6 เม.ย. 2020 เวลา 03:00 • ประวัติศาสตร์
สุมาอี้ จอมคนยอดใจ (เลือด) เย็น
สำหรับเรื่องราวของสุมาอี้ จอมคนผู้ใจเย็น จนถึงขั้นเลือดเย็น ในนวนิยายสามก๊ก สุมาอี้อาจเป็นตัวตลกขวัญอ่อน แต่ในประวัติศาสตร์จีน สุมาอี้ถือได้ว่าเป็นยอดคนอีกคนหนึ่งครับ
1
สุมาอี้ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 179 ตระกูล สุมา หรือ ซือหม่า เป็นตระกูลที่ใหญ่โตมาแต่สมัยโบราณ บรรพบุรุษตระกูลสุมาหลายคนล้วนแต่มีตำแหน่งใหญ่โต ทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนมาหลายราชวงศ์ ส่วนบิดาของสุมาอี้นั้น ก็ได้เป็นถึงผู้ว่าราชการนครหลวงโลหยางเชียวนะครับ เทือกเถาเหล่ากอของสุมาอี้ จึงไม่ใช่ขี้ๆ
3
เมื่อโจโฉ มีอำนาจสูงสุดในแผ่นดิน ระดมคนดีมีวิชามารับราชการ แต่สุมาอี้แตกต่างไปจากคนอื่น เพราะปลีกวิเวกอย่างคนอยู่เป็น นั่งบนภูดูหมากัดกัน อ้างว่าตัวเองป่วยเป็นอัมพาต แต่ในที่สุดก็ได้เข้ามาอยู่แวดวงราชการจนได้ และได้ทำงานรับใช้โจผี ค่อยๆก้าวขึ้นมามีความสำคัญเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นคนสุดสนิทของโจผี สุมาอี้ประคองตนอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการชิงดีชิงเด่น เมื่อโจผีได้สืบต่ออำนาจต่อจากโจโฉ และตั้งตนเป็นฮ่องเต้ สุมาอี้ จึงได้รับตำแหน่งเป็นราชเลขาธิการ มีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยา
5
โจผีนั้น เชื่อใจในสุมาอี้เพียงใด ก็ถึงขั้นให้สุมาอี้เป็นผู้รักษาพระนครทั้ง 2 ครั้ง ที่โจผีนำทัพไปปราบรัฐเสฉวน และอีกครั้งที่รัฐหวู นี่เองจึงเป็นโอกาสให้สุมาอี้ได้สะสมอำนาจบารมี เมื่อโจผีอายุสั้น ทิ้งโจยอย รัชทายาทอายุน้อย ให้ขึ้นเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ โดยมีสุมาอี้เป็นผู้สำเร็จราชการ โจยอยภายใต้การพิทักษ์ดูแลของสุมาอี้ ยกย่องสุมาอี้เทียบเท่ากับพระบิดา ช่วงเวลานับจากนี้เองตำแหน่งของสุมาอี้ และอำนาจของสุมาอี้จะเพิ่มเรื่อยๆ
7
งานแรกขอสุมาอี้ คือ ยกทัพปราบเบ้งตัด จอมทรยศตลอดกาล ใช้เวลาเพียง 8 วันก็สามารถบุกถึงตัวเบ้งตัด และจัดการตัดหัวเบ้งตัดได้ เมื่อโจจิ๋นพระญาติชั้นผู้ใหญ่ของโจยอยถึงแก่อสัญกรรม ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดจึงว่างลง สุมาอี้ได้รับตำแหน่งนี้แทน สุมาอี้ได้ทำศึกใหญ่และชนะหลายๆ ครั้ง ทั้งศึกกับรัฐเสฉวนที่นำทีมโดยผู้หยั่งรู้ฟ้าดิน จนขงเบ้งต้องช้ำใจตาย ศึกกับรัฐหวู ศึกกับพวกเหลียวตง ทำให้กลายเป็นซุปตาร์ประจำรัฐวุ่ย อำนาจบารมีเพิ่มขึ้นมากโข
6
ส่วนโจยอยเอง ก็เป็นฮ่องเต้ดีแตก ปลายรัชกาลไม่ค่อยสนใจราชการ แต่สนใจในด้านการเสพสุขมากกว่า สุมาอี้เองก็ทำตัวตามฟอร์ม เป็นสุมาอี้ผู้นิ่งเฉย และถือโอกาสเอาวงศ์วานพรรคพวกตัวเองเข้ายึดตำแหน่งสำคัญๆทั้งหมดในราชสำนัก ช่วงที่สุมาอี้เป็นอัครมหาเสนาบดีนั้น ทำให้คนนามสกุลสุมา ได้เป็นเจ้าพระยา ถึง 11 คน
6
ปี 239 พระเจ้าโจยอยสวรรคต ทิ้งรัชทายาทวัย 9 ขวบไว้ โดยให้สุมาอี้ และพระญาติคนสนิทโจซองเป็นผู้สำเร็จราชการแทน โจซอง ที่มีดีแต่คำพูดได้เสนอให้โจยอยปลดสุมาอี้ให้กินตำแหน่งมหาราชครู ซึ่งเป็นตำแหน่งแช่เย็น ให้พ้นจากอำนาจ แต่ยอดใจเย็นอย่างสุมาอี้ ก็ไม่ได้อนาทรร้อนใจอะไร เก็บความอัปยศนี้ไว้ถึง 8 ปี ทำตัวเป็นบุคคลที่โลกลืม ลดละเลิกในอำนาจ ชมนกชมไม้ขับเสภา บันเทิงร่าเริงใจไปตามประสาคนใจเย็น แต่ใครจะรู้เบื้องหลังภาพความสงบเสงี่ยมเจียมตัวเจียมตนนี้ ได้ซ่อนกองกำลังที่มีประสิทธิถึง 3,000 คน เพื่อรอคอยทำงานใหญ่ สั่งสอนเด็กเมื่อวานซืน
2
ปี 249 โจซอง ทูลเชิญพระเจ้าโจฮอง ออกไปยังสุสานของโจยอย เพื่อประกอบพิธีคารวะศพ หน่วยข่าวกรองของสุมาอี้ แจ้งข่าวให้ทราบ สุมาอี้จึงก่อการยุทธการยึดเมือง สั่งการให้ปิดประตูเมืองโลหยาง ส่วนตัวสุมาอี้ได้นำทัพเองไปสกัดกั้นไม่ให้โจฮองและคณะกลับคืนพระนคร ขณะเดียวกันก็ได้สั่งให้บุตรชายสุมาสู และสุมาเจียว ไปอันเชิญ กระแสรับสั่งของไทเฮา ให้ปลดโจซอง โจอี้ โจเฟิ่น ออกจากราชการทุกตำแหน่ง
ตามวิสัยของคนชอบใช้สมองมากกว่ากำลัง สุมาอี้ จึงวางเล่ห์กลด้วยการส่งคนไปเจรจาประนีประนอม หลอกพวกน่าโง่ทั้งหลายว่าที่ทำไปเพื่ออยากให้โจซอง และพวกพ้นจากตำแหน่งทางราชการเท่านั้น แต่ความเป็นราชวงศ์นั้นยังคงไว้ โจซองจึงหลงเชื่อว่าสุมาอี้จะมีสัจจะ จึงวางอาวุธและให้เข้าจับกุมแต่โดยดี แต่ที่ไหนได้พวกคนเชื่อคนง่าย ยิ่งเชื่อน้ำใจของสุมาอี้นั้น ช่างโง่เขลานัก สุมาอี้ได้ลงโทษตัดหัวโจซองและพวกทั้งหมด สายตระกูลของโจซองไม่ว่าลูกเล็กเด็กแดงต่างต้องจบชีวตในคราวนี้ รวมทั้งตระกูลพันธมิตรอย่างตระกูลหวาง และตระกูลแฮหัวด้วย นับว่าเอาให้สาสมกับความอัปยศที่ได้รับมาตั้ง 8 ปี
3
สุมาอี้ อยู่มาถึง 4 แผ่นดิน ตั้งแต่โจโฉ โจผี โจยอย และโจฮอง ในที่สุดบุคคลที่ชอบหลีกหนีเรื่องวุ่นๆ เพื่อคิดทำงานใหญ่ ด้วยการแกล้งป่วย ถึง 2 ครั้ง ก็ต้องจากโลกนี้ไปจริงๆ เมื่อปี 251 หลังจากยึดอำนาจได้ไม่นาน ในวัย 73 ปี คนตระกูลสุมายังยึดอำนาจในราชสำนักต่อไป และยังคงสโลแกนใจเย็น และเลือดเย็นต่อไป และเพิ่มมากขึ้นแบบคูณ 2 จนสุมาเอี๋ยนผู้เป็นหลาน ผู้ที่เกิดมาเพื่อเสวยสุขเท่านั้น ได้ล้มราชวงศ์โจ ตั้งราชวงศ์จิ้นขึ้นมา
3
โฆษณา