7 เม.ย. 2020 เวลา 10:46
จะราพันเซล
ครั้งหนึ่งมีชายและหญิงคู่หนึ่งรอคอยที่จะมีลูก วันหนึ่งภรรยานั่งมองสวนอยู่ริมหน้าต่าง และเห็นผักที่ชื่อว่า"ราพันเซล" ทำให้นึกอยากทานขึ้นมา ความอยากได้เพิ่มขึ้นทุกวัน เธอจึงร้องห่มร้องไห้และเริ่มป่วย
2
เมื่อสามีเห็นอาการของภรรยายํ่าแย่ จึงถามภรรยาไปว่าไม่สบายตรงไหน เธอบอกว่า ถ้าไม่ได้กินต้นราพันเซลที่อยู่ในสวนหลังบ้านนั้น เธอต้องตายแน่ๆ ชายผู้รักภรรยา เขาคิดในใจว่า จะปล่อยให้ภรรยาตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้ เขาจะต้องไปเอาต้นราพันเซลมาให้เธอให้ได้ แม้แลกด้วยชีวิต...
4
ในตอนดึกนั้น สามีได้ปีนกำแพงเข้าไปยังสวนของแม่มด และขุดต้นราพันเซลออกมาอย่างรวดเร็วและนำไปให้ภรรยา พอเธอได้กินเธอก็ติดใจทันที และสามีก็ต้องไปเก็บราพันเซลมาอีก ดังนั้นเมื่อตกดึก สามีได้ปีนกำแพงเข้าไปอีกครั้ง เมื่อไปถึงอีกด้านของกำแพง และเขาก็ได้พบกับแม่มดแก่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขา
เเม่มดเหลือบมองด้วยความโกรธเคือง เขาอ้อนวอนแม่มด เขาบอกกับแม่มดว่าภรรยาของเขามีความปรารถนาที่อยากกินมันอย่างมาก เธออาจจะตายได้ถ้าเธอไม่ได้กินมัน แม่มดได้ฟังดังนั้น ความโกรธของนางจึงลดลง เเล้วเธอก็บอกว่า เขาสามารถขุดต้นราพันเซลไปได้มากเท่าไหร่ก็ได้ แต่เขาต้องมอบเด็กให้กับแม่มด ภรรยาของเขาจะให้กำเนิดในไม่ช้านี้ แม่มดกล่าว
ชายซึ่งกลัวเม่มดจึงรับปาก และหลังจากนั้นไม่นานภรรยาก็ให้กำเนิดทารก แม่มดก็ปรากฏตัวขึ้น และตั้งชื่อว่า"ราพันเซล''แล้วก็อุ้มเด็กไป เมื่อเธออายุได้ 12 ขวบ แม่มดก็ได้ขังเธอไว้บนหอคอย หอคอยนั้นไม่มีทั้งบันไดและประตู มีเพียงหน้าต่างบานเล็กๆบานเดียว เมื่อแม่มดต้องการจะขึ้นไปหาราพันเซล เธอจะตะโกนบอกให้ราพันเซลปล่อยผมสีทองลงมา และแม่มดก็ปีนขึ้นหอคอย
1
วันหนึ่งมีเจ้าชายขี่ม้าผ่านเข้ามาในป่า และผ่านมาทางหอคอย เมื่อเจ้าชายเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงอันไพเราะ เมื่อเจ้าชายได้เห็นโฉมหน้าผู้เป็นเจ้าของเสียงนั้น แต่ก็ไม่มีประตูสักบานที่จะให้เจ้าชายได้เข้าไปทักทาย เจ้าชายจึงกลับเมืองไป ต่อมาเจ้าชายก็ไปฟังเสียงอันไะเราะทุกวัน วันหนึ่งเจ้าชายแอบอยู่ข้างต้นไม้ และได้เห็นแม่มดปรากฏตัวขึ้น และได้ยินเสียงนางเรียกให้ราพันเซลปล่อยผมลงมา เจ้าชายจึงได้รู้ทางขึ้นหอคอย
วันต่อมา เจ้าชายก็มาที่หอคอย และตะโกนเรียกให้ราพันเซลปล่อยผมสีทองลงมา เมื่อเห็นว่ามีผู้ชายปีนขึ้นมา ราพันเซลก็เกิดความหวาดกลัว เพราะเธอไม่เคยเห็นผู้ชายมาก่อน และเจ้าชายก็พูดกับเธออย่างใจดี ความหวาดกลัวของราพันเซลจึงหายไป และเมื่อเจ้าชายขอราพันเซลแต่งงาน เธอตอบตกลงทันที เพราะเธอคิดว่าเธอมีความสุขที่อยู่กับเจ้าชายมากกว่าแม่มด
แต่ทางที่ราพันเซลจะลงจากหอคอยนั้นไม่มีเลย ราพันเซลจึงบอกกับเจ้าชายว่าทุกครั้งที่มาหาเธอช่วยนำขดผ้าไหมมาให้ด้วย เธอจะใช้มันทำบันได เมื่อทำเสร็จ เธอก็ขอให้เจ้าชายพาเธอหนีไปจากที่นี่ ต่อมาพวกเขาได้เตรียมขั้นบันไดจนเสร็จ และแน่นอนแม่มดไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่ง ราพันเซลได้พูดออกมาโดยไม่ทันคิด เมื่อแม่มดได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก และฉวยผมสีทองของราพันเซลมาพันรอบๆมือซ้ายของเธอ และหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดผมของราพันเซลขาดลงไปกองกับพื้น และพาราพันเซลไปทิ้งไว้ที่ทะเลทราย
หลังจากนั้น แม่มดได้นำปอยผมสีทองของราพันเซลไปเกี่ยวไว้กับหน้าต่าง และเมื่อเจ้าชายมาถึง ก็เรียกหาราพันเซล แม่มดก็ปล่อยผมเปียลงไป และเมื่อเจ้าชายปีนขึ้นมาถึง เจ้าชายก็พบกับแม่มด เเม่มดบอกกับเจ้าชายว่า ราพันเซลหายไปจากชีวิตเขาแล้ว เขาจะไม่มีวันได้พบเธออีก
เมื่อได้ยินดังนั้นเจ้าชายก็โศกเศร้าเสียใจ และตัดสินใจกระโดดลงจากหอคอย แม้เจ้าชายรอดชีวิตมาได้ แต่ต้นหนามก็ได้ทิ่มแทงดวงตา จากนั้นเจ้าชายจึงเดินโซซัดโซเซ ตามองไม่เห็นอยู่ในป่า ไม่ได้กินอะไรนอกจากรากไม้และผลเบอร์รี่
และในที่สุดเจ้าชายก็เดินมาถึงทะเลทราย ทันทีที่เจ้าชายได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เจ้าชายก็รีบเดินหาต้นเสียงทันที และเมื่อเจ้าชายมาหยุดอยู่ใกล้ๆ ราพันเซลก็จำได้ในทันที และรีบเข้าไปโอบกอดเจ้าชาย แต่เมื่อนํ้าตาของราพันเซลสัมผัสกับดวงตาของเจ้าชาย เพียงครู่หนึ่ง เจ้าชายก็กลับมามองเห็นอีกครั้ง จากนั้นเจ้าชายก็พาราพันเซลกลับไปยังเมืองของตน และใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดไป...
โฆษณา