12 เม.ย. 2020 เวลา 03:56 • สุขภาพ
“พร้อมแค่ไหนที่จะกลับมาเปิดเมืองหลังจาก Lockdown เรามาดูกัน...”
ขอบคุณภาพจาก Google
หลังจากที่หลายๆประเทศได้มีการปิดเมืองรวมถึงยกระดับมาตราการในการป้องกัน อัตราการระบาดในบางประเทศก็เริ่มมีแนวโน้มที่จะควบคุมได้ จนเริ่มมีการพูดถึงการกลับมาเปิดเมือง หรือ Covid Exit Strategy
ขอบคุณข้อมูลจาก Our World in Data
ผมได้มีโอกาสติดตามบทความจากหลายๆแหล่ง โดยล่าสุดบทความจาก World economic forum มีการพูดถึง 3 ปัจจัยหลักที่แต่ละประเทศควรคำนึงถึงหากคิดจะทำ Exit strategy ให้สำเร็จโดยไม่ให้เกิดการปิดเมืองซ้ำเนื่องจากการระบาดอีกครั้ง
ที่นี้ เรามาดูกันเลยว่ามีปัจจัยอะไรบ้าง
#1 The first crucial element of a COVID-19 exit strategy is massive testing (for both infection and immunity), so that healthy people can return to work and those who are infected can get appropriate treatment.
ประเทศที่มีความพร้อมในการออกจากสภาวะการปิดเมืองควรมีความมั่นใจว่าได้มีการตรวจจำนวนตัวอย่างที่เยอะ เพียงพอและครอบคลุมจำนวนประชากร (massive testing) หากเรามามองเทียบกับประเทศเรา ปัจจุบันจำนวนการ test ก็มีแผนที่จะเพิ่มขึ้น โดยทาง ศบค. แจ้งว่าจะมีการขยายวงคำจำกัดความ PUI ให้กว้างขึ้น 20,000 test ต่อวัน ถ้าทำได้ เพื่อให้บุคคลที่มีความเสี่ยงสามารถได้รับการตรวจ อย่างไรก็ตาม การทำเช่นนั้นได้จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือในระหว่างประเทศ ประเทศที่มีทรัพยากรต้องหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับประเทศที่มีความต้องการ จะเห็นจากกราฟด้านล่าง ศักยภาพในการทำ massive testing ของแต่ละประเทศต่างกัน โดยประเทศไทย ถ้าต้องการสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เกิดการระบาดซ้ำหลังเปิดเมือง ควรมีการยกระดับการตรวจให้เทียบเท่ากับ benchmark ประเทศที่คุมอยู่แล้ว เช่น เกาหลีใต้
ขอบคุณข้อมูลจาก Our World in Data
#2 A second component of an exit strategy is effective disease surveillance and control.
นอกจากการตรวจหาเคสให้ครอบคลุมมากที่สุด หลังจากพบผู้ป่วยแล้ว แต่ละประเทศจำเป็นต้องมีขั้นตอนและมาตราการที่รัดกุมในการควบคุมผู้ติดเชื้อและเฝ้าสังเกตอาการ การใช้เทคโนโลยีมาช่วยจะทำให้ตรวจสอบได้ง่ายและค้นหาผู้เกี่ยวข้องได้รวดเร็วกว่าการทำแบบ manual
จากตัวอย่างด้านล่าง ประเทศเกาหลีใต้ถือว่าเป็นผู้นำทางด้านนวัตกรรม รัฐบาลได้ประดิษฐ์สายคล้องข้อมือ (wristbands) เพื่อป้องปรามผู้ที่อยู่ในระหว่างการกักตัว ไม่ให้ลักลอบ ซึ่งจะช่วยลดการระบาดที่เพิ่มขึ้น
ขอบคุณหนังสือพิมพ์ Straits Times
โดย University of Oxford ได้มีการศึกษาว่าการใช้เทคโนโลยีในการติดตามทั้งในประเทศจีนและเกาหลีใต้ สามารถช่วยลดการระบาดได้อย่างมีนัยสำคัญถ้ามีการใช้กับประชากรอย่างน้อย 60%
ขอบคุณภาพจาก World Economic Forum
#3. Third, a global COVID-19 exit strategy would be safest with an effective vaccine.
ปัจจัยสุดท้ายคงเป็นสิ่งที่ทุกคนโลกรอคอย อย่างไรก็ตามการพัฒนาวัคซีนยังคงต้องใช้เวลา จากที่ผมได้ตามข่าว คิดว่าน่าจะอย่างน้อยปีหน้า
สุดท้ายนี้ หากถามว่าประเทศเราพร้อมจะ Exit จากการระบาดครั้งนี้หรือยัง ผมคิดว่าคงต้องเตรียมความพร้อมอีกพอสมควร สิ่งที่เราควรทำคือ กลยุทธ์ข้อ 1 และ 2 ทำการตรวจให้ครอบคลุมในขณะที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการควบคุมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดภาระคนหน้างาน ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศแรกที่กำลังจะเปิดเมืองกลับมาอีกครั้ง เราสามารถดูตัวอย่างและเรียนรู้ได้จากประเทศจีนหรือประเทศเยอรมัน (ผมได้เขียนบทความไว้ก่อนหน้านี้) เลือกในสิ่งที่เหมาะกับบริบทเรา เช่น อุตสาหกรรมที่มีขนาดต่อ Gdp ที่สูงและมีการจ้างงานเยอะควรได้รับความสำคัญเนื่องจากมีผลต่อคนหมู่มาก รวมถึงการเปิดโรงเรียน มหาวิทยาลัย เพื่อให้แรงงาน ผู้ปกครองสามารถกลับไปทำงานได้โดยไม่ต้องกังวล
ผมขอเป็นหนึ่งในกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประกอบการ ลูกจ้างทุกภาคส่วน ผ่านวิกฤษครั้งนี้ไปให้ได้ครับ 🙏
“No one is safe until everyone is safe”
โฆษณา