ลมเพลมพัด (รำเพรำพัด) ชื่อโรคชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นภายในกายตัว อย่างไม่รู้สาเหตุ
ได้ยินคำนี้ทีไร นึกถึงหนังสยองขวัญทุกที โบราณมักใช้เรียกโรคภัยที่หาสาเหตุไม่ได้ ว่า ลมเพลมพัด หรือ รำเพรำพัด ส่วนใหญ่ เมื่อได้ยินคำนี้ เรามักจะนึกถึงโรค ที่หาสาเหตุไม่ได้ อย่างถูกคุณไสย คุณผี คุณคน จากความไม่รู้ อาจเข้าใจไปอีกหนึ่งความหมายว่า โรคเหล่านี้มาตามลม...หรือมีอยู่ในอากาศ! เพราะ เราไม่สามารถมองเห็นไวรัสได้ด้วยตาเปล่า
ไวรัส เป็นศัพท์จากภาษาลาตินแปลว่า พิษ ในตำราชีววิทยาเก่าของไทยอาจเรียกว่า วิสา อันเป็นการทับศัพท์ในยุคแรกจากภาษาสันสกฤตที่แปลว่า พิษ เช่นเดียวกัน ปัจจุบันคำว่า ไวรัส หมายถึงสิ่งที่ไม่อาจจะสรุปได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อได้ (infectious agents) ทั้งในมนุษย์, สัตว์, พืช และ สิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่เป็นสิ่งมีชีวิตมีเซลล์ (cellular life) ทำให้เกิดโรคที่ส่งผลกระทบกว้างขวาง จึงมีความสำคัญที่จะต้องศึกษาทั้งในทางการแพทย์และทางเศรษฐกิจ ไวรัสเป็นปรสิตอยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิตอื่น (obligate intracellular parasite) ไม่สามารถเติบโตหรือแพร่พันธุ์นอกเซลล์อื่นได้ ไวรัสอาจถือได้ว่าเป็นจุลินทรีย์ที่มีลักษณะของการเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงประการเดียวคือ สามารถแพร่พันธุ์ หรือการถ่ายทอดสารพันธุกรรมของตนเองจากรุ่นหนึ่งไปยังอีกรุ่นหนึ่ง
ไวรัสทั่วไปตามธรรมชาติจำเป็นต้องเข้าไปเจริญและทวีแพร่พันธุ์ในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตเท่านั้น โดยยีนของไวรัสและยีนของเซลล์ที่เพาะเลี้ยงไวรัสต้องมีกลไกสอดคล้องต้องกัน ไวรัสจะสามารถเจริญแพร่พันธุ์ไวรัสใหม่ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับชนิดของเซลล์และชนิดของไวรัส ดังนั้น แต่ละชนิดของไวรัสจึงทำให้เกิดโรคเฉพาะมนุษย์ สัตว์ แมลง พืช สาหร่ายสีน้ำเงิน รา หรือแบคทีเรีย ต่าง ๆ กัน
โควิด-19 ก็เหมือนกับโรคที่เกิดจากไวรัส ในระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ ที่ติดต่อทาง "ละอองฝอย" (droplets) เมื่อคนไอหรือจาม การไอครั้งเดียวสามารถสร้างละอองฝอยถึง 3,000 หยด อื้อหือ! ซึ่งจะไปถูกตัวคนอื่น ไปอยู่ตามเสื้อผ้าและพื้นผิวโดยรอบ แต่บางส่วนก็สามารถลอยอยู่ในอากาศได้ มีคนเดินผ่านไปสัมผัสพอดี (เราน่าจะเรียกว่าปรากฏการณ์นี้ว่า “โรคลมเพลมพัด”) แต่เนื่องด้วยวิทยาการเครื่องมือปัจจุบัน ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถตรวจหาไวรัสได้แล้ว จึงไม่เป็นความลับอีกต่อไป ยังมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์อีกด้วยว่า ไวรัสในอุจจาระสามารถแพร่เชื้อได้นานกว่า คนที่เข้าห้องน้ำแล้วไม่ล้างมือจึงสามารถนำเชื้อไปแพร่ที่อื่นอีกได้เมื่อเราไปจับโน่นจับนี่ (ถูกต้องสิ่งของอันเป็นพิษ) ดังนั้น เราจึงควรล้างมือบ่อย ๆ และไม่ไปจับต้องสิ่งของ ในพื้นที่สาธารณะ ไม่อยู่ในกลุ่มคนมาก ๆ หลีกเลี่ยงการใช้ชีวิตปะปน (กินอยู่ระคนกัน) และต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ในช่วงการเกิดโรคระบาด รับประทานน้ำดื่มที่สะอาด อาหารปรุงใหม่ที่สะอาด มีสมุนไพรประจำบ้านไว้ใกล้ตัว สามารถหยิบฉวยได้ทันท่วงที หมอขอแนะนำยาสมุนไพรที่ควรมีไว้ประจำบ้านในช่วงนี้
1. ยาห้าราก หรือแก้วห้าดวง หรือ เบญจโลกวิเชียร
2. ยาถอนพิษไข้ตักศิลา ถ้าอาการมากให้กินน้ำซาวข้าว (ซาวน้ำทิ้ง ด้วยน้ำกินได้ รอบที่ 1 ล้างฝุ่น สิ่งสกปรก-เททิ้ง, ใส่น้ำกินได้รอบที่ 2 ใช้มาดื่มแทนน้ำกับยาสมุนไพร) ไม่กินน้ำซาวข้าวที่เก็บค้างคืน
3. ช่วงนี้เป็นช่วงระบาดของโรคที่เกี่ยวกับปอด และมีอาการไอ ติด “หนุมานประสานกาย” ไว้ด้วย
4. ฟ้าทะลายโจร สมุนไพรยอดฮิตติดลมบน จนขาดตลาด ใช้ในกรณีมีไข้ เจ็บคอจากการติดเชื้อ ท้องเสีย ทำตามข้อควรระวัง และข้อบ่งใช้ที่ฉลากยา
5. บางคนอาจท้องผูก หายาระบาย ที่ไม่ไซ้ท้อง ไม่ทำให้ปวดมวน ที่เคยใช้แล้วได้ผล จะเป็นสมุนไพรกลุ่มกษัย
ยาทุกชนิด ไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานเกินไป และควรปรึกษาผู้รู้ในการปฏิบัติตนระหว่างรักษาไข้ จากประสบการณ์ในการใช้ยาสมุนไพรทั้งไทย-จีน กว่า 50 ปี การใช้ยาให้ถูกกับโรค จะใช้ไม่นานก็หาย ยกเว้น โรคที่รุนแรง และโรคเรื้อรัง ยังมียาอีกหลายขนาน ที่ต้องใช้อีกหลังจากที่หายจากโรคติดเชื้อไวรัส เพราะเชื้อกลุ่มนี้มีความสามารถ หลบอยู่ในเซลล์มนุษย์ได้เป็นเวลานาน ทำให้ก่อโรคต่าง ๆ ได้อีกหลายโรคตามมา ถ้าใช้ยาที่กล่าวมาแล้วไม่ครบโดส ศัพท์อย่างที่แพทย์แผนหลักเขาใช้กัน
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
เพจ ยาไทย ทาง Blockdit
#หมอพจเพจยาไทย
#ช่อคูนยาไทยใส่นวัตกรรม