13 เม.ย. 2020 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์
“อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) บุรุษผู้เกลียดชังชาวยิว” ตอนที่ 6
ภายหลังจากที่เศรษฐกิจเยอรมนีล่มสลาย ผู้คนจำนวนมากจึงเริ่มมองหารัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหา
เยอรมนีได้จัดให้มีการเลือกตั้งในปีค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) ซึ่งอดอล์ฟก็ได้ออกหาเสียงหนักยิ่งกว่าใคร โดยอดอล์ฟได้เดินทางไปหาเสียงด้วยเครื่องบิน ทำให้เขาสามารถเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ได้ถึง 21 เมืองภายในเวลาแค่หนึ่งสัปดาห์
ในขณะเดียวกัน หน่วย SA ได้ออกเดินขบวนไปบนถนน และมีการฉายภาพยนตร์นาซีตามสถานที่ต่างๆ และมีการปิดโปสเตอร์รูปอดอล์ฟทั่วเมือง
1
อดอล์ฟซึ่งเริ่มได้รับความนิยม
ผลที่ออกมาก็คือพรรคนาซีได้รับคะแนนโหวตสูงถึง 36% แต่ก็ยังขาดเสียงข้างมากที่จะจัดตั้งรัฐบาล
อดอล์ฟจึงได้ต่อรองกับประธานาธิบดี “พอล ฟ็อน ฮินเดนเบิร์ก (Paul von Hindenburg)” ให้แต่งตั้งเขาเป็นนายกรัฐมนตรี
4
อดอล์ฟได้ขู่ประธานาธิบดีฮินเดนเบิร์กว่าหากไม่แต่งตั้งเขาเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคนาซีของเขาจะก่อความไม่สงบและสร้างความเสียหาย
2
ภายหลังจากการเจรจาผ่านไปนานนับสัปดาห์ ในที่สุดประธานาธิบดีฮินเดนเบิร์กก็ต้องยอมอดอล์ฟ
1
พอล ฟ็อน ฮินเดนเบิร์ก (Paul von Hindenburg)
ต่อมา รัฐสภาของเยอรมนีได้เกิดไฟไหม้ในปีค.ศ.1933 (พ.ศ.2476) และไฟไหม้ในครั้งนี้ก็ทำให้อดอล์ฟมีข้ออ้างในการเข้าจัดการ โดยเฉพาะเมื่อผู้ต้องสงสัยรายสำคัญนั้นเป็นคอมมิวนิสต์
อดอล์ฟได้สั่งฆ่าสมาชิกคอมมิวนิสต์และนักการเมืองคู่แข่งจำนวนมาก จากนั้นก็ได้มีการออกกฎหมายใหม่ นั่นคือ “รัฐบัญญัติมอบอำนาจ (Enabling Act of 1933)”
4
รัฐบัญญัตินี้มอบอำนาจให้อดอล์ฟได้มีอำนาจถึงสี่ปี และเขาก็สามารถทำอะไรก็ได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากใคร
1
ชาวเยอรมันหลายคนรู้สึกตกใจกับการขึ้นมามีอำนาจของอดอล์ฟ แต่หลายคนก็รู้สึกพอใจที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่มีความเด็ดขาดและจัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว
ภายหลังจากต้องลำบากและดิ้นรนมานานกว่า 10 ปี อดอล์ฟก็ได้ขึ้นสู่อำนาจ
ตอนที่หาเสียง อดอล์ฟได้พูดถึงสันติภาพและความมั่นคง แต่จุดหมายจริงๆ ของเขาคือการแผ่อำนาจไปทั่วโลก
ต่อหน้าสาธารณชน อดอล์ฟต้องการลบภาพโหดร้ายป่าเถื่อนของนาซี และเขาก็เริ่มกังวลว่าหน่วย SA เริ่มจะมีอำนาจมากเกินไป
อดอล์ฟตัดสินใจจะหักหลังพวกเดียวกันเอง ในเหตุการณ์ที่เรียกว่า “คืนมีดยาว (Night of the Long Knives)” ในปีค.ศ.1934 (พ.ศ.2477) เขาได้ส่งหน่วย SS ซึ่งเป็นองครักษ์ของตนไปปิดล้อมหน่วย SA นับร้อย และสังหารพวกเขา
หนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ข่าวเหตุการณ์คืนมีดยาว (Night of the Long Knives)
ชาวเยอรมันหลายรายดีใจที่พวก SA ถูกกำจัด แต่อดอล์ฟก็ก้าวไปไกลกว่านั้นมาก
อดอล์ฟได้ก่อตั้งหน่วยตำรวจลับที่เรียกว่า “เกสตาโป (Gestapo)” เพื่อจับตาดูชาวเยอรมัน หากใครที่พูดถึงนาซีในทางเสื่อมเสียหรือต่อต้านนาซี ก็จะมีความผิด ต้องถูกจับกุมหรืออาจจะถูกฆ่าได้
เจ้าหน้าที่เกสตาโป
สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเรืองอำนาจของนาซีมากที่สุดคือชาวยิว
1
อดอล์ฟได้ออกกฎหมายที่ห้ามไม่ให้คนยิวมีสถานะเป็นชาวเยอรมัน ไม่สามารถแต่งงานกับชาวอารยันสายเลือดบริสุทธิ์หรือทำงานบางอย่างได้ จากนั้นเขาก็ทำการสั่งห้ามไม่ให้คนยิวไปยังสถานที่สาธารณะ และเด็กชาวยิวก็ไม่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนเยอรมัน
1
ความรุนแรงที่มีต่อยิวนับวันจะมากขึ้นเรื่อยๆ นาซีได้ทำการเผาโบสถ์ยิวกว่า 200 แห่ง ทำลายห้างร้านของชาวยิวกว่า 7,500 แห่ง และฆ่าชาวยิวกว่า 91 ราย
1
นอกจากนั้น ชาวยิวอีกกว่า 26,000 รายก็ถูกหน่วย SS จับส่งเข้าค่ายกักกัน
ทหารนาซีทำหน้าที่จับกุมและตรวจสอบชาวยิว
แผนของอดอล์ฟคือการทำให้ชาวยิวมีชีวิตที่ยากลำบาก ทำให้ชาวยิวทนไม่ไหวและต้องย้ายออกไปจากประเทศ
อดอล์ฟทำได้สำเร็จ ภายในเวลาหกปีหลังจากนาซีเรืองอำนาจ ชาวยิวกว่าครึ่งที่อาศัยอยู่ในเยอรมนีก็ได้ออกไปจากเยอรมนีเพื่อหวังว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้น
อดอล์ฟทำสำเร็จไปแล้วขั้นหนึ่ง แต่แผนการของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป เขาจะทำอะไรต่อ ติดตามต่อได้ในตอนหน้านะครับ
โฆษณา