Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Thai Performance Practice as Research
•
ติดตาม
12 เม.ย. 2020 เวลา 14:47 • ศิลปะ & ออกแบบ
คีตนาฏการล้านนา: การสร้างสรรค์ศิลปะการแสดงภายใต้
กระบวนการสืบสานภูมิปัญญาล้านนาโดยโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญา ล้านนา
งานวิจัยของ ศรัณ สุวรรณโชติ และ พรรัตน์ ดำรุง
youtube.com
คีตนาฏการล้านนา ชุด ”ข้ามศาสตร์ ข้ามเวลา”
วีดีโอมุมใกล้ การแสดงคีตนาฏการล้านนา ชุด ”ข้ามศาสตร์ ข้ามเวลา”: การสร้างสรรค์ศิลปะการแสดงภายใต้กระบวนการสืบสานภูมิปัญญาล้านนา” โดยโฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้าน...
คีตนาฏการล้านนา เป็นโครงการพิเศษเพราะเป็นโครงการเดียวที่นักวิจัยหลักไม่ได้ทำงานในมหาวิทยาลัย พื้นที่การทำงานวิจัย ได้แก่ โฮงเฮียนสืบสานภูมิปัญญาล้านนา จังหวัดเชียงใหม่ ผู้เขียนสนใจวิถีคิด วิถีการเรียนการสอน ในโรงเรียนสุดสัปดาห์แห่งนี้ที่เชื่อมต่อเยาวชนล้านนากับครูภูมิปัญญา ด้านศิลปะที่เป็นพ่อเฒ่าแม่แก่ในชุมชน ผู้เขียนได้ปรึกษา เรื่อง "วิจัยการแสดง" กับ เลขาธิการมูลนิธิสืบสานภูมิปัญญา คุณชัชวาลย์ ทองดีเลิศ ซึ่งแนะนำให้รู้จักครูภูมิปัญญาที่เป็นสล่าฟ้อนเจิง ครูศรัณ สุวรรณโชติ หรือ ครูนิคที่สนใจจะพัฒนาโครงการวิจัย ที่เน้นการสร้างสรรค์การแสดง เพื่อ เฉลิมฉลองวาระครบ 20 ปีของโรงเรียนแห่งนี้ในปี 2560
ครูภูมิปัญญาที่เป็นสล่าฟ้อนเจิง ครูศรัณ สุวรรณโชติ
ผู้เขียนยังไม่แน่ใจว่าครูศรัณนั้นมีโจทย์วิจัยหรือไม่ แต่สังเกตว่าแรงบันดาลใจของครูศรัณ คือการทำละครฟ้อนร่วมสมัยในพื้นที่ว่างเปล่า ข้างโฮงเฮียนในวาระสำคัญของโรงเรียน และจะพัฒนาพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ การแสดง เพื่อใช้เป็นพื้นที่สร้างสรรค์ เชื่อมต่อผู้คนร่วมสมัยกับศิลปะ ดั้งเดิมของล้านนา
ในการประชุมเพื่อค้นหาความเป็นไปได้ของโครงการ มีการประชุม ระดมสมองกับกรรมการบริหารโรงเรียน เห็นพ้องกันว่า โรงเรียนกำลัง อยู่ในภาวะวิกฤติในเรื่องทิศทาง และกำลังหาทางออกว่าจะปรับปรุง หลักสูตรและพัฒนาการเรียนการสอนอย่างไรจึงจะเป็นที่สนใจของผู้เรียนและครอบครัวคนล้านนารุ่นใหม่ ครูศรัณหรือครูนิค คิดว่าพื้นที่การแสดง น่าจะเป็นตัวช่วยค้นหาคำตอบนี้ได้ ในทัศนคติของครูศรัณ “พื้นที่การ แสดงที่มีผลงานการแสดงที่หลากหลาย เก่า-ใหม่ผสมผสาน หรือเคียงคู่ กันนั้น จะทำให้โรงเรียนมีภาพลักษณ์ใหม่ที่ทำให้ผู้คนได้มองเห็น ‘ความ ร่วมสมัย’ ของโรงเรียนแห่งนี้”
ผลงานการแสดง ละครฟ้อนร่วมสมัย "ปู่นางสางหลวง" ในงาน คีตนาฏการล้านนาน่าจะเป็นพื้นที่การแสดงที่ริเริ่มสื่อสารวิถีคิด ‘เก่าที่ ควบคู่กับใหม่’ เป็นพื้นที่ ข้ามศาสตร์ของการแสดงฟ้อนพื้นเมือง ศิลปะ การแสดงเจิงที่เป็นการฟ้อนเชิงต่อสู้ กับ ศิลปะของการละครแบบ สากล ที่มีเรื่องราว สาระ และสื่อสารความร่วมสมัยของศิลปะล้านนาได้
ผู้เขียนมองเห็นเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นและความเชี่ยวชาญด้านศิลปะ ของครู-ศิลปิน และนักวิชาการทางศิลปะในโครงการย่อยปีที่ 1 นี้ เห็น ความท้าทายและคิดว่าเป็นโครงการวิจัยที่มีพลัง แม้ว่าจะต้องมีการปรับ กระบวนการในระหว่างการทำงานเกือบทุกขั้นตอน
ศิลปินครูภูมิปัญญา ศิลปิน/ครู-ศิลปินท้องถิ่น และอาจารย์ที่สอน ศิลปะที่มีความเชี่ยวชาญสูงในมหาวิทยาลัย ลงพื้นที่ชุมชน เพื่อทำงาน ร่วมกับเยาวชน เมื่อใช้กลวิธีในการทำวิจัยที่ ข้ามศาสตร์ ศิลปิน-นักวิจัย ต้องปฏิบัติงานร่วมกับศิลปินที่มีภูมิรู้ต่างสาขา ในกรณีนี้ ใช้หลักคิดแบบสากลมาปรับใช้ในการสร้างสรรค์ ผลงานวิจัยที่เกิดขึ้นจึงเป็นงานลูกผสม (hybrid) ผลงานทั้ง 3 ที่เกิดขึ้นมีความพ้องกันเรื่อง การข้ามเวลา เพราะ ตัวบทเริ่มต้นของงาน ศิลปิน/นักวิจัยหลักของโครงการทั้ง 3 ได้คัดเลือก ที่จะสร้างสรรค์การแสดงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องราวในตำนาน วรรณกรรมท้องถิ่น และศรัทธาของชาติพันธุ์ มาสื่อสารตีความใหม่ในยุคปัจจุบัน มีกระบวนการสร้างงานที่ได้จากการระดมสมองการร่วมใจกันของศิลปินต่างวัย งานวิจัยปฏิบัติการที่เกิดขึ้นข้ามเวลา โดยนำพาเรื่องราวจากอดีตมาสู่คนรุ่นใหม่ และเชื่อมเวลาด้วยการใช้ศิลปะ เป็นการทำงานที่มีเป้าหมายทั้งสร้างผลงานการแสดง และมุ่งวัดประเมินการเรียนรู้ การเปลี่ยนแปลงของผู้เข้าร่วมกระบวนการและผู้ชมผลงาน
ปู่นางสางหลวง ผลงานการแสดง ข้ามศาสตร์ ข้ามเวลา ของ ครูและศิษย์โรงเรียนสืบสานภูมิปัญญา
ละครฟ้อนร่วมสมัย "ปู่นางสางหลวง"
บทละครปู่นางสางหลวง สร้างบทโดย ศรัณ สุวรรณโชติ นำเสนอเรื่องจิตสำนึกที่เกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษและชาติพันธุ์ เป็นการแสดงที่สร้างลีลาในแบบฟ้อนโบราณ มีตัวละครจากปัจจุบันทะลุเข้าไปในตำนานความเชื่อแบบเก่า ย้อนอดีต และนำเสนอความจำที่ผู้ชมคุ้นเคย เรื่องราวของผู้สับสนเพราะสูญเสียกำลังใจ นำพาไปสู่ความขัดแย้งระหว่างศรัทธาแบบดั้งเดิมของคนล้านนา (ไทเขิน) กับกระแสความเชื่อใหม่ที่ทำให้ผู้คนละทิ้งราก คว่ำขันบูชาผีบรรพบุรุษ และปรับเปลี่ยนสู่อายะธรรมใหม่ การแสดงพูดถึง ขวัญ ของคนล้านนา ถ้าไม่อยู่กับตัวคนผู้นั้นจะป่วยไข้/สับสน เมื่อขวัญหนี้ไปจากตัวต้องตามหาขวัญกลับคืนมาสู่บุคคล ปู่นาง-ย่านาง ตัวละครหลัก ในละครเรื่องนี้ช่วยนำขวัญมาสู่ลูกหลานของตน แต่ลูกหลานก็ได้ทิ้งบรรพบุรุษไปสู่ความคิดความเชื่อสมัยใหม่ที่เข้ามาในชุมชน น่าสนใจว่า โครงการที่ใช้การแสดงเป็นฐาน (Performance–Based) ชิ้นนี้ ก่อให้เกิดอะไรขึ้นบ้างกับจิตใจของเด็กๆ นักเรียนรุ่นเล็ก หญิงและ ชายที่อยู่ร่วมในโครงการนี้ กับครูของพวกเขา พื้นที่การแสดงใหม่ และการทำงานข้ามศาสตร์ (hybrid) ที่สร้างบริบทใหม่ในการทำงาน
