8 เม.ย. 2020 เวลา 04:19 • ธุรกิจ
ความลับของ Disney
อะไรคือความลับที่ทำให้แบรนด์ที่มีอายุเกือบ 100 ปีอย่าง Disney สามารถครองใจใครหลายๆคนได้อย่างยาวนาน ทั้งการ์ตูน ภาพยนตร์ สวนสนุก พวกเขาทำมันได้ราวกับมีสูตรสำเร็จ วันนี้แอดมินจะขออาสาเล่าให้ฟังเองครับ
จากข้อมูลของ Business Insider บอกว่าในปีที่ผ่านมา Disney เติบโตขึ้นกว่า 11% หลังจากปล่อยภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ 4 เรื่องได้แก่ The Lion King , Toy Story 4 และ Avenger Endgame โคตรอภิมหาภาพยนตร์ที่ทำรายได้ถล่มทลายแบบชนิดที่เรียกได้ว่าสูงสุดตลอดกาล(2.79 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ)
การที่บริษัทๆนึงจะสร้างผลงานได้ระดับเอกอุขนาดนี้คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ว่าแต่พวกเขาทำอย่างไรกันล่ะ
สร้างสตอรี่
สำหรับ Disney การเล่าเรื่องคือหัวใจหลักของพวกเขาที่ยึดถือเสมอมา แต่การเล่าเรื่องของ Disney จะมีเรื่องของอารมณ์เข้ามาเป็นส่วนประกอบ และสิ่งนี้เองที่ดึงดูดให้ผู้ชมไม่อยากจะลุกไปไหนต้องดูหนังให้จบ หรืออยากติดตามตอนต่อๆไป
Geoffroy de la Bourdonnaye อดีตผู้บริหารของ Disney บอกว่า “พวกเราทุกคนที่ดิสนีย์ต่างรู้กันดีถึงพลังของความหลงใหลและอารมณ์ซึ่งแฝงมาในการเล่าเรื่อง และนี่คือสิ่งที่ทำให้ Disney แตกต่าง. ที่ Disney ทุกอย่างคือเรื่องเล่า และนั่นทำให้เราสามารถที่จะสร้างโลกที่มีฉากต่างๆ ตัวละครต่างๆ เพื่อที่จะดึงอารมณ์ร่วมจากผู้คนทั้งโลกได้”
แล้วอะไรทำให้ Disney แตกต่างจากบริษัทผู้สร้างอื่นๆ?
ปกติคนเราจะสิ่งสิ่งหนึ่งขึ้นมาแล้วเอาสตอรี่ไปยัดใส่ แต่ Disney ทำตรงกันข้าม
Disney รู้ว่าคนดูของพวกเขาคือใคร
ผู้ชมของ Disney ส่วนใหญ่ต่างผ่านวันเลยวัยกันมาก็หลายชั่วอายุคน Disney รู้ว่าคนเรามักหวนคิดถึงวันวาน และภาพอดีตที่แสนหวานเสมอ สิ่งนี้มีพลังมาก(มากจนดึงเงินในกระเป๋าของคนดูได้มากมาย) แฟนๆของ Disney ที่เคยชม Toy Story 1 หรือ Lion King คงคิดถึงตัวละครที่พวกเขาคุ้นเคย สิ่งนี้เองที่ Disney จับจุดผู้คนได้อยู่หมัด ผู้คนไม่ได้ต้องการความแปลใหม่อะไรขนาดนั้น พวกเขาแค่คิดถึงสิ่งที่เติบโตมาด้วยกันแค่นั้นเอง
มีอยู่ครั้งนึงตอนที่ Disney ไปเปิดสวนสนุกที่กรุง Paris ประเทศ ฝรังเศส ตอนนั้นด้วยความที่ Disney เองก็ยังใหม่กับการทำสวนสนุกในต่างแดน เลยใช้โมเดลเดียวกันกับที่เคยประสบความสำเร็จที่อเมริกา ตอนนั้นในสวนสนุกเสิร์ฟแค่อาหารอเมริกัน ทำให้ชนชาวปารีสส่วนใหญ่ซื้อตั๋วแค่เข้ามาเล่นเครื่องเล่น แต่ออกไปหาอะไรกินข้างนอก
พอ Disney รู้อย่างนั้นจึงเริ่มที่จะศึกษาลูกค้าของตัวเองและเริ่มขายอาหารแบบ Parisian ทำให้ยอดขายเติบโต และลูกค้าส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาทั้งวันใน DIsneyland
พอรู้ว่าลูกค้าของตัวเองเป็นไปขั้นตอนต่อไปที่สำคัญมากคือการ “ออกแบบประสบการณ์”
ครั้งนึง Walt Disney เคยกล่าวเอาไว้ว่า “ถ้าคุณเชื่อในสิ่งใด จงเชื่ออย่างสุดใจว่ามันจะเป็นไปได้”
พนักงานทุกคนที่ Disney ยึดถือแนวคิดนี้อย่างจริงจัง ในการ์ตูนทุกเรื่อง ในภาพยนตร์ที่ออกฉาย พวกเขาใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆทุกเม็ด หรือแม้กระทั่งทุกซอก ทุกมุมใน Disney Theme Park ถูกคิดและออกแบบมาอย่างดี
ในหนังสือของ Jody Jean Dreyer อดีตพนักงานของ Walt Disney Studios และ Disney Parks ที่ทำงานมากว่า 30 ปี บอกว่า “มันจะมีเครื่องจักรกลเล็กอยู่ชนิดนึงใน Disneyland ชื่อว่า Smellitzer อารมณ์ประมาณเครื่องผลิตกลิ่น คือ Disney ตั้งใจใส่สิ่งนี้ไว้ในแต่ละจุดทั่ว Disney ถามว่าใส่ไว้ทำไม ก็เพื่อว่าเวลาที่คุณเดินไปที่ไหน เช่นทุ่งหญ้า สวนดอกไม้ น้ำตก เจ้าเครื่องนี้จะผลิตกลิ่นที่ตรงกับ location นั้นเป๊ะๆ แม้กระทั่งกลิ่นป็อบคอร์นที่ลอยอยู่ในอากาศบนถนนหลักของอเมริกา Disney ก็ยังใส่ใจในจุดนี้”
จุดประสงค์ของการติดตั้งเจ้าเครื่อง Smellitzer ก็เพราะ Disney รู้ดีว่า “กลิ่น” สามารถพาทุกคนเดินทางข้ามเวลาไปยังจุดของเวลาที่อยู่ในความทรงจำของพวกเราได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือร้าย กลิ่นจะพาเรากลับไปยังสถานที่ที่เราคิดถึง นี่คือส่วนหนึ่งของความใส่ใจ
ใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ยินดีด้วยคุณได้รู้ว่า Disney ทำอย่างไรให้มัดใจผู้ชมของตัวเอง ขอบคุณสำหรับการติดตาม เรื่องต่อไปจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร เล่ามาดิ๊ จะอาสาเล่าเรื่องอะไร โปรดติดตามตอนต่อไป ฝากติดตามเพจ เล่ามาดิ๊ บน facebook ด้วยนะครับ
เข้าไปที่ https://web.facebook.com/easyeasyeasy
โฆษณา