อยากมีชีวิตแบบไหน จงคิดแบบนั้น และจงทำแบบนั้น
ใครยังไม่สามารถรับมือกับความกังวลเรื่องไวรัสโควิดบ้าง
ใครที่คิดว่า "กูติดหรือยังวะ"
ใครที่คิดว่า "เดือนนี้กูจะกินอะไร"
ใครที่คิดว่า "หนี้กูจะทำยังไง"
ใครที่คิดว่า "โควิดจะจบเมื่อไหร่"
ใครคิดว่า "เมื่อไหร่มันจะปิดประเทศ"
หุยเชื่อว่า มีคนตอบคำถามเหล่านี้ แน่นอน และมีมากกว่า 80% ด้วย ลองถามตัวเองดู ว่า คุณได้ตั้งคำถามแบบนี้กับตัวเอง วันละกี่คร้ง
และอยากให้ลองพิจารณาดูว่า
เมื่อคุณตั้งคำถามแบบนี้ในสมองทุกวัน หรือบ่อยๆ อารมณ์ ความรู้สึกของคุณเป็นเช่นไร
แน่นอน ส่วนมากที่เห็น ก็จะมีความรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง เหนื่อยหน่าย กลุ้มใจ ไม่มีทางออก แล้วหลายๆครั้ง คำถามเหล่านี้ ก็จะพาไปคำถามต่อไป เช่น แล้วเราจะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ไหนจะค่าเล่าเรียนลูกจะเอาไง หนี้สิน บ้านช่องจะโดนยึดไม๊ ธุรกิจจะทำยังไง บลาๆ เป็นคำถาม ที่ทำให้เราวนดิ่ง ดำลึกลงไปในความทุกข์ หนักหนากว่าเดิม
เรารู้หรือไม่ว่า จินตนาการของคนเรานั้น ยิ่งใหญ่กว่า ความเป็นจริง ถ้าเราจิตนาการในเรื่องที่ไม่ดี มันจะเรียกว่า ฟุ้งซ่าน จินตนาการสิ่งที่เลวร้ายเกินจะทานทนได้ สุดท้าย เราจะบอกตัวเองว่า
เราทนไม่ไหวแล้ว เรารับไม่ได้อีกต่อไป !!!
แต่ถ้าเราใช้จินตนาการในเชิงสร้างสรรค์ ในทางบวก สมองของเราจะมองเห็นความเป็นไปได้มากมาย อารมณ์ความรู้สึกก็จะชุ่มชื่นมีพลัง และทำให้เราพร้อมจะต่อสู้ต่อไป เพราะเราเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
พลังแห่งความคิด จึง เป็นหลักในการที่จะพาเราออกจากกับดักแห่งทุกข์ และทำให้เรามีพลังที่จะฝ่าฟันอุปสรรคไปได้
ในภาษาาอังกฤษ เราเรียนกว่า "Change Focus"
คือการเปลี่ยนสิ่งที่เรา โฟกัส
ถ้าปล่อยให้ตัวเองโฟกัส สมองคิดแต่เรื่องลบๆ ใจมีแต่ความวิตกกังวล ท้อแท้ มองไม่เห็นฝั่ง อารมรณ์ ก็จะหดหู่หมดไฟ และการกระทำก็จะแฉะแหมะ เหนื่อยหน่าย สมองไม่คิดต่อว่า จะแก้ปัญหาอย่างไร มีอะไรที่เราทำได้บ้างที่จะพาเราออกจากปัญหา หรือเราจะช่วยใครได้
มองเห็นแต่ความทุกข์ของตัวเอง
แต่ถ้าโฟกัสในความเป็นไปได้ ตั้งคำถามที่ถูกต้องกับตัวเอง
ว่าในสถานการณ์นี้ ฉันช่วยอะไรใครได้บ้าง
มีใครที่มีความทุกข์ มีใครที่ต้องการความช่วยเหลือ ที่ความสามารถของฉันสามารถช่วยใครได้
ขอให้รีบลงมือทำ
โฟกัสของสมองของเรา และสิ่งที่เรามองหา ก็จะไปในทิศทางนั้น และคุณก็จะเห็นว่า มีคนมากมาย ที่คุณช่วยเหลือเค้าได้
แม้แต่การเขียนคำอวยพรไปตามโรงพยาบาลต่างๆ แสดงความขอบคุณให้กำลังใจเหล่าแพทย์
ถ้าคุณทำกับข้าวไม่เป็น เชื่อว่า คุณสามารถต้มไข่ไปแจกแพทย์พยาบาล หรือ คนตกงานได้ใช่ไม๊
คุณสามารถ ออกกำลังกาย ดูแลร่างกายจิตใจ ของตัวเองให้ดี เพื่อไม่เป็นภาระมากไปกว่านี้
และอื่นๆๆๆๆๆๆ แม้แต่เด็กเล็กๆ ก็ยังมีประโยชน์ในเหตุการณ์นี้
ทำไม จะมานั่งจับเจ่า มองเห็นแต่ความทุกข์ของตนเอง
เมื่อคุณได้ออกจากอารมณ์ซึมเศร้า หรือ เห็นแต่ทุกข์ตัวเอง
อารมณ์ของคุณจะเปลี่ยน คุณจะได้รับความสุขจากการสร้างคุณค่าของตัวเอง และสมองจะได้รับเปลี่ยนโหมด แล้ว คุณจะมองเห็นทางออกในปัญหาของคุณ ว่า คุณจะจัดการกับปัญหาของคุณอย่างไร
นี่คือกระบวนการ ของคนที่ เป็น "โค้ช " ควรเข้าใจ
การที่เราปลุกพลัง ไม่ได้เพื่อตัวเรา แต่เป็นการ Change State ของเค้า
เป็นการ Interupt Pattern ของความคิด และอารมณ์ที่ เป็นพลังงานลบ ให้เข้าสู่พลังงานบวกได้เร็วขึ้น
เพราะการที่ให้คน ติดอยู่กับความคิดลบนานๆ หรือความทุกข์นานเกินหนึ่งวัน มันจะฝังรากลึก จนกลายเป็น Pattern เป็นสันดาน ซึ่งจะพาชีวิตชองเค้าดำดิ่งลงไปในทางลบมากขึ้น และแก้ไขยาก
มันจะกลายเป็นนิสัยมองโลกในแง่ร้าย มองคนในแง่ร้าย หวาดกลัว หรือไม่เชื่อใจใคร ระแวง ระวัง หุยถามหน่อย ถ้าคนเป็นนิสัยแบบนี้ เค้าเป็นคนมีความสุขไม๊ เค้ามีอิสรภาพไม๊ ไม่มีอิสรภาพ เพราะจิตนาการที่เลวร้ายของตัวเอง
ลองนึกดูว่าในชีวิตของเราต้องอยู่กับคนแบบนี้ คนรอบข้างมีความสุขไม๊ ถ้าคนเป็นแบบนี้ เค้าจะพูดอย่างไร หน้าตาเค้าจะเป็นอย่างไร เราจะมีความสุขไม๊ที่อยู่กับคนแบบนี้ และเราอยากอยู่กับคนแบบนี้ไม๊
นั่นแหล่ะ เราอยากเป็นคนแบบนี้ไม๊ล่ะ และอยากให้คนรอบข้าง คนในสังคม เป็นแบบนี้หรือเปล่าล่ะ
คนเป็นโค้ช ควรเข้าใจนะว่า
Change Focus, Change State , Change Life!!!
- 38
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
