9 เม.ย. 2020 เวลา 13:18 • ประวัติศาสตร์
ช่วงเวลาหนึ่ง กับฝันร้ายในฮอลลีวูด
ชารอน เทต ใครบางคนยังจะพอจำกันได้ ถึงความงดงามในตัวเธอที่เปรียบเสมือนไอคอนในยุค 60s
เธอเริ่มต้นชีวิตจากการเป็นตัวประกอบเล็กๆ
ในโทรทัศน์ จนมีแมวมองนำพาเธอไปสู่ภาพยนตร์
ชารอน เทต
การแสดงที่ได้รับคำชื่นชมจากหลายสื่อ
ประกอบกับความมีอารมณ์ขันของเธอทำให้เธอเป็นที่ชื่นชอบ และในเวลาในไม่ช้า เธอก็กลายเป็นดาวดวงใหม่ในวงการฮอลลีวูดที่ว่ากันว่าโด่งดังที่สุดในช่วงยุค 60s
บท Jennifer North ในภาพยนตร์เรื่อง Valley of the Dolls ปีค.ศ.1967 ได้รับการเสนอเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ เป็นการตอกย้ำถึงความเฉิดฉายในเธอที่ทะยานขึ้นสู่จุดที่สูงสุดในอาชีพ
เธอได้พบกับ โรมัน โปลันสกี ผู้กำกับในภาพยนตร์เรื่อง The Fearless Vampire Killers ที่เธอร่วมแสดงอยู่ด้วย และความรักของชารอนและโรมัน
ก็เริ่มต้นขึ้นในวันนั้น
งานแต่งงานของโรมัน และชารอน
ชาร์ลส์ แมนสัน กับลัทธิ “ครอบครัวแมนสัน”
1
ชาร์ลส์ ชายผู้ซึ่งมีพรสวรรค์ทางด้านมันสมองและดนตรี แต่ด้วยนิสัยที่ก้าวร้าวและรุนแรง
และพฤติกรรมที่ชอบปล้นชิงทรัพย์
มันทำให้เขามีคดีติดตัวมากมายตั้งแต่ยังเด็ก
ชาร์ลส์ เริ่มใช้ชีวิตโดยการหาเหยื่อเป็นหญิงสาว
และโน้มน้าวให้พวกเขาเหล่านั้น
ทำงานหาเงินมาปรนเปรอเขา
ชาร์ลส์ แมนสัน
พอเริ่มมีผู้คนมากมายติดกับดักเขา
มันทำให้เขาเริ่มกระจ่างว่าพรสวรรค์อีกอย่างหนึ่งของเขา คือ “การพูดโน้มน้าวจิตใจ”
ชาร์ลส์ เริ่มขยายแนวคิด
ส่งต่อสู่ผู้หญิงของเขา
มีทั้งคนที่ไม่เชื่อและหนีจากไป
และคนที่เชื่อ
จนยอมทำตามบัญชาของเขาทุกอย่าง
โดยเฉพาะ แมรี บรุนเนอร์
ผู้ช่วยบรรณารักษ์ มหาวิทยาลัยเบิร์คลีย์
เธอกลายเป็นผู้จุดประกายลัทธิ
เพราะหลังจากเธอหลงเชื่อเขาอย่างหัวปักหัวปำ
เธอยังสามารถโน้มน้าวผู้หญิงอีก 18 คน
เข้ามาร่วมอาศัยอยู่กับแมรี และ ชาร์ลส์
2
ลัทธิ “ครอบครัวแมนสัน” จึงถือกำเนิดขึ้น
จุดมุ่งหมายเพื่อขยายแนวคิดว่าโลกกำลังจะถึงจุดจบ
ครอบครัวแมนสัน
จากคนผิวสี ที่จะมาฆ่าล้างมนุษย์ผิวขาวทั้งหมด
และชาร์ลส์ คือ พระเยซู กลับชาติมาเกิด
เพื่อมาแก้ไขปัญหานี้
ชาร์ลส์ แมนสัน
คือบุคคลที่จะจัดระเบียบสังคมของโลกต่อไป
การกระทำทุกอย่างที่เขาสั่ง
มันคือสิ่งที่จะสามารถหยุดสงครามเหล่านี้ไว้ได้
เดนิส วิลสัน มือกลองวง The Beach Boys
เห็นพรสวรรค์ทางด้านดนตรีของชาร์ลส์
เขายินยอมให้ชาร์ลส์เข้ามาอาศัยอยู่ด้วย
จากการเสพยาร่วมกัน
รวมถึงการมีเซ็กซ์หมู่กับครอบครัวแมนสัน
เดนนิส วิลสัน
ต่อมาชาร์ลส์โน้มน้าวให้คนในครอบครัวแมนสันเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของเดนนิสได้
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์
เทอร์รี เมลเชอร์ นักแต่งเพลงและโปรดิวเซอร์คนดัง
คือเป้าหมายหลักสู่ความฝันด้านดนตรีของชาร์ลส์
เขาหวังว่าจะสามารถแสดงศักยภาพทางดนตรีให้เทอร์รีเห็น และได้ออกอัลบั้มจนกลายเป็นศิลปิน
โดยใช้ช่องทางผ่านเดนิส วิลสัน
มือกลองชื่อดังที่เป็นเจ้าของบ้านนั่นเอง
เทอร์รี เมลเชอร์
เทอร์รีได้รับคำเชิญจากเดนิส
เมื่อเขาเข้าไปที่บ้านเพื่อพบชาร์ลส์
แม้ว่าเทอร์รีจะเห็นว่าเขามีความสามารถแค่ไหน
แต่จากการได้พูดคุยกัน
เทอร์รีรู้ทันทีเลยว่าเขาไม่ใช่คนปกติทั่วไป
เทอร์รีเรียกเดนิสมาคุยทีหลัง
เขาขอปฏิเสธที่จะทำเพลงให้ชาร์ลส์
เพราะนอกจากอารมณ์ฉุนเฉียวที่รุนแรงแล้วนั้น
แนวคิดของชายคนนี้ก็มีความรุนแรงและอันตราย
เทอร์รียังแนะนำให้เดนิสหลีกเลี่ยง
เอาตัวเองออกไปจากชายคนนี้ให้เร็วที่สุด
ชาร์ลส์เมื่อรู้ว่าตนเองจะไม่ได้ทำเพลง
เขามีความโมโหอยู่ไม่น้อย
และเดนิสเริ่มแสดงความแตกแยก
หลังจากสาวกลัทธิเขาเริ่มมีจำนวนมาก
ชาร์ลส์และครอบครัวแมนสัน จึงแยกตัวกับเดนิส
และย้ายไปในฟาร์มปศุสัตว์ Spahn Ranch
ของชายชราตาบอดชื่อ จอร์จ สปาห์น
จอร์จ สปาห์น
ชาร์ลส์ยุยงให้หนึ่งในสมาชิกมีเพศสัมพันธ์กับจอร์จเกือบทุกวัน เพื่อให้เขาแสดงความยินยอมในการเข้ามาในพื้นที่
และตั้งชื่ออาณาจักรใหม่นี้ว่า
“Yellow Submarine” ตามชื่อเพลงของวง The Beatles
หลังจากนั้น ชาร์ลส์ได้ส่งหนังสือเรียนเชิญ เทอร์รี่ เมลเชอร์ ให้มาเยี่ยมเยียน Yellow Submarine
และลองฟังดนตรีของเขาอีกครั้ง
Spahn Ranch ที่พักใหม่ของครอบครัวแมนสัน
แน่นอนว่าเทอร์รีปฏิเสธ
เขามองว่ามันอันตรายเป็นอย่างมากที่เข้าไปในสถานที่แบบนั้นกับชายคนนี้
และชาร์ลส์ แมนสัน ก็ผึงขาดในที่สุด
เทอร์รี่กลายเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เขาตั้งใจว่าจะฆ่า
อย่างโหดเหี้ยมและทารุณ
ต่อมาคำทำนายของชาร์ลส์
ที่ว่าจะมีสงครามระหว่างคนผิวสีเกิดขึ้น
กลับไม่มีเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้น
ชาร์ลส์จึงต้องหาวิธีที่จะทำให้เกิดสงครามผิวสีขึ้น
เขาสั่งให้คนในครอบครัวแมนสัน
ออกไปฆ่าผู้คนมากมาย
และใส่หลักฐานป้ายสีว่าคนผิวสีเป็นผู้กระทำ
รายชื่อว่าจะฆ่าใครบ้างก็มาจากชาร์ลส์ว่าอยากจะให้ใครจบชีวิต
โดยชาร์ลส์จะบอกคนในครอบครัวแมนสันว่าการกระทำเหล่านี้จะช่วยหยุดสงครามเอาไว้ในอนาคต
แน่นอนว่า เทอร์รี เป็นหนึ่งในรายชื่อเหล่านั้น
“จงเข้าไปในบ้านของเทอร์รี เมลเชอร์
และฆ่าทุกคนในบ้านทิ้ง
โดยโหดเหี้ยมและสยองขวัญที่สุด”
ชาร์ลส์กล่าวต่อสาวกชาย 1 คนหญิง 3 คน
ซึ่งประกอบไปด้วย
เท็กซ์ วัตสัน
ซูซาน แอตกินส์
ลินดา คาซาเบียน
และ แพตทริเซีย เคนวิงเคิล
เท็กซ์ วัตสัน ซูซาน แอตกินส์ และ แพตทริเซีย เคนวิงเคิล
และช่วงเวลาหลังเที่ยงคืน
ในวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1969
ทั้งสี่คนก็มุ่งไปที่บ้านของเทอร์รี เมลเชอร์
แต่ เทอร์รี เมลเชอร์
ย้ายออกจากบ้านหลังนั้นไปหลายเดือนแล้ว
และ โรมัน โปลันสกี เป็นผู้เช่าบ้านต่อจากเขา
ในช่วงเวลานั้น
โรมัน เดินทางไปลอนดอน
ปล่อยให้ ชารอน เทต ภรรยาของเขา
ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ได้แปดเดือน อยู่บ้านเพียงคนเดียว
บ้านที่เกิดเหตุ
ชารอน ที่มีอาการซึมเศร้าช่วงตั้งครรภ์
จึงมีเพื่อนสนิทพยายามมาเยี่ยมเยียนเพื่อไม่ให้เธอนั้นจิตตก
และในคืนนั้น
เจย์ เซบริง
แฟนเก่าของชารอนที่กลายเป็นเพื่อนสนิท
วอยจ์เทกช์ ฟรีคอฟสกี
และ อาบิเกล โฟลเกอร์
พาชารอนไปร้านอาหารและกลับมาสังสรรค์ต่อ
และทั้งหมดก็ที่นอนบ้านหลังนั้น
เท็กซ์ วัตสัน เมื่อมาถึงเห็นว่ามีคนอยู่ในบ้าน
จึงปีนไปตัดสายโทรศัพท์ที่อยู่นอกตัวบ้าน
และในขณะนั้นเอง สตีเวน พาเรนต์ หนุ่มวัย 18 ปี
บังเอิญขับรถผ่านมาและเข้ามาเห็นฆาตกรทั้งสี่คนพอดี
ภายถ่ายสุดท้าย ของชารอน เทต
สตีเวน จอดรถทันที
และถามทั้งสี่คนว่ากำลังทำอะไร
ไม่มีใครตอบอะไร
เท็กซ์ เดินมาอย่างรวดเร็ว
เอาปืนจ่อหัวสตีเวน
เขาตกใจและยกมือร้องขอชีวิต
แต่มันไม่เป็นผล
เท็กซ์ใช้มีดปาดคอสตีเวน
พร้อมยิงเข้าที่ท้องอีก 4 นัด สตีเวนเสียชีวิตเป็นคนแรก
เท็กซ์ ไม่รอช้า
เขาปีนหน้าต่างเข้าไปเปิดประตูจากด้านใน
ให้ซูซานและแพตทริเซียเข้ามา
ส่วนลินดาเฝ้าดูทางด้านนอก
ชารอนและเพื่อนๆ
ตื่นขึ้นมาจากเสียงเปิดปิดประตู
และเสียงโวยวายจากกลุ่มฆาตกร
“พวกแกเป็นใคร” หนึ่งในเพื่อนของชารอนตะโกนขึ้นมา
“เราคือปีศาจ และมาที่นี่เพื่อทำภารกิจของปีศาจ”
เท็กซ์เอ่ยขึ้น
ทั้งหมดเสียชีวิตจากการถูกแทงหลายสิบแผล
ชารอน เทต เป็นผู้ที่น่าสงสารที่สุด
เธอถูกให้นั่งดูเพื่อนของเธอถูกฆ่าอย่างป่าเถื่อนทีละคน
ชารอน และ เจย์ ซีบริง
และเมื่อถึงเวลาของเธอ
เธออ้อนวอนขอร้องให้จับเธอเป็นตัวประกัน
เพียงแค่ขอให้ลูกของเธอคลอดออกมา
แล้วจะฆ่าเธอยังไงก็ได้
กลับกลายเป็นเท็กซ์ฆ่าเธออย่างทารุณและทรมานที่สุด
เลือดของเธอถูกนำไปเขียนหน้าประตูบ้าน
“Pig”
เพื่อใส่ร้ายให้คนผิวสีเป็นผู้กระทำ
แม่บ้านของชารอน มาพบศพทั้งหมดในตอนเช้า
เหยื่อทั้ง 5 คน ในคืนนั้น
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กล่าวขวัญมากที่สุดในยุคนั้น
ถึงความปลอดภัยในตัวนักแสดงและย่านฮอลลีวูด
โรมัน โปลันสกี รีบกลับมาทันที
เขานั่งทรุดอยู่หน้าบ้าน
โดยที่ยังมีรอยเลือดของเธอที่ลบไม่ออก อยู่ที่หน้าประตู
โรมัน นั่งทรุดอยู่บริเวณหน้าบ้าน ที่รอยเลือดภรรยายังไม่จางไป
ส่วนฆาตกรทั้งหมดกลับมาหา ชาร์ลส์ แมนสัน
เขายังรู้สึกสะใจไม่พอ
คืนวันถัดมาเขาสั่งให้ไปฆ่าอีก
และสองสามีภรรยา ลีโน ลาเบียงกา
และ โรสแมรี ลาเบียงกา
ก็กลายเป็นเหยื่อในคืนนั้นอย่างทารุณ
ครั้งนี้ทั้งหมดโดนจับ
และหนึ่งในฆาตกร
ไปเล่าให้คนในเรือนจำฟัง
ว่าตนนั้นเป็นคนฆ่าชารอน เทต
ต่อมาทั้งหมดเลยถูกสืบสาวเรื่องราว
ชาร์ลส์ แมนสันจึงถูกจับ
ปัจจุบันทั้งหมดถูกจำคุกตลอดชีวิต
ชาร์ลส์ แมนสัน เสียชีวิตในเรือนจำ
ชาร์ลส์ แมนสัน ก่อนเสียชีวิตไม่กี่เดือน
ส่วนที่เหลือ ยังคงถูกจองจำ
แม้จะมีความพยายามเรียกร้องขอให้ปล่อยตัว
ก็จะมีความพยายามจากประชาชนและญาติของชารอน
ไม่ให้พวกเขาเหล่านี้ได้ออกมาสู่โลกภายนอกต่อไป
โรมัน โปลันสกี หลังจากสูญเสียภรรยาไป
เขาได้กล่าวว่าหลังจากวันนั้นเป็นต้นมา
ความเป็นตัวตนของเขาได้สูญหายและกลายเป็นคนที่มองอะไรในแง่ร้ายอยู่ตลอดเวลา
ใครที่อ่านแล้วคับแค้นกับเรื่องราวเหล่านี้
เควนติน แทแรนติโน ได้แก้แค้นให้แล้วในภาพยนตร์เรื่อง
once upon a time in Hollywood
Once upon a time in Hollywood
โฆษณา