าโชคดีมันอาการไม่หนักมากก็รอดตัวไป แต่ถ้ามันเกิดไม่โชคดีล่ะ เจ็บป่วยรุนแรงจน ถึงขั้นร้ายแรงที่สุดคือ เป็นมะเร็ง. นี่ยังไม่รวมถึงปัจจัยการเจ็บป่วยจากโรคอื่นๆนอกเหนือจากโรคที่สืบเนื่องจากฝุ่น PM 2.5 และ COVID-19 นะ เห้อมมม
รูปที่ 3 : ค่ารักษาพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี
ทุกคนก็น่าจะรู้กันดีว่า ค่าอุปกรณ์ ค่าเครื่องมือการแพทย์ รวมไปถึงค่ารักษาในโรงพยาบาลนั้นแพงขนาดไหน ซึ่งแน่นอนว่า หากเราเกิดเจ็บป่วยขึ้นมา หลายๆคนก็มีทางเลือกที่สะดวกสบายกว่านั้นคือ การเลือกใช้บริการของโรงพยาบาลเอกชน แทนที่ โรงพยาบาลรัฐบาล แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาในใบเสร็จที่แสนแพงแทบเป็นลมล้มพับกันเลยทีเดียว.
และที่สำคัญ ค่าการรักษาในโรงพยาบาลเอกชนนั้น มีแนวโน้มที่จะแพงขึ้นในทุกๆปี ทำให้เห็นว่าหากเราเจ็บป่วยขึ้นมานั้น มันดึงเงินในกระเป๋าเราแค่ไหน บางคนเจ็บป่วยทีเจ็บจะขายบ้าน ขายรถมารักษาตัวกันเลยก็มี
รูปที่ 4 : สวัสดิการมีไม่เพียงพอต่อค่ารักษา
โดยบางที สวัสดิการค่ารักษาที่เราเคยมี อย่างแพ็คเก็ตแผนค่าห้องที่เราเคยเพียงพอในอดีต ก็อาจจะมีไม่เพียงพอในปัจจุบันอีกต่อไป ทั้งนี้นั้นก็สืบเนื่องมาจากหัวข้อที่แล้วนั่นคือ ค่ารักษาพยาบาลที่แพงขึ้นทุกๆปี บวกกับ โรคภัยไข้เจ็บสมัยนี้ นับวันยิ่งมีโรคแปลกๆ อาการแปลกๆ และ ไม่ชัดเจนเพิ่มขึ้นมาอีก เป็นทีเราก็ไม่รู้ว่ามันจะรักษาตัวนานเท่าใด ค่ายา ค่ารักษา จะแพงเกินกว่าสวัสดิการวงเงินที่เรามีมั้ย .....
มันจึงเป็นที่มาของคำว่า สวัสดิการค่ารักษาที่เรามี เราได้เตรียมมันอย่างเพียงพอ และ เหมาะสมกับสถานการณ์แบบนี้แล้วหรือยัง?
รูปที่ 5 : อุ่นใจกว่าและไร้กังวลว่าค่ารักษาพยาบาลจะเกินวงเงิน
แน่นอนว่า การมีสวัสดิการ ค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่าย จะทำให้เราไม่มีความกังวลใจเลยไม่ว่าเราจะเจ็บป่วยที่มีระดับความรุนแรงระดับไหน ก็ยังมีวงเงินที่เพียงพอต่อการรักษาได้ เพราะโดยส่วนใหญ่นั้น ประกันสุขภาพแบบเหมานี้ จะถูกออกแบบ และ มีแผนค่ารักษาเริ่มต้นที่ วงเงิน 1,000,000 บาท ไปจนถึง 5,000,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นวงเงินที่ทำให้เราอุ่นใจมากๆ ไม่ต้องกังวลว่า วงเงินที่มีอยู่จะพอหรือไม่ หากเราต้องรักษาตัว รพ นานๆ หรือ เราเจ็บป่วยอย่างรุนแรง
รูปที่ 6 : ทำใหแผนการเงินดำเนินต่อไปได้
แน่นอนว่า ตามหลักของ การวางแผนทางการเงินนั้น สิ่งที่ต้องมีก่อนอันดับแรกก็คือ เงินสำรองฉุกเฉิน 3-6เท่าของค่าใช้จ่าย และ ส่วนของการโอนย้ายความเสี่ยง นั่นคือ การมีประกันชีวิต ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันวินาศภัย
การมีประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายจะยิ่งสร้างความอุ่นใจให้เรามากขึ้น หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันในกรณีที่เราเจ็บป่วยรุนแรง ทำให้ไม่ต้องมาออกค่ารักษาพยาบาลจำนวนมากๆด้วยตัวของเราเอง เราเองก็ไม่ต้องนำเงินออมจากส่วนอื่นๆ ที่ออมไว้เพื่อเป้าหมายต่างๆในชีวิตถูกดึงมาใช้ในการรักษาตัว ส่งผลให้แผนการเงินของเรานั้นดำเนินต่อไปได้
เพราะหลักการที่สำคัญของการทำประกันคือ
“ หากมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้อย แต่ ถ้ามันเกิดมาทีจะส่งความเสียหายแก่เรามาก “ ....ก็ควรที่จะทำมันไว้เถอะครับ
by Aphiwat.Insure
โฆษณา