13 เม.ย. 2020 เวลา 16:39 • ธุรกิจ
5 Mins Reading
"เรื่องราวของ Online Travel Agency (OTA)"
เพื่อนๆ รู้จัก Booking.com, Expedia, Agoda, Traveloka กันไม๊ ?
เราเลือกซื้อภาพมาจาก Shutterstock.com เองจ้า
แน่นอนละ เวลาเราคิดเรื่องเที่ยว เรื่องโรงแรม สมัยนี้มีเหรอที่เพื่อนๆจะไม่พลาดไปเช็คราคากันในเวปไซต์จองโรงแรม/ทัวร์ ออนไลน์ (ฮั่นแหน่ เพื่อนๆบางคนอาจจะไปจองเวปไซต์ตรงของโรงแรมเพื่อหาราคาที่ถูกกว่าใช่ม้า ? หรือเพื่อนๆบางคนชอบที่จะโทรไปถามเจ้าหน้าที่ตามบริษัททัวร์มากกว่ากัน ?)
ในบทความ 5 นาทีนี้ จะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับ ผู้ให้บริการ การจองโรงแรม และการท่องเที่ยวออนไลน์ ให้มากขึ้นกัน ! หวังว่าเพื่อนๆคงจะสนุกและอร่อยกับความรู้ใหม่ๆ
มาทำความเข้าใจกัน อะไรคือ ผู้ให้บริการ การจองโรงแรมและการท่องเที่ยวออนไลน์ (Online Travel Agency ขอเรียกว่า OTA นะ ทับศัพท์สั้นๆ) ?
- จริงๆต้องบอกว่าเป็น Platform, ตัวกลาง หรือพื้นที่ส่วนกลางของการขายแพคเกจการท่องเที่ยววมถึงโรงแรม (Travel services) มีทั้ง โรงแรม, ตั๋วเครื่องบิน, จองทัวร์หรือพวกเที่ยว1 วัน, จองรถเช่า ต่างๆนานา
- ถ้าให้เราเปรียบเทียบ ก็คงเหมือนกับ Sephora หรือ Eve & Boy ที่นำของแต่ละแบรนด์เข้ามาขาย
- แล้ว OTA เหล่านี้ได้เงินยังไง ? อ่าาาห์ ก็ได้เงินแบบลักษณะพ่อค้าคนกลาง (Intermediaries) ได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายให้โรงแรมต่อห้อง อาจจะอยู่ที่ราวๆ 15-20% ต่อการขาย 1 ห้อง ขึ้นอยู่กับสัญญา
มีใครบ้างนะที่เป็น OTA ฮอตฮิตติดหู จะไปเที่ยวไหนต้อง Search ดูก่อนเสมอเลย ?
- Expedia Group แน่นอนพวกเราคุ้นหูกันอยู่แล้ว จริงๆ เค้ามีแบรนลูกเยอะเยนะ ที่พวกเราอาจได้ยินแต่ไมเคยทราบ เช่น Hotels.com, Trivago, Wotif และยังเคยเป็นผู้ก่อตั้ง Tripadvisor ด้วยนะ (แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว ขายแล้วจ้า)
- Booking.com อันนี้เจ้าใหญ่มากๆ เรียกได้ว่าจะใหญ่ที่สุดในโลกแล้ว ทำไมนะเหรอ ? Booking holding ซึ่งเป็นบริษัทแม่เค้าเนี่ย มีบริษัทลูกที่ชื่อเสียงดังนพวกเรามากๆเลยนั้นก้อคือ Agoda นั้นเอง (ทาด๊าาา!)
