14 เม.ย. 2020 เวลา 13:23 • สุขภาพ
เจาะประเด็น ความร่วมมือกันของ Apple และ Google
ในการพัฒนาระบบสู้ COVID-19
เมื่อวันศุกร์ที่ 10 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกจากอเมริกา ได้ประกาศความร่วมมือกัน เพื่อแก้ปัญหาระดับโลก ที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้
เนื่องด้วย Google และ Apple เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของระบบปฏิบัติการ
ของโทรศัพท์มือถือ ที่ครองส่วนแบ่งในตลาดรวมกัน 99.29% ( Android 72.26% iOS 27.03% )
ประเด็นสำคัญที่น่าติดตามก็คือ
1) แตกต่างจากแอพที่มีการพัฒนาแล้วยังไงบ้าง
2) มือถือรุ่นไหนบ้างที่สามารถใช้ได้ และ
3) จะได้ใช้เมื่อไหร่
ก่อนอื่นจะขออธิบาย ถึงวิธีการอย่างคร่าวๆ ที่หลายประเทศใช้ เพื่อติดตามผู้ป่วย โดยการใช้ Bluetooth ก่อนแล้วกันนะครับ
โดยส่วนมากแล้วจะมี 2 ขั้นตอนหลักๆ ก็คือ
1) ทุกคนโหลดแอพพลิเคชั่นเดียวกันและเปิดใช้งานบนเครื่อง
2) เปิด Bluetooth
Bluetooth เป็นสัญญาณวิทยุชนิดหนึ่ง ที่ใช้เชื่อมต่อ ส่งข้อมูล ระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ในระยะ หลัก 10 เมตร
Trace Together | Government Technology Agency of Singapore
เมื่อ Bluetooth เครื่องเราไปใกล้กับเครื่องอื่น นั่นก็แปลว่า เราไปใกล้คนอื่น นั่นเอง
ทั้งเครื่องเราและเครื่องของคนที่ใกล้กันก็จะแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
เปรียบเหมือนการ "แลกนามบัตร" ทำความรู้จักกัน
Trace Together | Government Technology Agency of Singapore
เมื่อ พบว่าใครคนใดคนนึงติดเชื้อ หมอหรือบุคคลากรทางการแพทย์ก็จะขออนุญาตคนไข้ "ดูนามบัตรทั้งหมด" ที่เก็บเอาไว้ ว่าไปเจอใครมาบ้าง แล้วทำการ ติดต่อไปหาคนที่อยู่ในนามบัตรนั้นทั้งหมด ให้เฝ้าระวังอาการ
Trace Together | Government Technology Agency of Singapore
วิธีการอย่างคร่าวๆ ก็ประมาณนี้ครับ เข้าประเด็นกันเลย!
1) แตกต่างจากแอพที่มีการพัฒนาแล้วยังไงบ้าง
ในหลายประเทศ ที่ได้มีการร่วมกันของภาคเอกชนและภาครัฐ ในการทำแอพติดตาม ผู้ติดเชื้อ นั้น จะคล้ายคลึงกัน ในแง่ของระบบ
แต่ "ข้อมูลที่นำไปใช้ในระบบ" นั้นต่างกัน
หนึ่งในแอพติดตามผู้ติดเชื้อโควิดที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เป็นของ ประเทศสิงคโปร์ที่มีการพัฒนาแอพที่ชื่อว่า "Trace Together"
TraceTogether | https://play.google.com/store/
ซึ่งการลงทะเบียนนั้น จะต้องใช้ข้อมูล "เบอร์โทรศัพท์ของตนเอง" ส่งขึ้นระบบ และจะมีเลขรหัสประจำตัวผู้ใช้ ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโทรศัพท์ใกล้เคียงกัน นั้นถูกเข้ารหัสไว้ทั้งหมด แบบไม่ระบุตัวตน
มาดูทางด้านแอพ "หมอชนะ" ของประเทศไทยเราบ้าง
การลงทะเบียนโดยไม่ขอข้อมูลส่วนตัวใดๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ หรือเลขบัตรประชาชน แต่ จะต้องถ่าย "รูปโปรไฟล์ตัวเอง(หน้าตัวเอง)" ก่อน หลังจากนั้น ตัวแอพจะขอสิทธิเข้าถึง Location-GPS "ตำแหน่ง" , motion "การเคลื่อนที่" และ "Bluetooth"
MorChana | https://apps.apple.com/
โดยข้อมูลทั้งหมดที่เก็บไว้ในระบบจะถูกทำลายทิ้งหลังผ่านวิกฤตไปแล้ว
ในส่วนของปัญหาของการใช้งานแอพลิเคชั่น
TechGuy ได้ลองเข้าไปดู Review ของแอพก็พบว่า TraceTogether ดูจะมี
ปัญหาในเรื่องของ เสถียรภาพในการใช้งาน ปัญหาของการใช้ Bluetooth กับอุปกรณ์อื่นเช่นหูฟัง และปัญหาแบตเตอรี่ลดเร็วเนื่องจากต้องเปิดใช้งานตลอดเวลา
ส่วนทางด้าน iOS ที่มีความปลอดภัยของตัวระบบเอง ก็ทำให้ผู้เขียนแอพลิเคชั่นภายนอก เปิดใช้ อุปกรณ์ Bluetooth ตลอดเวลา ลำบาก
เลยคิดว่า สิ่งนี้อาจจะเป็นเหตุผล ที่ทำให้ บริษัทยักษ์ใหญ่จำเป็นต้องเข้ามาร่วมแก้ปัญหาระดับโลกนี้ไปด้วยกัน
ระบบสู้ COVID-19 ที่ Google และ Apple กำลังช่วยกันพัฒนาอยู่นั้น
ได้ประกาศไว้ว่า จะคำนึงถึง ความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งานเป็นหลัก
- จะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ใช้ก่อน
- ไม่เก็บข้อมูลส่วนตัวที่ระบุตัวตนได้ หรือ ตำแหน่งของผู้ใช้งาน
- ข้อมูลจากคนที่เราเข้าใกล้จะไม่หายไปจากเครื่อง
- ข้อมูลจากคนที่ติดเชื้อ จะไม่สามารถระบุตัวตนได้ ทั้งกับผู้ใช้งาน , Google หรือ Apple
- จะใช้สำหรับติดตามการติดต่อ โดย เจ้าหน้าที่สาธารณะสุข เพื่อจัดการกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 เท่านั้น
- รองรับทั้ง Android และ iPhone
Overview of COVID-19 Contact Tracing using BLE | Google
ข้อมูลในการแลกเปลี่ยนและเก็บไว้ในระบบจะถูกเข้ารหัสทั้งหมด
โดยการพัฒนาจะแบ่งออกเป็น 2 เฟส
เฟสแรกคือ พัฒนา API ให้สำเร็จ เพื่อใช้ทั้งฝั่ง Android และ iOS โดยจะใช้งานผ่าน Official Application ที่นำไปลง AppStore และ Google Play Store โดยสาธารณะสุข เท่านั้น
เฟสที่ 2 เป้าหมายคือการฝัง ตัวระบบ เข้าไปใน ระบบปฏิบัติการทั้ง iOS และ Android เลย แต่ว่ายังไม่ได้ยืนยันออกมา ถ้าใช่ก็คาดว่า การใช้งานก็คือ สามารถกดใช้ได้เลยที่หน้าตั้งค่าหรือ Setting เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลง แอพลิเคชั่นเพิ่มเติม
2) มือถือรุ่นไหนบ้างที่สามารถใช้ได้
ในเรื่องของ Bluetooth Low Energy , มือถือ Smartphone เกือบทุกรุ่นมีติดมาอยู่แล้ว
ถ้าเป็นฝั่ง iPhone ก็ตั้งแต่สมัย iPhone4S ปี 2011 ส่วน Android ก็รองรับตั้งแต่ปี 2012
Mobile Operating System Market Share 2020 | statcounter
ทาง Apple นั้นได้บอกว่า จะทำการอัพเกรดเข้าไปใน อุปกรณ์ที่รองรับ iOS13 ซึ่งหมายความว่า อุปกรณ์ที่คาดว่าจะได้ใช้ ได้แก่
- iPod touch (7th gen)
- iPhone 6s
- iPhone 6s Plus
- iPhone SE
- iPhone 7
- iPhone 7 Plus
- iPhone 8
- iPhone 8 Plus
- iPhone X
- iPhone XR
- iPhone XS
- iPhone XS Max
- iPhone 11
- iPhone 11 Pro
- iPhone 11 Pro Max
โดย สถิติจำนวน อุปกรณ์ที่ใช้ iOS13 คือ 78.19%
Mobile and Tablet iOS Market Share | statcounter
ส่วนทาง Android ของ Google นั้น ตัวระบบจะรองรับตั้งแต่ Android 6.0 Marshmallow หรือใหม่กว่า ได้แก่อุปกรณ์ที่รองรับ ระบบปฏิบัติการดังนี้
- Android 6.0 Marshmallow
- Android 7.0 Nougat
- Android 8.0 Oreo
- Android 9 Pie
- Android 10
จากข้อมูลเว็ปสถิติ statcounter พบว่า หากเป็นเช่นนั้นจะเท่ากับ รองรับอุปกรณ์ Android ทั้งหมดในตลาด กว่า 91.32% เลยทีเดียว
Android Market | statcounter
3) จะได้ใช้เมื่อไหร่
ในส่วนของ เฟสแรกนั้น Apple และ Google คาดการณ์ว่า ตัวระบบ จะพัฒนาแล้วเสร็จในเดือนหน้า กลางเดือน พฤษภาคม นี้
ส่วนเฟสสอง ยังไม่มีกำหนดการออกมาอย่างแน่ชัด
อย่างไรก็ดี เราก็คงต้องรอดูกันก่อน ว่า Apple และ Google จะสามารถทำได้อย่างที่บอกไว้หรือไม่ และ จะออกมาในรูปแบบไหน
and that's the end of the story.
อยากรู้เรื่องไหน ชอบหรือไม่ชอบบทความยังไง
ติชมมาทางคอมเม้นข้างล่างได้เลยครับ : )
TechGuy รายงาน
อย่าลืมกดไลค์ กดติดตาม TechGuy
เพื่อรับข่าวสารและเทคโนโลยี ส่งตรงถึงมือคุณนะครับ
Source:
โฆษณา