หมอเจ็บ / 2547 (หนังเรื่องสุดท้ายของไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์)
ถ้า...หมอเจ็บ ....... ประเทศจบ
ณ.วันที่บันทึกข้อเขียนนี้ ตัวเลขของหมอและบุคลากรทางการแพทย์ที่ติดเชื้อโควิด 19 ยังเพิ่มขึ้นทุกวัน หลายคนติดเชื้อจากการปฏิบัติหน้าที่ และจำนวนไม่น้อยเกิดจากการปกปิดข้อมูลเสี่ยงของคนไข้ อันส่งผลต่อการวินิจฉัยและการรักษาโรค “นักรบเสื้อกาวน์” แดนหน้าในสงครามโรค โควิด 19 ซึ่งมีอยู่จำกัดกำลังถูกลดทอนกำลังพลลงไปเรื่อยๆ
เพื่อให้ได้เข้าใจถึงความยากลำบาก กว่าจะผลิตนักรบแต่ละคนออกมาได้นั้น มันต้องแลกมาด้วยความสุขส่วนตน การเสียสละ ความสุ่มเสี่ยงในชีวิต แลกอนาคตตัวเองกับชีวิตของคนไข้ “หมอเจ็บ” หนังเรื่องสุดท้ายของ ไท เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เมื่อปี 2547 ที่เล่าเรื่องราวของนักศึกษาแพทย์ฝึกงานก่อนจบการศึกษา
โดยฝึกงานในโรงพยาบาลชุมชนต่างจังวัด ห่างไกลความเจริญ ความยากลำบาก สุข ทุกข์ ระหว่างฝึกงาน พอจะบอกเราได้บ้างว่า นักศึกษาผ่านความเจ็บอะไรมาบ้าง กว่าจะได้เป็นหมอมารักษาคนไข้
และสารจากหนังเรื่องนี้ที่มีให้เราเก็บ คือการคิดนอกกรอบ คิดต่างจากขนบแบบเดิมๆที่ปฏิบัติกันมา และการคิดแบบนี้มันคือ อีกหนึ่ง “อาวุธ” สำคัญสำหรับคนที่เป็นหมอ ผู้ต้องการรักษาคนไข้ ให้หายดีในทุกวิธีทาง
"อาวุธ" จากการคิดนอกกรอบในหนังหมอเจ็บก็คือ การเต้นประกอบเพลงระบำฉี่หนู ซึ่งหมอพาย (พอล – ภัทรพล ศิลปาจารย์) เป็นผู้คิดขึ้น เพื่อเป็นสารที่ง่ายที่สุด ส่งไปยังชาวบ้าน ให้ได้รู้ว่าโรคฉี่หนูมันคืออะไร ร้ายแรงขนาดไหน ควรเข้าสู่การรักษาเมื่อมีอาการลักษณะใด โดยมีหมอถุน (จิ๊บบี้ - ตะวัน แซ่ตั้ง) เพื่อนสนิทเป็นคู่คิด
“โรคเลปโตสไปโรซิสหรือโรคฉี่หนู” เป็นโรคที่คนทั่วไปไม่ค่อยรู้จักมากนักในช่วงเวลานั้น ชาวบ้านต่างเข้าไม่ถึงสารจากหมอพายที่ส่งออกไป การเต้นระบำฉี่หนู ได้สร้างความอับอายให้กับเพื่อนๆ ชาวบ้านต่างหัวเราะเยาะ เด็กๆในหมู่บ้านนำไปล้อเลียน
หมอในโรงพยาบาลที่ฝึกงานไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว เพราะทำให้ภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของหมอดูลดลง แต่เมื่อเวลาผ่านไปการเต้นระบำเพลงฉี่หนู กลับกลายเป็นอาวุธสำคัญที่ทำให้ชาวบ้านเข้ารักษาตัวโรคดังกล่าวแต่เนิ่นๆ
"เดี๋ยวก่อน ในฐานะที่ดิฉันเป็นประธานกรรมการและเป็นหมอที่อาวุโสที่สุดในห้องนี้ ดิฉันไม่สามารถปล่อยให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับอาชีพหมอโดยที่ไม่ทักท้วง การรักษาภาพพจน์อาชีพหมอนับเป็นสิ่งสำคัญที่พวกเราต้องคำนึงถึง แต่สิ่งสำคัญที่สุดของคนที่เป็นหมอ คือ คำว่าคนไข้"
"หมอต้องปกป้องคนไข้ให้ปลอดภัยจากโรคร้าย การผ่าตัด การฉายรังสี การให้ยา เหล่านั้นคือ อาวุธ ของเราในการต่อสู้กับโรคร้ายต่างๆ และการเต้นระบำฉี่หนูเมื่อครู่ ก็นับอาวุธอีกชิ้นหนึ่งของพวกเรา จากรายงานที่มาถึงดิฉัน มันพิสูจน์แล้วว่า มันเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุดที่เคยมีมารับมือกับโรคเลปโตสไปโรซิส"
"ไม่ว่าเราจะทำอะไรน่าขายหน้าก็ตาม ถ้ามันช่วยคนไข้ได้ ก็ขอให้เราทำไปด้วยความภาคภูมิใจ มันไม่มีวันเป็นเรื่องทุเรศ การที่หมอเห็นสิ่งอื่นสำคัญกว่า จนละเลยคนไข้ นั่นต่างหากที่เป็นเรื่องที่ทุเรศ ดังนั้นดิฉันขอให้พวกเราทุกคนในห้องนี้ปรับทัศนคติให้ถูกต้อง หน้าที่ของเราคือการรักษาคนไข้ ไม่ใช่รักษาภาพพจน์"
ไดอะล็อก สำคัญที่แพทย์หญิงซึ่งเป็นหัวหน้าในการพิจารณาโครงงานวิจัย จบการศึกษาของเหล่านักเรียนแพทย์ ที่นำเสนอ “โรคเลปโตสไปโรซิสหรือโรคฉี่หนู” มาเป็นหัวข้อการวิจัย
นอกจากประเด็นการคิดนอกกรอบแล้ว สารจากหนังยังชี้ให้เห็นถึงผู้ที่จะใช้ชีวิตร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์ ต้องเข้าใจถึงความเสียสละของผู้ประกอบอาชีพนี้ยิ่งยวด ผ่านแป้ง (อัมธิดา กองคำ) แฟนหมอพาย
"แป้งไม่อยากเป็นผู้หญิงธรรมดา มีคนมาถามแป้งว่า แป้งอยากเป็นผู้หญิงธรรมดาเหรอ เค้าบอกว่าผู้หญิงธรรมดาก็แค่ต้องการผู้ชายที่ให้ความรัก ดูแลเอาใจใส่เราก็พอ แต่ว่าผู้หญิงที่เลือกผู้ชายที่ใช้เวลาอุทิศให้กับคนอื่น เป็นผู้หญิงพิเศษ เพราะว่าเข้าใจการเสียสละของผู้ชายคนนั้น"
หมอเจ็บ เป็นหนังตลกเบาสมองที่แทรกสาระไม่หนักมากลงไป ดูได้เพลินๆมุกบางมุกอาจดูเชยไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ดูไร้สาระเหมือนหนังตลกบางเรื่องที่เห็นกันในสมัยนี้
ช่วงเวลาที่เก็บกักตัวอยู่กับบ้าน หนังเรื่องนี้พอจะทำให้หายเครียดลงได้บ้าง แถมยังได้เข้าใจชีวิตและการเสียสละของหมออีกด้วย
ในสภาวะสงครามโรค โควิด 19 หมอและบุคลากรทางการแพทย์ทุกคน คือนับรบส่วนหน้าที่กำลังต่อสู้กับศัตรูที่มองไม่เห็น ไม่เคยพบเจอมาก่อน อาวุธแบบเดิมมันใช้ไม่ได้กับเจ้าวายร้ายโควิด 19
การค้นหาอาวุธแบบใหม่ ไม่ว่า การเก็บกักตัวอยูู่แต่ในบ้าน สร้างระยะห่างทางสังคม การประกาศเคอร์ฟิว 6 ชั่วโมง , 12 ชั่วโมง หรือ 24 ชั่วโมง ล้วนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน หากมีใครบางคนไม่ร่วมมือ ขาดวินัยในตัวเอง เราจะกลายเป็นผู้พ่ายแพ้ในสงครามครั้งนี้
คุณคิดดูแล้วกัน ถ้าอาวุธที่คุณหมออุตส่าห์คิดค้นขึ้นมา แต่กลับย้อนมาทำร้ายคุณหมอเสียเอง จากการขาดวินัย การปกปิด ของคนไข้
ตัวอย่างชัดๆ ทันตแพทย์ที่ติดเชื้อจากการไม่บอกความจริงก่อนเข้าทำการรักษา แต่มาบอกหลังจากรักษาเรียบร้อยแล้ว ว่าตัวเองอาจเป็นกลุ่มเสียงติดเชื้อ หมอและพยาบาล จะ "เจ็บ" แค่ไหน
ขอร้องเลยครับ อย่าทำให้ "หมอเจ็บ"
เพราะะ ถ้า หมอเจ็บ ..... ประเทศจบ
..-----------------..
จินตกาล กาง-แปรง
10 / 04 / 2020
ฝากกด "ติดตาม" และ แชร์ต่อ เป็นกำลังใจให้ผู้เขียนด้วยนะ ขอบคุณครับ
.
กาง-แปรง กาง-แปรง
ข้อมูลเพิ่มเติม จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ [1] เป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายภาพยนตร์ไทย ในช่วงปี พ.ศ. 2528 - พ.ศ. 2547 บริหารงานโดยสองอาหลาน คือ จรัล พูลวรลักษณ์ และ วิสูตร พูลวรลักษณ์ โดยเป็นค่ายหนังไทยที่พลิกหน้าวงการ ด้วยการผลิตภาพยนตร์ที่จับกระแสของกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นได้ตรงจุด มีงานสร้างคุณภาพอย่างพิถีพิถัน ทันสมัย ไม่เหมือนใคร โดยเริ่มสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกคือ ซึมน้อยหน่อย กะล่อนมากหน่อย และยังได้สร้างภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง จนประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งรายได้และรางวัลจากสถาบันต่างๆ
เคยควบกิจการร่วมกับ จีเอ็มเอ็ม พิคเจอร์ และ หับ โห้ หิ้น ตั้งบริษัทใหม่ในนาม จีเอ็มเอ็ม ไท หับ (GTH) ภายหลังจากการร่วมกันสร้างภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน [2] จนกระทั่งได้ขอแยกตัวออกจากการควบรวมและออกมาประกาศการยุบ GTH เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2558 รวมเวลาที่ควบรวมกิจการในชื่อ GTH ทั้งสิ้น 11 ปี
ต่อมาได้มีการก่อตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับ โมโน เทคโนโลยี ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2559 ในนาม ที โมเมนต์ แต่ผลดำเนินการไม่เป็นไปตามแผนจึงได้ปิดบริษัทดังกล่าวลงในปี พ.ศ. 2562 และร่วมทุนกับ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และ เอ็ม พิคเจอร์ส จัดตั้งบริษัทใหม่ในนาม ไท เมเจอร์ ใน พ.ศ. 2563
.
ผลงานที่ผ่านมาของ ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์
01. ซึมน้อยหน่อย กะล่อนมากหน่อย (2528)
02. ปลื้ม (2529)
03. โปรดทราบ...คิดถึงมาก (2529)
04. อย่าบอกว่าเธอบาป (2530)
05. ดีแตก (2530)
06. รักแรกอุ้ม (2531)
07. ฉลุย (2531)
08. พริกขี้หนูกับหมูแฮม (2532)
09. ฉลุยโครงการ 2 (2533)
10. ปุกปุย (2533)
11. สยึ๋มกึ๋ย (2534)
12. กลิ้งไว้ก่อน พ่อสอนไว้ (2534)
13. บุญตั้งไข่ (2535)
14. โตแล้วต้องโต๋ (2535)
15. ปีหนึ่งเพื่อนกันและวันอัศจรรย์ของผม (2536)
16. คู่แท้ 2 โลก (2537)
17. ฉลุยหิน คนไข่สุดขอบโลก (2537)
18. กึ๋ยทู (2538)
19. รักแท้บทที่ 1 (2538)
20. แรงเป็นไฟละลายแค่เธอ (2539)
21. นางแบบ (2540)
22. 2499 อันธพาลครองเมือง (2540)
23. 303 กลัว กล้า อาฆาต (2541)
24. นางนาก (2542)
25. สตรีเหล็ก (2543)
26. แม่เบี้ย (2544)
27. จันดารา (2544)
28. น.ช. นักโทษชาย (2545)
29. แอบคนข้างบ้าน (2545 ผลิตโดย มาหาไชยภาพยนตร์ / ไท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จัดจำหน่าย)
30. สตรีเหล็ก 2 (2546)
31. คู่แท้ปาฏิหาริย์ (2546)
32. แฟนฉัน (2546) (ร่วมทุนสร้างกับ จีเอ็มเอ็ม พิคเจอร์ และ หับ โห้ หิ้น ภายหลังรวมกันเป็น จีเอ็มเอ็ม ไท หับ)
33. หมอเจ็บ (2547)
.
ขอขอบคุณ : ข้อมูลจากวิกพีเดีย บางส่วนจากอินเตอร์เนต , ภาพจากอินเตอร์เนต , คลิปจากยูทูป
#COVID-19
#Quality EN
#จินตกาล กาง-แปรง
- 7
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