จิตสร้างสรรค์ อยู่ที่ไหน? ยัง ‘กระปรี้กระเปร่า’ แข็งแรงอยู่หรือไม่? การที่ครูศรัณใช้ความรู้ของฟ้อนเจิงกับการแสดงละคร เป็นการนำเอาวิถีของ ‘ฟ้อนทางมวย’ เข้ามาในเงื่อนไขใหม่ ทำให้มีการปรับความ หมาย และลีลา เพื่อ ‘การแสดง’ เป็น ‘พื้นที่ใหม่’ ให้มีการใช้เจิงแตกต่างออกไป ทำให้การฟ้อนเจิงเป็นองค์ความรู้ เป็นเทคนิค ที่นำไปใช้ในการฝึกฝนทักษะและประสมประสานกับศาสตร์อื่น
ในแนวทางของการฟ้อนเจิง ฟ้อนเชิง ตามที่ครูศรัณฝึกฝนนั้น แม้มีครูผู้สอนให้แนวทางแต่ที่สุดของการฝึกฝนศิลปะ คือ การค้นพบ "แนวทางของตนเอง" ที่แตกต่างและเป็นเฉพาะของตน มีอัตลักษณ์ และวิถีของตนครูศรัณจึงเป็นผู้ดูแลรักษา และสร้างสรรค์งาน ฟ้อนเจิง หรือ ฟ้อนเชิงในมิติของการสร้างสรรค์เพื่อการแสดงงานร่วมสมัย
ละครฟ้อนร่วมสมัย "ปู่นางสางหลวง"
ละครฟ้อนที่สร้างสรรค์ขึ้น มีเนื้อหาที่ ประทับใจ และให้ความ สำคัญกับ ภูมิปัญญา ความดี ความงามของบรรพบุรุษ ให้ความรู้เรื่อง การเปลี่ยนแปลง และคุณค่าของ ศิลปะ-วัฒนธรรมที่ทำให้ผู้ฝึกฝนเป็น ผู้สืบสานภูมิปัญญา เรื่องราวให้ข้อมูล และความรู้กับเยาวชน ผู้มีส่วนร่วมและผู้ชม ซึมซับ เรียนรู้ และเกิดความเข้าใจ จากการทำงานศิลปะ
ละครฟ้อนร่วมสมัย "ปู่นางสางหลวง"
เกิดพื้นที่การแสดงใหม่ เป็นพื้นที่อเนกประสงค์ทางศิลปะ-วัฒนธรรม เปิดโอกาส ให้มีการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ ที่ใช้ความรู้เรื่องการฟ้อนที่พัฒนาจากขนบ แต่แตกต่างจากขนบ เพราะประสมภูมิรู้ ความรู้สึกทัศนคติ ลีลาของผู้ทำงานพื้นที่การแสดงใหม่ มีเป้าหมายทางศิลปะเพื่อแตกแขนงและต่อยอด ใช้ภูมิรู้ของตัวศิลปินในตัวพื้นที่ใหม่สื่อสารกับผู้ชมนักปฏิบัติร่วมสมัย ในพื้นที่การแสดงใหม่นี้ มีความเป็นพื้นที่การแสดงแบบสากล ที่ต้องใช้ความรู้แบบตะวันตก การกำกับเวที การทำงานการฝึกซ้อมที่มีกระบวนการแตกต่างไปจากเดิม และสมาธิในการแสดงที่ให้ความสำคัญกับผลงานโดยรวม อันเป็นการฝึกฝน การทำงานที่แตกต่างไปจากการแสดงผลงานแบบเก่า
ผู้เขียนและหัวหน้าโครงการวิจัย : ศาสตราจารย์พรรัตน์ ดำรุง
สนใจอ่านบทความเต็ม ๆ ได้ที่หนังสือ "ปรากฏการณ์การแสดง"
https://www.facebook.com/ThaiPerformancePracticeResearch/shop/?rt=19
บันทึก
5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
"วิจัยการแสดง : สร้างสรรค์งานวิจัยในศิลปะการแสดงไทยร่วมสมัย"
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย