13 เม.ย. 2020 เวลา 05:15 • ประวัติศาสตร์
อเล็กซานเดอร์ พุชกิน กวีผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศรัสเซีย
ผมรักคุณและยังรักคุณเสมอ
กระทั่งตอนนี้ไฟแห่งรักและความหวังดีก็ยังมิอาจมอดดับ
ผมไม่ปรารถนาให้คุณต้องเจ็บปวด
จึงเลือกเก็บรักนี้ไว้ในมุมที่มองไม่เห็น
.
ผมรักคุณในความเงียบ รักโดยไม่คาดหวัง
และรักอย่างสุดหัวใจ
ในขณะเดียวกันก็รักด้วยความเจ็บปวด
ผมได้แต่หวังว่าคุณจะได้รับความรักลึกซึ้งเช่นเดียวกันจากใครคนนั้นที่คุณเลือก
- Alexander Pushkin
1
ชีวิตช่วงต้นของคนกวีชื่อดัง
หากประเทศไทยมี สุนทรภู่, เยอรมันมี เกอเธ่ ประเทศรัสเซียเองก็มี อเล็กซานเดอร์ พุชกิน นี่แหละครับที่จัดเป็นกวีผู้ยิ่งใหญ่และยังคงโด่งดังมาจนกระทั่งทุกวันนี้
โดยช่วงวัยเยาว์ อเล็กซานเดอร์ พุชกิน เป็นบุตรของครอบครัวข้าราชการที่ไม่ค่อยสู้จะร่ำรวยมากนัก แต่กระนั้นเจ้าตัวกลับค่อนข้างภาคภูมิใจในวงตระกูลของตน เนื่องจากพวกเขารับราชการด้วยความซื่อสัตย์มาโดยตลอดแถมยังเป็นที่โปรดปรานของพระเจ้าซาร์อีกต่างหาก
ด้วยเหตุนี้เองปี 1811 อเล็กซานเดอร์ พุชกิน จึงมีชื่อเข้าเรียนในสถาบัน ไลเซียม โรงเรียนชั้นนำสำหรับผู้มีชื่อเสียง โดยผลงานชิ้นแรกของ พุชกิน ได้รับการตีพิมพ์ลงนิตยสาร The Messenger of Europe
.
ก่อนที่จะมีผลงานตามมาอีกหลายต่อหลายเรื่อง โดยในปี 1817 เขาได้จบการศึกษาจาก ไลเซียม พร้อมทั้งเขาทำงานในกระทรวงต่างประเทศ (ในสมัยนั้น) พร้อมทั้งนำผลงานของตนสู่สายตาประชาชนอีกมากมาย
1
โดนขับไล่ออกจาก เซนต์ ปีเตอร์
กระนั้นระหว่างที่เขากำลังทำงานอยู่ในกระทรวงต่างประเทศ อเล็กซานเดอร์ พุชกิ้น ได้ตีพิมพ์ผลงานเรื่อง Ode to Liberty ขึ้นมาซึ่งมีเนื้อหาโจมตีพระเจ้าซาร์ที่ 1 อย่างรุนแรง
.
โดยผลงานดังกล่าวมันสร้างความขุ่นเคืองให้กับพระองค์เป็นอย่างมากจนทำให้ พุชกิน ถูกเตะออกจากเมืองหลวงไปสู่เมืองคิซินัว (มอลโดวาในปัจจุบัน)
.
อเล็กซานเดอร์ พุชกิน อาศัยอยู่ที่เมือง คิซินัว เป็นระยะเวลานานถึง 3 ปีโดยในระหว่างนั้นเขาได้เข้าร่วมกับองค์กรลับ ฟรีเมสัน และ ฟิลิกี อีเตเรีย ในการโค่นลมการปกครองของพวกออตโตมัน
ระหว่างการใช้ชีวิตอยู่ที่เมือง คิซินัว อเล็กซานเดอร์ พุชกิน ได้สร้างสรรค์ผลงานสุดโรแมนติคออกมาถึง 3 เรื่องแต่กระนั้นจิตใจของเขายังคงหวังว่าจะมีโอกาสหวนคืนกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอนอีกครั้ง
.
ทั้งนี้ทางด้านรัสเซียได้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดเมื่อซาร์นิโคลัสที่ 2 ก้าวขึ้นครองอำนาจต่อจากกษัตริย์พระองค์ก่อน โดยช่วงเวลาดังกล่าว พุชกิน ได้ทำการร่างจดหมายขึ้นมาเพื่อขอนิรโทษกรรม
1
ซึ่งแน่นอนครับว่าซาร์นิโคลัสที่ 2 ทรงยินยอมเซ็นต์นิรโทษกรรม ให้แต่พระองค์ก็ไม่ได้ไว้ใจนาย พุชกิน เสียทีเดียวเพราะเขาดันไปข้องเกี่ยวกับฝ่ายต่อต้านซาร์หลายต่อหลายคน ผลคือพระเจ้านิโคลัสที่ 2 ได้มีคำสั่งเซ็นเซอร์ผลงานทุกชิ้นภายใต้แบรนด์พุชกิน
.
แถมนอกจากนี้ พุชกิน ยังโดนคาดโทษห้ามเดินทางไปไหนอีกต่างหากหากไม่ได้รับอนุญาตซึ่งตัวเขาเองก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก
1
จุดจบที่ไม่สวยงาม
กาลเวลาล่วงเข้าสู่ปี 1829 อเล็กซานเดอร์ พุชกิน ได้พบรักกับ นาตาเลีย กอนชาโรวา ภรรยาคนสวยของเขาทั้งสองตกลงใจแต่งงานกัน ชีวิตของปุชกินดูเหมือนจะดีขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงนี้เพราะนอกจากจะได้คู่ชีวิตแล้ว เจ้าตัวยังได้ตีพิมพ์ผลงานสุดคลาสสิคเรื่อง Boris Godunov แถมพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ยังมอบตำแหน่งเล็กๆ อย่างเจ้าหน้าที่ศาลให้อีกด้วย
.
กระนั้นช่วงเวลาแห่งความสุขกลับอยู่ได้ไม่นานนักเพราะชีวิตของ พุชกิน ดันต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอีกสารพัดอย่างไม่ว่าจะเป็น การลงทุนทำนิตยสาร The Contemporary ซึ่งมีแต่แย่ลงเรื่อยๆ, น้องสาวย้ายมาอยู่ด้วยจนทำให้ภาระของเขามากขึ้น และ ปัญหารุมเร้าต่างๆ
.
ซ้ำร้ายพอย่างเข้าสู่ปี 1863 มารดาสุดที่รักของเขายังมาเสียชีวิตอย่างกระทันหันแถมภรรยายังแอบคบชู้สู่ชายกับ จอร์เจส ดิแอนเธส นายทหารชาวฝรั่งเศสอีกต่างหาก
1
ในที่สุดข่าวลือเรื่องภรรยาของเขาแอบคบชู้มันก็ดังมาเข้าหู พุชกิน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นสร้างความไม่พอใจให้กับนักกวีผู้นี้เป็นอย่างมาก
.
ทำให้ อเล็กซานเดอร์ พุชกิน สติขาดและท้าทาย จอร์เจส ให้มาดวลปืนกันจะได้เลิกยุ่งกับภรรยาเขาเสียที ผลสรุปจากการต่อสู้พุชกินถูกยิงเข้าที่อกจนถึงแก่ความตายในเช้าวันรุ่งขึ้น
ข่าวลือเรื่องการตายของสุดยอดนักกวีผู้นี้แพร่สะพัดไปทั่วกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กทางการจำเป็นต้องจัดพิธีศพแบบหลอกๆ ให้เขาที่มหาวิหาร Svyatye Gory เพื่อป้องกันความวุ่นวาย ส่วนศพของเขาจริงๆ นั้นถูกนำไปเผายังสุสานของผู้เป็นมารดา
ก็เป็นอันจบเรื่องราวของ อเล็กซานเดอร์ พุชกิน ไว้เพียงเท่านี้ สำหรับ นาย จอร์เจส ดิแอนเธส นั้นว่ากันว่าเขาถูกผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษฐานทำให้พุชกินถึงแก่ความตายและเดินทางออกจากรัสเซียไปในที่สุด
ลิงก์ข้อมูล: https://bit.ly/2y4KbTA, https://bit.ly/3eeZFF4

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา