14 เม.ย. 2020 เวลา 05:00
สุสานแนวตั้งกับการตีความใหม่ของสถาปัตยกรรมเพื่อคนตาย
การออกแบบสุสานในแนวตั้งเป็นการตอบสนองต่อความท้าทายของพื้นที่ที่มีความจำกัดในเมืองที่หนาแน่น แต่เมื่อเราเชื่อว่าสุสานนั้นสามารถเป็นอะไรที่มากกว่าแค่วางเรียงกันในแนวตั้ง และมีวิธียั่งยืนกว่าในการเก็บโลงศพ เพื่อระลึกถึงคนตายและเสนอวิธีการใหม่ในการมองชีวิตและความตาย
แนวคิดของการออกแบบนั้นมาจากสุภาษิตที่ว่า “the end of life is not death; being forgotten is.” หรือ “จุดจบของชีวิตไม่ใช่ความตายแต่เป็นการถูกลืม” ซึ่งในโปรเจคนี้ใช้บอลลูนเป็นสื่อในการรำลึกถึงคนตาย โลงศพสำหรับผู้เสียชีวิตคือบอลลูนฮีเลียมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เมตร
เถ้ากระดูกถูกเก็บไว้ในกล่องทรงแปดด้านตรงกลางของบอลลูน ซึ่งทำจากวัสดุที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ทั้งภายในและภายนอกของบอลลูนจะถูกเคลือบด้วยสารออกซิไดซ์ไวไฟก่อนแล้วจึงหุ้มด้วยวัสดุที่ทนทานต่อการเกิดออกซิเดชัน บอลลูนถูกผูกติดกับพื้นด้วยเส้นใยแก้วนำแสงพร้อมกับเครื่องหมุนนับเวลาถอยหลัง
ทุกครั้งที่มีคนบรรจุเถ้ากระดูกในบอลลูนเครื่องหมุนนับเวลาถอยหลังจะทำงาน ในขณะเดียวกันบอลลูนก็จะเริ่มลอยสูงขึ้น เมื่อใดก็ตามที่เพื่อนและครอบครัวมาเยี่ยมบอลลูนก็หยุด หากไม่มีผู้เยี่ยมชมบอลลูนก็จะลอยขึ้นไปเรื่อยๆ
การเคลือบสารป้องกันการเกิดออกซิเดชัน ช่วยป้องกันบอลลูนจากสภาพอากาศและช่วยให้มันลอยอยู่ในที่โล่ง และเมื่อบอลลูนลอยไปจนถึงชั้นบรรยากาศ สารเคลือบผิวออกซิไดเซอร์จะจุดประกายไฟเพื่อเผาบอลลูน ทำให้เถ้ากระดูกลอยไปในอากาศจนเมื่อฝนตก เถ้ากระดูกทั้งหลายก็จะเดินทางกลับสู่พื้นดิน
เมื่อบอลลูนลอยขึ้นเปรียบเสมือนการถูกลืมของคนคนนั้นจากคนทั่วโลก และเมื่อลอยไปถึงจุดสูงสุดนั้นเป็นเสมือนการว่าบุคคลนั้นถูกฝังอยู่ในประวัติศาสตร์อย่างสมบูรณ์
เมื่อบอลลูนลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า คนทั้งเมืองก็มีส่วนร่วมในพีธีกรรมของผู้เสียชีวิต และไม่เป็นเพียงการจดจำคนคนนั้นเท่านั้น แต่ยังเป็นการเตือนความจำของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ว่า “In the long river of life, have you forgotten someone?” หรือ “ในแม่น้ำสายที่ยาวของชีวิต คุณลืมใครสักคนไหม?”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเมื่อเวลาผ่านไปบางคนจะถูกลืม นอกจากนี้เถ้ากระดูกใหม่จะถูกใส่ไว้ในบอลลูน และเมื่อบอลลูนใหม่ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็เป็นการตั้งคำถามถึงความยั่งยืนในสถาปัตยกรรมเพื่อคนตายในปัจุบัน
เมื่อเปรียบเทียบกับอนุสรณ์ที่หนักหน่วงกับบอลลูนที่อ่อนหวาน แสดงถึงความสัมพันธ์ที่สงบสุขกับความตาย บอลลูนหลายใบที่ลอยสูงขึ้นจนเสมือนเป็นหอคอยสูงชั่วคราวที่คนสามารถเห็นได้จากทั้งเมือง
จากพื้นถนนผู้เยี่ยมชมสามารถเดินขึ้นไปยังแพลตฟอร์มรับชมระดับบน จากทางลาดลงไปที่อาคารด้านหลังที่เชื่อมต่อบันไดวนลงไปยังชั้นใต้ดิน ผู้เยี่ยมชมจะค่อยๆ เดินลงมาถึงพื้นที่ด้านล่างที่เป็นอนุสรณ์สำหรับผู้เสียชีวิต พวกเขาสามารถนั่งและพักผ่อนบนขั้นบันไดขนาดใหญ่
เส้นใยนำแสงที่ผูกติดอยู่กับบอลลูนจะนำแสงสะท้อนจากช่องเปิดด้านบนมาสู่ด้านล่างและกระทบกับสระน้ำ ให้ผู้คนที่ระลึกถึงผู้เสียชีวิตยืนอยู่ข้างสระน้ำสะท้อนแสงในที่ที่มีแสงสว่างและความเงียบสงบ
โปรเจคนี้เป็นสำรวจวิธีการใหม่ในการจัดการกับข้อจำกัดเชิงพื้นที่สำหรับสุสานในเมือง ในขณะที่ยังแสดงวิธีการเฉพาะตัวเพื่อชีวิตและความตาย โดยการมีบอลลูนเป็นสื่อกลางในการจัดเก็บโลงศพ และใช้ประโยชน์จากพื้นที่แนวตั้ง ซึ่งมีลูกโป่งที่ค่อยๆ ลอยขึ้นและลอยออกไปในที่สุด บอลลูนที่ปรากฏและหายไปนั้นสอดคล้องกับสัจธรรมของชีวิต
Because design does matter.
#designmatters
โฆษณา