- Ctrip หรือ Trip.com ที่มีโลโก้เป็นรูปปลาโลมา... ใช่แล้ว เจ้านี้เค้าโด่งดังมากๆ เรียกได้ว่าจะครองอาณาจักรแผ่นดินจีนหมดเลยดีกว่า เผลอๆ จะใหญ่เทียบเท่ากับ 2 เจ้าบนเลยก็เป็นได้ นอกจากนั้นยังขยายอาณาจักรมายัง Tripadvisor และ Makemytrip (เว็ปประจำชาติของอินเดียเลยก็ว่าได้)
- Airbnb สำหรับจองที่พักเป็นแบบบ้านพัก เจ้าแบรนด์นี้ก็ถือเป็น 1 ใน OTA นะ เพราะเป็น Platform เหมือนกัน แค่ Product อาจจะไม่ได้เหมือนกัน 100% (แอบได้ยินมาว่า ตอนนี้ Airbnb กำลังจะสามารถขายโรงแรมได้)
ต้องขอบอกว่า 4 เจ้าข้างบนนี่เปรียบเสมือน Big Four ของวงการจองที่พักออนไลน์เลยก็ว่าได้
และยังมีอีกหลายเจ้านะที่จะพยายามพูดถึงอยู่เรื่อยๆในซีรี่ย์นี้ เช่น Traveloka, Makemytrip, Hotelcombined
Expedia Group and Family - แบรนด์ลูกๆเยอะมาก เข้าถึงทุกตลาดเลยทีเดียว
Booking Holding Group - แบรนด์ไม่เยอะมากแต่เป็นพ่อทุกสถาบันเลยจ้า
Ctrip or Trip.com - น้องโลมาเรานี่เอง
มาถึงตรงนี้ เพื่อนๆอาจจะมีคำถามว่า "แล้วไงอะ จะเจ้าไหนๆก็เหมือนกันนะแหละ ชั้นดูที่ราคาถูกกว่าเป็นหลัก" ?
ต้องบอกว่าไม่เสมอไปน้าา ถ้าเพื่อนๆรู้จุดเด่นของแต่ละแบรนแล้วละก็ การตัดสินใจซื้อโรงแรมหรือทำแผนการเที่ยวในแต่ละประเทศ อาจจะคุ้มกว่าแค่ราคาถูกก้อเป็นได้นะ
- Expedia Group จุดเด่นคือ
Packages (Hotel + Flight)
Activities (ก็มี KLOOK เป็นเจ้าใหญ่ช่วยซัพพลายให้)
โรงแรมถ้าเป็นใน USA นี้จะถูกมาก เพราะเป็นเจ้าถิ่น
แอบอยากบอกว่า เกาหลี กับ ญี่ปุ่น แอบมีดีลเพียบบ !!
เด่นๆเลยก็ Genius Deal ที่มี ถึง 2 ระดับ ลด On Top แบบกระจายเลย
ความหลากหลายของที่พักในต่างจังหวัด (ทั้งใน และ ต่างประเทศโดยเฉพาะยุโรป) ค่อนมีครอบคลุม รวมถึงราคาเป็นมิตรด้วย
- Agoda
แบรนด์พี่น้อง อันนี้ชื่อเสียงดังมากในไทย เพราะราคาที่พักในไทยเนี่ย เค้าถูกจริงๆ ไหนจะมีคูปองส่วนลดอีกมากมาย อันนี้ขอแอบบอกว่า ที่ราคาเค้าถูกกว่าเจ้าอื่นเยอะขนาดนี้ ก็เพราะว่าพี่อโกด้าได้มีการเอาราคาที่ บริษัททัวร์หรือริษัทเหมาซื้อห้องแบบออฟไลน์ จากโรงแรมมา นั้นก็คือ ราคขายส่งโรงงาน (ถ้าเปรียบเทียบกับสินค้าเนอะ) แต่.. อยากชวนเพื่อนคิดพิจารณาด้วยนะ บางโรงแรมที่ถูกเกินไป เพื่อนๆอาจต้องระวังตามความเห็นสมควร ถูกไม่ได้ดีหมดเสมอไปเด้ออ
- Ctrip อันนี้ ไม่ต้องพูดเลย ราคาเค้าจะถูกมากๆๆๆๆ ยิ่งถ้าเพื่อนๆไปเที่ยวประเทศจีนเนี่ย แต่เราแนะนำให้จองผ่าน trip.com นะ ถ้าเป็น Ctrip.com เนี่ย ราคาอาจถูกมากๆก็จริง แต่เพื่อนต้องจองเป็นเงินหยวน และ เพื่อนๆยังต้องมี บัตรประชาชนจีน หรือพาสปอร์ตพี่จีนด้วยนะ อิอิ
จาก Booking.com เราให้ดูจุดเด่นเรื่องของระบบสมาชิก 2 เลเวล
จาก Expedia.co.th - Search เป็น โรงแรม + ตั๋วเครื่องบินจาก LAX to BKK ระยะเวลา 7 วัน 5 คืน โหว ราคาโรงแรม 5 ดาว รวมๆแล้ว น่าสนใจไม่เบาา
คิดว่าเพื่อนๆหลายคนอาจจะอยากรู้แต่ไม่อยากถาม ? ฮ่าๆ ขอเราเขียนถึงเรื่อง ประวัติความเป็นมาในแต่ละแบรนด์ดังๆ หน่อยละกันนะ อ่านต่อกันอีกนิดดด
1. Expedia Group
กำเนิดที่ USA เริ่มที่ 1996 ถูกคิดค้นโดยบริษัท Microsoft (เพื่อนๆ ร้อง อ้ออกันยังงเอ่ย)
ในปี 2003 ได้มีการซื้อแบรนด์ลูกๆเข้ามาเพิ่ม ขอเรียกว่า takeover กิจการเค้ามา เช่น Hotels.com, Hotwire
และปี 2004 ก็ได้ให้กำเนิดแบรนด์ Tripadvisor ที่ใครจะเชื่อว่าจะโด่งดังมากในยุคนี้
ในปี 2008 เรียกว่าเป็นยุคทองของการพัฒนามากๆ เพราะ Expedia ได้เพิ่มเติมแบรนต่างๆเข้ามา เช่น Egencia, CarRentals และยังได้พัฒนา โมเดลการทำธุรกิจแบบใหม่ขึ้นมาสำหรับวงการนี้ ซึ่งคือ Affiliate Network หรือพูดง่ายๆคือ การตลาดแบบพึ่งพาอาศัยกัน ช่วยกันขาย เปลี่ยนคู่แข่ง ซัพพลายต่างๆให้กลายเป็นพันธมิตซะ เดี๋ยวเราจะมีเจาะลึกให้ด้วยนะ น่าสนใจมาก
ปี 2013 ก็ได้เข้าซื้อแบรนด์ดังอีก 1 แบรนด์นั้นคือ Trivago ! เรียกได้ว่า ดึงคอนเซปบริษัท Thaibev ของลุงเจริญมาซะเยอะเลย
ล่าสุด เดือนมีนา 2018 ได้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ Rebranding มาเป็น Expedia Group เปลี่ยนภาพลักษณ์ให้ดูนุ่มขรึม เน้นการสร้างความเชื่อมั่นแบรนด์ขึ้นมา (ใช้โทนสีน้ำเงินเข้ม)
ไว้เดี๋ยวถ้ามีโอกาสจะเขียนเรื่องของ Colour Psychology มาให้เพื่อนๆได้อ่าน สนุกกันต่ออ
2. Booking Holding Group
เปิดตัวปี 1997 หลัง เจ้าข้างบนมานิดเดียว โดยใช้ชื่อว่า Priceline (เพื่อนๆหลายคนอาจะเคยได้ยินจนร้อง อ้ออออ)
ในปี 2005 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่คือ Priceline ได้เข้าซื้อ Booking.com !!! เรียกได้ว่า Expedia ขยับยังไง พี่คนนี้วิ่งขนานมาตลอดเลย เปรียบเป็นเฟอรารี่กับแลมโบเลยละ
ปี 2007 ทาด๊าาาา พี่อโกด้าเรามาแว้วววจ้า Priceline เข้าซื้อซะเลยย
ปี 2010 ตามอ้างอิงจากเว็ปไซต์ Booking holding. พี่ Priceline เค้าบอกว่า ตอนนี้ เค้าก้าวนำ Expedia ไปในทุกๆด้าน และกลายเป็น อันดับ 1 ของโลกเรียบร้อยยย อันนี้สุดยอดมาก มาทีหลังแต่ดังกว่า
ปี 2017 ได้มีการเปลี่ยนแปลง CEO ของ Priceline และสิ่งที่สำคัญมากที่สุด ก็คือ ปี 2018 ได้ Rebranding มาเป็น Booking Holding Group !! (โทนสีแอบคล้าย Expedia)
สมัยก่อนที่ทั้งสองจะ Rebranding (เอามาจาก Reportur.com)
ภายหลังจาก ปี 2018 การเปลี่ยนแปลงก็ได้เปิดฉากขึ้น สดใสสมัยใหม่กันหมดเลย(เอามาจาก Reportur.com)
นอกจากจองโรงแรมแล้ว ถ้าเพื่อนๆจะวางแผนทริปท่องเที่ยว (Trip Planning Stage) มีเว็ปไหนที่ช่วยเพื่อนๆในการเลือกดูอีกบ้างน้ะ ? แล้วจุดเด่นการบริการของเค้าคืออะไรบ้างละ ?
- KLOOK อะนี้แน่นอนละ จองทัวร์ สถานที่เที่ยว กิจกรรมต่างๆ หรือแม้กระทั่ง รถรับส่ง สนามบินในราคาเป็นมิตร โปรโมชั่นก็เยอะเลย เพื่อนๆลองไปดูได้นะ
- Google Hotels อันนี้ก็คือการที่เพื่อนๆเสิชธรรมดาในพี่กูเกิ้ลนี่ละฮะ เพียงแต่ตอนนี้เค้าพัฒนาจนมันจะกลายเป็น Platform ที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมี Google Trip อีกที่ช่วยจัดการเรื่องการวางแผนเที่ยว บอกเลยว่า ถ้าพี่คนนี้เค้าเสร็จสมบูรณ์เมื่อไร พี่ๆ Big Four ลำบากแน่นอน
- Tripadvisor อันนี้สำคัญมากเลยสำหรับการประกอบการตัดสินใจ เพราะที่นี้เป็นแหล่งรวม Reviews ชั้นยอด !! มีภาพทุกอย่างเก็บทุกความเห็นทั้งดีสุดๆ และแย่จนเห็นภาพ
Google Hotels - เห็นโล่งๆแบบนี้ มีครบทุกความต้องการเลยน้าา
บทความต่อๆไปของซีรีย์นี้ จะมีอะไรบ้างน้าาาา ?
- Customer Loyalty System มีบทบาทสำคัญยังไงกับ Online Travel Agency ?
- Promotion / Campaign มีอะไรบ้าง ? เทคนิคการเล่นกับราคา ? เอ...เพื่อนๆจองอย่างไงให้คุ้มกันน้ะ !?
- เจาะลึกเรื่องกลยุทธ์การตลาดที่เด่นๆของแต่ละแบรนด์กันสักนิ้ส เช่น
>>การตลาดแบบพึ่งพาอาศัยกัน (Affiliate Marketing) จาก Expedia ?
>>กลยุทธการตัดราคาด้วยคูปองจาก Agoda ( Coupon Discount Marketing) ?
>>กลยุทธการเพิ่มส่วนลดพิเศษโดยแบ่งตามประเทศ (Point of Sales Strategy) จาก Booking.com ?
เชื่อว่า ความรู้ที่เรากำลังศึกษาอย่างละเอียดนี้ (แต่ไม่หนักหัวและใช้เวลาอ่านนานกับเพื่อนๆแน่นอนน) จะช่วยให้เพื่อนสามารถจองทริปท่องเที่ยวหรือที่พักกันได้สนุก และถูกใจมากขึ้นน้าา ^^"
**ขออนุญาตสักนิด บทความต่างๆที่เพื่อนๆได้อ่านและกำลังจะได้อ่านกันในซีรีย์นี้ เป็นการศึกษาจากบทความต่างประเทศต่างๆ รวมถึงทั้งประสบการณ์ การเรียบเรียงและสรุปของผู้เขียนเองน้ะ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา