13 เม.ย. 2020 เวลา 07:02 • บันเทิง
สามก๊กฉบับกันดั้ม EP.01 ไทสูจู้ แม่ทัพเอกง่อก๊ก
#สามก๊กฉบับกันดั้ม
ไทสูจู้ (太史慈 จีนกลางออกเสียงว่าไท่สื่อฉือ) ชื่อรองว่า จื่ออี้ (子义) เกิดราวปี ค.ศ. 167 เป็นชาวเมืองอุยก๋วน มณฑลซานตง
ขณะยังหนุ่มได้สร้างชื่อจากการที่เจ้านายของเขามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับขุนนางคนอื่น จึงต้องการส่งฎีกาไปยังเมืองหลวงเพื่อกล่าวโทษขุนนางคนดังกล่าว โดยที่คู่กรณีก็ทำเช่นเดียวกัน ไทสูจู้ในวัย 21 ปีได้รับคัดเลือกให้เป็นคนนำฎีกาไปถวาย
ไทสูจู้เร่งเดินทางทั้งกลางวันกลางคืนจนถึงเมืองหลวงในเวลาไล่เลี่ยกับคนนำสารของอีกฝ่าย
บังเอิญว่าเขาได้เห็นคนนำสารของอีกฝ่าย จึงลวงขอดูฎีกาจากนั้นก็ทำลายทิ้งเสีย ไทสูจู้ยังเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายว่าในเมื่อไม่มีฎีกาไปยื่นแล้ว ก็ย่อมต้องถูกเจ้านายของตนลงโทษแน่ๆ มิสู้แยกย้ายหนีไปดีกว่า เพราะตนเองก็จะหนีไปเช่นกัน เนื่องจากได้รับคำสั่งให้มายื่นฎีกา ไม่ใช่ให้มาทำลายฎีกาของคนอื่น
คนนำสารของอีกฝ่ายบ้าจี้หลงเชื่อคำไทสูจู้จึงหลบหนีไป แต่หารู้ไม่ว่าไทสูจู้กลับแอบเข้าเมืองเพื่อถวายฎีกาได้สำเร็จ ในที่สุดเจ้านายของไทสูจู้จึงเป็นฝ่ายชนะคดี
เวลาต่อมา ขงหยงเจ้าเมืองปักไฮได้อุปการะมารดาของไทสูจู้ เพื่อต้องการได้เขามาเป็นพวก เมื่อเกิดกบฎโจรโพกผ้าเหลืองขึ้นในตอนช่วงต้นเรื่องสามก๊ก ขงหยงได้รับคำสั่งจากราชสำนักให้ต่อสู้กับโจรโพกผ้าเหลือง แต่กลับถูกกองทัพโจรโพกผ้าเหลืองปิดล้อมไว้ พอดีช่วงนั้นไทสูจู้มาเยี่ยมมารดา เห็นว่าขงหยงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากจึงอาสาช่วยฝ่าวงล้อมไปส่งสารของความช่วยเหลือจากทัพเล่าปี่
ยุทธวิธีที่ไทสูจู้นั้นออกจะดูเป็นละครสักหน่อย (ซึ่งในประวัติศาสตร์จริงคงไม่ได้ปรากฏเรื่องราวแบบนี้) กล่าวคือเมื่อถึงวันรุ่งขึ้นเขานำเป้าธนูข้ามไปยังบริเวณค่ายของพวกโจรโพกผ้าเหลือง แล้วขี่ม้ากลับมา จากนั้นก็ระดมยิงธนูใส่เป้า ซึ่งปรากฏว่าล้วนไม่เข้าเป้า จากนั้นก็กลับเข้าเมือง (ท่ามกลางความสงสัยของเหล่าโจรโพกผ้าเหลืองว่ามึงจะทำแบบนี้ไปเพื่อ...?)
