12 เม.ย. 2020 เวลา 04:09 • บันเทิง
นักวิ่งลมกรด การค้าทาสและทฤษฎีวิวัฒนาการ
ในการแข่งขันวิ่ง 400 เมตร ระดับระดับโลกรายการหนึ่ง ไมเคิล จอห์นสัน (Michael Johnson) -นักวิ่งลมกรดเจ้าของ 4 เหรียญทองโอลิมปิกและ 8 เหรียญทองเวิล์ดแชมเปี้ยน- วิ่งเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่ง ทุกอย่างเป็นไปตามความคาดหมายผลจากแผนและการฝึกซ้อมอย่างหนัก ทันทีที่ความปิตติคลายตัวลงไป เค้าก็วิ่งย้อนกลับไปเพื่อแสดงความดีใจกับเพื่อนนักวิ่งที่ร่วมการแข่งขันที่เหลือทุกคน ..... อยู่ๆคำถามประหลาดก็เกิดขึ้นกับเค้าในทันที.... นักวิ่งที่เข้ารอบสุดท้ายในการแข่งครั้งนี้ "ทำไมทุกคนเป็นคนผิวสี (คนดำ) ล้วนๆ" ไม่ว่าตัวแทนนั้นจะมาจากชาติในยุโรป อเมริกาเหนือหรือใต้ แม้กระทั่งเกาะเล็กๆอย่างจาไมก้า- "อะไรที่ทำคนผิวสีถึงมีความสามารถในด้านการวิ่งที่โดดเด่นเช่นนี้-มันเป็นพรสวรรค์ เหตุบังเอิญหรืออย่างไร....ทำไม ทำไม ทำไม"
คำถามนี้ติดอยู่ในใจเค้าอยู่นานจนมีโอกาสที่ได้ร่วมกับ BBC เพื่อค้นหาคำตอบนี้ สารคดี 'Survival of the fastest' พาเอาความรู้การเมืองระหว่างประเทศ สังคม ประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์มาพบกันอย่างละมุนละไมและงดงาม
จากสถิติเกือบจะทั้งหมดของนักกรีฑา (นักวิ่ง) ชั้นนำในโลกเป็นคนผิวสีและมีประวัติศาสตร์รากฐานที่มาจากการเป็นทาสโดยทั้งสิ้น อะไรที่ทำให้ลูกหลานเผ่าพันธุ์ทาสเหล่านี้แข็งแรงเหนือปรกติและมีพรสวรรค์เหนือเผ่าพันธุ์อื่นแม้กระทั่งเผ่าพันธุ์รากฐานของตัวเองในแอฟริกา
ย้อนกลับไปหลายร้อยปีในยุคล่าอาณานิคม การค้าทาสเป็นธุรกิจหนึ่งที่เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว (การค้าทาสจริงๆมีมาก่อนนั้นเป็นพันปี) เพราะด้วยความร่วมมือของคนในพื้นที่เองกับผู้บุกรุกการล่าทาสจากเผ่าพันธุ์ชาวแอฟริกันต่างๆในทวีปแอฟริกาตอนในจึงเป็นล่ำเป็นสัน ในช่วงเวลานั้นชาวแอฟริกันพื้นเมืองมักจะอยู่กันเป็นเผ่า ขนาดเผ่าไม่ใหญ่มาก การสืบพันธ์ุมักจะจำกัดกันอยู่แบบแคบๆในเผ่าพันธุ์ของตนหรือใกล้เคียง (ปัจจุบันแม้จะมีความเป็นชาติแต่ก็ยังมีความเป็นเผ่าพันธุ์ครับ) พฤติกรรมดังกล่าวนี้เองที่ทำให้ชาวแอฟริกันแท้แท้ในทวีปแอฟริกามีรูปร่างสันทัดไม่ใหญ่โต แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับชาวแอฟริกันที่อาศัยในยุโรปหรืออเมริกา
ย้อนกลับมาที่ไมเคิล เค้าเกิดในครอบครัวระดับกลาง เป็นลูกคนสุดท้องของพี่น้องทั้งหมด 5 คนและเป็นคนเดียวที่เป็นนักกีฬา เค้าพูดติดตลกว่า ก็เพราะมีพี่ๆถึง 4 คนนี่เองที่ทำให้เค้าต้องวิ่งเร็วตั้งแต่เด็ก อย่างไรก็ตามความสงสัยในที่มาของรากเหง้าทำให้ไมเคิลได้เดินทางไปพบกับ จนท. ห้องสมุดของรัฐ (public library) เพื่อขอตรวจสอบที่มาของต้นตระกูลของเขา สำมะโนประชากร ท่ีถูกถ่ายและเก็บด้วยไมโครฟิล์ม ค้นพบย้อนหลังไปถึงได้แค่ว่า 'ปู่ของทวด' ก็มีสถานเป็นทาสเช่นเดียวกับทวดของเขา ด้วยเหตุบังเอิญอย่างน่าอัศจรรย์ ผู้เชี่ยวชาญทางประวัติศาสตร์ยังช่วยสืบค้นจนพบภาพถ่ายของ 'น้องสาวของปู่ของทวด' ที่ถ่ายไว้เมื่อ 1890 มีอายุขณะนั้น 86 ปี (อเมริกาเลิกทาสเมื่อ1865) ตรงนี้น่าทึ่งครับ ส่วนตัวผมไม่แน่ใจว่าบ้านเรามีการจัดเก็บสำมะโนประชากรในอดีตกันหรือไม่อย่างไร -ถ้าเพื่อนๆทราบ เล่าแลกเปลี่ยนกันบ้างครับ- พร้อมกับการศึกษาข้อมูลทางประวัติศาสตร์เค้าค้นพบว่า ในอดีตเส้นทางการค้าทาสจากแอฟริกามาอเมริกา จะจุดพักและซื้อขายทาสใหญ่ที่....จาไมก้า (ประเทศบ้านเกิดเมืองนอนของยูเซน โบลต์ (Usain Bolt) เจ้าของฉายา “The Lightning Bolt") ไมเคิลจึงเดินทางไปจาไมก้าเพื่อค้นหาคำตอบต่อไป
Nature and Nurture
เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าปัจจุบันจาไมก้า เป็นประเทศที่ผลิตนักวิ่งระยะสั้นที่ดีที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ไมเคิลได้มีโอกาสไปพูดคุยกับนักวิ่งรุ่นเด็กๆ รวมทั้งโค้ช พบว่าข้อเท็จจริงที่น่าสนใจหลายอย่างครับ เช่น 1) จาไมก้าเป็นประเทศที่ไม่ร่ำรวย และการวิ่งเป็นกีฬาที่ลงทุนและใช้งบประมาณในการสนับสนุน อุปกรณ์น้อยที่สุด ใครๆก็วิ่งได้ และ 2) กว่าร้อยละ90 ของชาวจาไมกันในปัจจุบันมาจากทาส (ไม่ใช่ชาวเกาะพื้นเมือง) จึงมีแรงจูงใจที่อยากจะพิสูจน์ตัวเอง มีความมุ่งมั่นสูงมาก (psychological factor desire to prove themselves as good as white-mentality push yourself above normal limit) ปัจจัยวัฒนธรรมและการเลี้ยงดูแบบนี้เมื่อไปผนวกกับพรสวรรค์ความแข็งแรงที่มีทำให้อัตราการประสบความสำเร็จจึงมีสูงตามไปด้วย .... แต่อะไรคือปัจจัยของพรสวรรค์ของชาวจาไมกัน
ไมเคิลได้เดินทางต่อและไปพบกับ Dr.William Aiken คุณหมอ นักวิทยาศาสตร์และประวัติศาสตร์ชาวจาไมกัน ซึ่งได้ให้ข้อมูลพร้อมกับทฤษฎีที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า 'พรสวรรค์และความแข็งแรงของชาวจาไมกันรวมไปถึงคนเชื้อสายแอฟริกันในยุโรปและอเมริกา...ไม่ใช่เกิดจากพระเจ้าประทาน มันไม่ใช่เหตุบังเอิญ แต่มันคือ "ขบวนการคัดเลือกสายพันธุ์โดยฝีมือมนุษย์-Slavery is unnatural selection that speed it up an evolution, mass murder of the weak"
คุณหมอวิลเลี่ยมได้ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการค้าทาสในอดีตไว้อย่างน่าสนใจว่า การค้าทาสจะเริ่มจากการเข้าไปไล่ล่ากวาดต้อนชาวแอฟริกันที่อาศัยอยู่ในตอนลึกของทวีป (เพราะเมืองติดทะเลจะเจริญกว่า) และกวาดต้อนเดินเท้า อดมื้อกินมื้อ ใช้เวลากว่า 8 เดือน ระยะทางกว่า 1,000 ไมล์เพื่อให้มาถึงแองโกล่า (Angola) หรือ เซเนกัล (Senegal) ซึ่งเป็นเมืองท่า เมืองศูนย์กลางการค้าทาส ณ จุดนี้ทาสที่รอดชีวิต (ซึ่งจากการศึกษาประวัติศาสตร์เชื่อว่ารอดไม่ถึงครึ่ง) จะถูกคัด ประมูล ซื้อขายแฉกเช่นวัวควาย เพื่อนำลงเรือทาสไปยังจาไมก้าอีกต่อหนึ่ง ซึ่งเช่นเดียวกัน การเป็นอยู่บนเรือที่สุดแสนจำกัดและยาวนานกว่าครึ่งปี ทำให้ทาสที่รอดชีวิตไปถึงจาไมก้าเป็นแอฟริกันที่มีความอดทนแข็งแรง ในทางการแพทย์สามารถระบุได้ว่ามี "testosterone" สูงกว่าปรกตินั่นเอง
ไมเคิลเดินทางย้อนกลับไปอเมริกาเพื่อพูดคุยกับ Dr Juliet Walker นักประวัติศาสตร์อเมริกา ที่กรุณาให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า ในสมัยที่ทาสยังถือเป็นทรัพย์สินของนายทาสนั้น นายทาสจะทำอะไรๆกับทาสก็ได้ และปฏิเสธข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ว่า ในยุคสมัยนั้นมีการผสมพันธุ์ทาส โดยเลือกทาสหญิงชายที่มีลักษณะดีและแข็งแรงไปแต่งงานกันเพื่อให้ลูกทาสที่ตัวใหญ่และแข็งแรง ซึ่งนี่ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นขบวนการคัดเลือกสายพันธุ์อย่างไม่เป็นธรรมชาติครับ
โดยสรุป สารคดีชุดนี้คล้ายกับอีกหลายุดของ BBC ที่พยายามชี้ให้เห็นประเด็น Nature and Nurture, ด้วยความพร้อมทางธรรมชาติของร่างกาย กรรมพันธุ์ ประกอบกับการสนับสนุนอย่างถูกต้องจะทำให้คนคนนั้นมีความสามารถเหนือคนทั่วไป อย่างไรก็ตามเหมือนจะบอกกลายๆว่า ถ้าไม่มีความพร้อมทางธรรมชาติของร่างกาย กรรมพันธ์ุแล้ว ฝึกให้ตายก็ไม่มีทาง....(ผมสรุปเอง)
สารคดีรายการนี้มีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ เช่น
- การนำเสนอชีวิตของ Jessie James นักวิ่งผิวสีเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิคคนแรกของอเมริกา (จัดขึ้นที่เยอรมัน) ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำลายแนวความคิดของนาซีว่าพลเมืองชั้นสอง พวกไม่ใช่ชาวผิวขาวจะไม่มีคุณภาพ แต่เมื่อกลับมาประเทศหลังแข่งขันกับมีชีวิตด้วยเงินรัฐเลี้ยงดู-local flares และได้รับการยอมรับแบบขำๆโดยมักถูกจัดไปวิ่งแข่งกับม้า
- Professor Bill Amos, Cambridge University Zoologist เจ้าของโปรเจค sea lion project ที่ california ที่ศึกษาสภาพที่เกือบจะสูญน์พันธ์ุของสิงห์โตทะเลกลุ่มหนึ่ง เมื่อได้รับการช่วยเหลือดูแลกลับขยายพันธ์ุได้อย่างรวดเร็ว (ถูกนำมาเปรียบเทียบกับขบวนการค้าทาสและขยายเผ่าพันธุ์คนผิวสี)
- หรือประเด็นพวกนักวิ่งลมกรดมักมีโรคทางพันธุกรรม คือ เบาหวาน Diabetic / มะเร็งต่อมลูกหมาก prostate cancer
โฆษณา