พอถึงวันต่อมา ไทสูจู้ก็ทำแบบเมื่อวานอีกรอบ พวกทหารโจรโพกผ้าเหลืองพอเห็นก็ตายใจว่าทหารฝ่ายตรงข้ามคนนี้ฝีมือยิงธนูกากเหลือเกิน ต่างพากันไม่ให้ราคา ความระแวดระวังหย่อนยาน
ไทสูจู้จึงอาศัยจังหวะนั้นเองควบม้าฝ่าวงล้อมศัตรูไปได้ กว่าที่พวกโจรโพกผ้าเหลืองจะรู้ตัวและควบม้าไล่ตาม ก็ถูกธนูของไทสูจู้ทิ่มร่างจนร่วงกันหมด ถึงได้รู้ว่าหมอนี่แกล้งแสดงฝีมือกากๆ เพื่อให้พวกตนตายใจ
ในที่สุดไทสูจู้ก็นำสารไปขอความช่วยเหลือจากเล่าปี่ได้สำเร็จ
นี่เป็นซีนเปิดตัวและเหตุการณ์สร้างชื่อของไทสูจู้ในเรื่องสามก๊ก
แต่เหตุการณ์ที่เป็นฉากจำของเขาเห็นจะเป็นการเข้าร่วมกับฝ่ายง่อก๊กในยุคของซุนเซ็ก
หลังจากปฏิบัติการนำสารไปขอความช่วยเหลือจากเล่าปี่สำเร็จ เวลาต่อมาไทสูจู้ได้เข้าร่วมกับเล่าอิ้ว จนกระทั่งกองทัพของเล่าอิ้วปะทะกับกองทัพซุนเซ็ก
วันหนึ่งสายข่าวรายงานว่าซุนเซ็กกับผู้ติดตามไม่กี่คนขึ้นไปสักการะศาลเจ้าบนเขาลูกหนึ่ง ไทสูจู้เสนอให้ลอบจู่โจมซุนเซ็กที่ไม่ทันระวังตัว แต่เล่าอิ้วและเหล่าที่ปรึกษาเห็นว่าน่าจะเป็นแผนลวงของซุนเซ็กเสียมากกว่า เห็นได้ชัดว่าไทสูจู้ไม่ได้มีราคาอะไรในกองทัพของเล่าอิ้ว ไทสูจู้จึงอาสาขึ้นไปปฏิบัติการเพียงลำพังกับทหารเลวผู้ติดตามหนึ่งนาย
บนเนินเขานั้นเองไทสูจู้ได้ปะทะกับซุนเซ็ก ทั้งคู่ได้ต่อสู้กันบนหลังม้า เมื่อตกม้าก็ยังตะลุมบอนด้วยมือเปล่ากันอีกเป็นเวลานานก็ยังไม่รู้แพ้รู้ชนะกัน จนกองทัพของทั้งสองฝ่ายติดตามมาทัน ทั้งสองจึงล่าถอยไป
การศึกยังคงดำเนินต่อไป ซุนเซ็กทั้งแค้นที่ไม่อาจเอาชนะไทสูจู้ได้ แต่อีกใจก็ชื่นชมในความสามารถของเขา จิวยี่จึงวางแผนจับเป็นไทสูจู้
เมื่อถูกจับได้ซุนเซ็กเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าร่วมกับตนเอง ไทสูจู้นั้นซาบซึ้งในน้ำใจลูกผู้ชายของซุนเซ็กที่ไม่ถือสาที่ตนเองเคยทำให้ซุนเซ็กเสียฟอร์ม ในที่สุดจึงยอมสวามิภักดิ์
ไทสูจู้บอกซุนเซ็กว่ายังมีทหารของเล่าอิ้วที่หนีกระจัดกระจายอีกจำนวนมาก ตนเองอาสาไปเกลี้ยกล่อมให้มาเข้าร่วมกับซุนเซ็ก ขณะที่เหล่านายทหารและเสนาธิการพากันห้ามปรามเพราะเท่ากับเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า แต่ซุนเซ็กกลับยอมตามคำขอของไทสูจู้
ในที่สุดไทสูจู้ก็พาทหารของเล่าอิ้วนับพันนายกลับมาสวามิภักดิ์แก่ซุนเซ็กตามคำอ้างของตนได้จริงๆ
เหตุการณ์นี้เป็นที่มาของสำนวนจีนที่ว่า “ใช้คนไม่ระแวง”
หลังจากนั้นไทสูจู้ก็กลายเป็นแม่ทัพคนสำคัญของซุนเซ็ก ชื่อเสียงและความสามารถของเขาถึงขนาดว่าโจโฉผู้เป็นใหญ่แห่งวุ่ยก๊กถึงกับส่งสาส์นมาชักชวนให้เขากลับคืนสู่ภาคกลางอันเป็นแผ่นดินมาตุภูมิของตน – โดยนัยแล้วก็หมายถึงการชักชวนให้ “ย้ายค่าย” ไปอยู่กับฝ่ายตน
กระทั่งถึงการศึกที่เมืองหับป๋า (ค.ศ. 208) ซึ่งง่อก๊กในยุคซุนกวนผู้เป็นน้องชายของซุนเซ็กต้องการบุกตะลุยเข้าเขตอิทธิพลวุ่ยก๊กของโจโฉ
เมืองหับป๋าถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะหากตีเมืองหับป๋าได้แล้วก็จะทะลวงเข้าสู่เมืองหลวงได้โดยง่าย และในเวลานั้นทหารในเขตอิทธิพลชั้นในของโจโฉมีไม่มาก เนื่องจากต่างถูกส่งไปทำสงครามด้านอื่นอยู่
ไทสูจู้นั้นมีสายเป็นคนเลี้ยงม้าของเตียวเลี้ยวผู้ดูแลเมืองหับป๋า ได้เสนอแผนลอบเข้าโจมตีตอนกลางคืน โดยมีสายภายในเมืองคอยเปิดประตูเมืองให้
น่าเสียดายที่แผนนี้กลับถูกเตียวเลี้ยวล่วงรู้ก็เลยซ้อนแผนเข้าให้ ในที่สุดเมื่อไทสูจู้ยกทัพไปถึง ก็โดนมือธนูที่กำแพงเมืองระดมยิงใส่ร่างจนพรุนไปทั้งตัว
แม่ทัพเอกแห่งแคว้นง่อก๊กจึงเสียชีวิตในวัยเพียง 41 ปี
ตลอดเรื่องสามก๊กนั้น ง่อก๊กของตระกูลซุนปรากฏตัวเสนาธิการผู้ฉลาดหลักแหลมจำนวนมาก แต่สำหรับแม่ทัพชาญศึกนั้นกลับมีไม่มาก โดยไทสูจู้ถือเป็นแม่ทัพมือหนึ่งของแคว้น
หมายเหตุ
สำหรับใครที่เคยเล่นเกม Romance of the Three Kingdoms เกมวางกลยุทธเรื่องสามก๊กของค่าย Koei (มีมากมายหลายภาค ตั้งแต่เวอร์ชั่นเล่นในคอมพ์จอ monochrome มาจนถึงเครื่อง PS)
ค่าพลังด้าน War ของไทสูจู้อยู่ที่ 95 (จำไม่ได้ว่าภาคไหนนะ และแต่ละภาคค่าพลังอาจแตกต่างกัน) ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในบรรดาตัวละครง่อก๊ก
ตัวละครอื่นที่ค่าพลังการรบสูงกว่าเขาน่าจะมีแค่ ลิโป้ (100) แก๊งห้าพยัคฆ์ของเล่าปี่ (ประมาณ 97-98) และเตียนอุยกับเคาทู สองทหารองครักษ์ของโจโฉ (ประมาณ 96-98) เท่านั้นเอง

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา