15 เม.ย. 2020 เวลา 02:00
“ว่าไง เป็นไงบ้าง” “สบายดีมั้ย” “ทำไร” ทักทายเก๋ ๆ เป็นภาษาอังกฤษกัน
มอนิ่งครับทุกคน เป็นไงบ้าง หวังว่าคงสบายดีกันน้า หลายคนคงเบื่อละสิที่ไม่ได้เที่ยว หรือต้องกักตัวอยู่บ้านหลายวัน อดทนกันอีกนิดนะครับ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเหมือนทุกครั้ง เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ We will NOT pass away together (เราจะไม่ตายกันหมด เราต้องรอด!!)
ช่วงนี้หลายคนคงคิดถึงเพื่อน ๆ ทั้งที่ทำงาน และเพื่อนสนิทกันน่าดู เพราะต้องอยู่ห่างกัน พอหมดช่วงโควิดแล้ว เราก็ลองมาทักทายกันแบบเก๋ ๆ เป็นภาษาอังกฤษกันดู
นอกจาก Hi. How are you? เราลองมาฝึกพูดทักทายแบบอื่นกันบ้างดีกว่า จะได้เนียนเหมือนเจ้าของภาษาขึ้นมาหน่อย ต่างชาติจะได้ร้อง Wow! Your English is good! ภาษาอังกฤษยูวดีจุงเบย แล้วอาจถามต่อว่า Where do you learn your English? เรียนภาษาอังกฤษที่ไหนมา เราก็อย่าลืมตอบกลับไปว่า I learn English from the EngSphere page. ก็เรียนจาก EngSphere ไง ขายของ ๆ 5555
1
เอาละ เรามาดูสำนวน “เห้ยแก...ว่าไง เป็นไงบ้าง” ที่ฝรั่งนิยมพูดกันเลยดีกว่า
Cr. Engoo
1. How are you?
ทุกคนคงคุ้นเคยสำนวนนี้กันดีอยู่แล้ว เพราะใช้บ่อยที่สุด How are you? เนี่ย ใช้ตอนไหนก็ได้ ใช้กับใครก็ได้ จะเป็นเพื่อน หรือคนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก หรือไม่ได้เจอนานแล้ว
เราอาจจะเคยถูกสอนกันมาว่า ถ้าไม่เจอกันนาน ให้ใช้ How have you been? ได้อย่างเดียวใช่มั้ย แต่ตอนแอดไปอยู่อเมริกา แอดพิสูจน์แล้วว่าไม่ใช่ เพราะมีหลายครั้งที่เพื่อนอเมริกันเข้ามาทักเวลาไม่เจอหน้ากันเป็นเดือน เพราะปิดเทอม summer ก็ยังทักแอดว่า How are you? นะ เพราะฉะนั้น สำนวนนี้ basic สุด ๆ ใช้ตอนไหนก็ได้ กับใครก็ได้ ใช้ไปเลย ไม่ผิด ฝรั่งเก็ต
1
Cr. Twitter
2. How have you been (doing)?
เมื่อกี้พูดไปแล้วว่าสำนวนนี้ใช้กับคนที่เราไม่ได้เจอหน้านานหลายวัน สัปดาห์ เดือน ปี หรือ ถ้าอยากเก๋ไปกว่านั้น พูดว่า Long time no see. ก็ได้ (ถึงตัวนี้จะผิดแกรมมาร์ ก็อย่าไปสนใจ เพราะตัวนี้ใช้ในภาษาพูด ซึ่งนิยมใช้กันจนแพร่หลาย จากผิดกลายเป็นถูกไปแล้วจ้า)
Cr. A New Mode
3. What are you up to?/ What have you been (getting) up to?
What are you up to? ใช้พูดแทน How are you? ได้เลย นอกจากนี้ What are you up to? ยังแปลว่า What are you doing? (ทำอะไรอยู่) หรือ Do you have time to talk? (มีเวลาคุยกันหน่อยมั้ย) หรือ Are you busy? (ยุ่งอยู่หรือเปล่า) ได้ด้วย ส่วน What have you been up to? ก็แปลว่า เป็นไงบ้าง หายหน้าหายตาไปนานเลย ก็ใช้เหมือน How have you been? กับ Long time no see.
เวลาตอบคำถาม What are you up to? / What have you been up to? นอกจากตอบว่า I’m fine. หรือ I’m good. เรานิยมตอบว่า Not much/ nothing much, just watching Kingdom series on Netflix (ก็ไม่ได้ทำไรมาก แค่ดูซีรีส์ Kingdom บน Netflix อยู่) และอาจถามกลับไปว่า What about you?/ What about yourself? (แล้วแก/เธอทำไร)
ในภาษาแชทบางทีก็เขียนว่า Whatcha up to? หรือ Whatchup to?
Cr. MEME
4. How are things?/ How’s things?
How are things? ไม่ได้แปลว่า “สิ่งของต่าง ๆ เป็นยังไงบ้าง” แต่แปลสวย ๆ ได้ว่า “ชีวิต (ช่วงนี้) เป็นไงบ้าง” things ก็คือ สิ่งต่าง ๆ ในชีวิต ส่วน How’s things? มาจากตัวเต็มว่า How is things? แต่เกิดจากการใช้แกรมมาร์ผิดจนนิยมใช้กันมากขึ้น เพราะที่ถูกต้องเป็น How are things? เพราะ things เติม -s แสดงว่ามีมากกว่า 1 อย่าง กริยาที่ใช้ต้องเป็น are ไม่ใช่ is แต่ตอนพูด ใช้ได้ทั้งสองตัวเลยจ้า ไม่ผิด
Cr. Meme Creator
5. How’s it going?
ตัวนี้ไม่ได้แปลว่า “มันจะไปยังไง” แต่แปลว่า “สบายดีมั้ย เป็นไงบ้างแกร” รูปเต็ม ๆ ของคำถามนี้คือ How is it going? คำถามนี้ใช้ตอนเจอกันครั้งแรก หรือใช้กับคนกันเอง คนสนิทก็ได้
Cr. Fired & Free
6. How are you doing? (ไม่เหมือนกับ What are you doing?)
อันนี้หน้าตาคล้ายอันแรก แค่เติม doing เข้าไป แต่คนที่พื้นฐานน้อย มักสับสนกับ What are you doing? ที่แปลว่า “ทำอะไรอยู่” สติลูกสติ จำง่าย ๆ ขึ้นต้นด้วย how คือ HOW are you? (เป็นไงบ้าง) อย่าไปสนใจ doing จ้า แต่ถ้า WHAT are you? (แกมันตัวไรอะ ออกแนวกลัวและรังเกียจ) บางทีเวลาพูด เค้าก็พูดสั้น ๆ อย่างในภาษาแชท ก็จะเขียนว่า How ya doing? หรือ How ya doin’?
Cr. DeviantArt
7. How’s everything?
คำถามนี้มักใช้กับคนสนิท คนคุ้นเคย เพื่อน พี่น้อง พ่อ แม่ หรือใครก็ได้ที่สนิท อยู่ด้วยแล้วกันเอง เป็นคำถามที่ย่อมาจาก How is everything? หรือบางครั้งก็พูดว่า How is everything going (with you)? ก็ได้
Cr. Wattpad
8. How’s life?
1
ก็ใช้กับคนสนิทอีกเหมือนกัน หรือพูดว่า How’s life treating you? ก็ได้
** treat มักใช้เป็นสำนวน และแปลได้หลายอย่าง**
(1) Trick or treat! ภาษาไทยเรียกว่า “หลอกหรือเลี้ยง”
เป็นคำพูดที่ใช้ในเทศกาล Halloween เวลาเด็ก ๆ ที่แตกตัวเป็นผีไปขอขนมหน้าบ้าน จะต้องพูดคำนี้ trick = หลอก ส่วน treat = ขนม ลูกกวาด ถ้าผู้ใหญ่ขี้เหนียวไม่ยอมให้ขนมเด็ก ๆ ในวัน Halloween ระวังโดนเด็กแกล้ง ไม่รู้ด้วยนะ
(2) Let me treat you. เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง! Treat ตัวนี้ แปลว่า “เลี้ยงข้าว” หรือถ้าเราอยากระบุว่าเลี้ยงมื้อไหน หรือเลี้ยงอะไร ก็เติม to แล้วตามด้วยมื้ออาหาร หรือชื่ออาหาร เครื่องดื่ม เช่น
Let me treat you to this meal. มื้อนี้ ฉันเลี้ยง!
Let me treat you to this lunch/ dinner. เดี๋ยวเลี้ยงข้าวเที่ยง/เย็น
Let me treat you to a pizza. ขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงพิซซ่าจ้า
Let me treat you to a beer. เดี๋ยวเลี้ยงเบียร์เอง
I’ll treat you to a movie tomorrow. เดี๋ยวพรุ่งนี้เลี้ยงหนัง
1
นอกจากนี้ เราสามารถพูดว่า It’s my treat. หรือ It’s on me. แทนก็ได้ หรืออาจพูดว่า Don’t worry. แล้วตามด้วย It’s my treat./ It’s on me. ไม่ต้องห่วง ฉันจ่าย/เลี้ยงเอง
(3) Treat = ปฏิบัติตัวกับ ดูแล
Henry treats Carol like she is one of his family members.
เฮนรี่ดูแลแคโรลเหมือนเป็นคนในครอบครัว
My boss has treated me unfairly.
บอสปฏิบัติตัวกับฉันอย่างไม่เท่าเทียม
The patient was well treated by his nurse.
คนไข้คนนั้นได้รับการดูแลจากพยาบาลเป็นอย่างดี
(4) Treat = ถือว่า... ถือเป็นเรื่อง...
He treated everything I said as a lie.
เขาถือว่าเรื่องทุกอย่างที่ฉันเคยพูดเป็นเรื่องโกหก
(5) Treat = รักษา (อาการเจ็บป่วย บาดแผล)
Today, the novel Coronavirus cannot be treated with an existing vaccine.
ทุกวันนี้ โรคโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ยังไม่สามารถรักษาได้ด้วยวัคซีนที่มีอยู่
Cr. St Andrew's on The Terrace
9. What’s happening?/ What’s going on?
ปกติแล้วทั้งสองคำถามนี้ แปลว่า “เห้ย เกิดอะไรขึ้น (เดินกับเพื่อนอยู่ดี ๆ เพื่อนก็กรีดร้อง เราก็ถามเพื่อนตอนนั้นเลยว่าเกิดอะไรขึ้น)” แต่ฝรั่งยังใช้เป็นคำทักทาย ถามไถ่สุขภาพด้วย แต่ถ้า What happened? = เกิดอะไรขึ้น (เกิดเรื่องไปเมื่อ 2 วันที่แล้ว เพิ่งจะมาถาม) และแน่นอนว่าตัวเต็มของ What’s happening? = What is happening?
**go on เป็นคำที่มาคู่กัน ไม่ได้มีความหมายเกี่ยวกับ ไป แต่แปลรวม ๆ ว่า “ดำเนินต่อ ทำต่อ หรือเดินหน้าต่อ” คำลักษณะแบบนี้ ภาษาอังกฤษเรียกว่า phrasal verb หรือ two-word verb เกิดจากคำกริยา และคำบุพบทมารวมกัน เกิดเป็นความหมายใหม่ คล้าย ๆ idiom เลย ที่ห้ามแปลตรงตัว**
Cr. Imgflip
10. I hope everything’s okay/fine/ alright.
ไม่จำเป็นต้องใช้เป็นคำถามอย่างเดียว แต่ใช้เป็นบอกเล่าก็ได้ ประมาณว่า “สบายดีนะ” หรือพูดว่า I hope you are doing well. หรือ I hope all is well with you. ก็ได้
1
Cr. My Autism SLP Adventure
11. Are you (doing) okay/ alright?
ก็เหมือน How are you? เลยครับ แค่เปลี่ยนคำพูด ใช้ทักทาย ถามสุขภาพได้หมด หรือใช้ถามเวลาเพื่อนหรือคนที่คุยด้วยแสดงอาการป่วย มีอาการแปลก ๆ แต่ระวังอย่าเผลอพูดว่า Are you good? เพราะสำนวนนี้ใช้ถามว่า “ต้องการให้ช่วยอะไรไหม” “อยากได้อะไรอีกไหม” ใช้ถามลูกค้าที่มาใช้บริการ
Cr. EOL System
12. How do you do?
เป็นอีกคำถามที่ฝรั่งนิยมใช้ทักทายกัน บางทีก็ใช้คำว่า Howdy! = Hi. How do you do? / How are you? ส่วนใหญ่คนทางใต้ของอเมริกาโดยเฉพาะในรัฐ Texas จะชอบพูดว่า Howdy! แต่อย่าหลงกับ WHAT do you do? ที่แปลว่า “คุณทำงานอะไร”
เมื่อถามด้วย How do you do? เวลาตอบก็ตอบกลับว่า How do you do? ไปเลย
Cr. PNGio.com
13. How are you feeling?/ How have you been feeling?
สำนวนนี้เน้นไปถามอาการเจ็บป่วยมากกว่า ว่า “เป็นไงบ้าง หายรึยัง ดีขึ้นรึยัง” แน่นอนว่า เห็น How have you been feeling? ต้องใช้กับคนที่ไม่ได้เจอกันนาน
Cr. Pininterest
14. Are you feeling (any) better?
สำนวนนี้ก็เน้นถามสุขภาพเช่นกัน บางครั้งนิยมพูดกันสั้น ๆ ว่า Feeling better? ทำเสียงสูงตรงพยางค์สุดท้ายด้วย จะได้รู้ว่าเป็นคำถามว่า “อาการดีขึ้นยัง” แต่ถ้าใช้เสียงต่ำในพยางค์สุดท้าย ก็จะเป็นคำตอบว่า “รู้สึกดีขึ้นแล้ว”
15. What’s wrong? / What’s the matter?
แปลว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า” ใช้ถามเวลาที่เรารู้สึกว่าเพื่อนหรือคนที่คุยด้วยกำลังไม่สบาย หรือมีอาการผิดปกติอะไรสักอย่าง แต่ระวัง ถ้าพูดว่า what’s wrong with you? หรือ what’s the matter with you? จะออกแนวนอยด์ ๆ “นี่เธอเป็นบ้าอะไรของเธอเนี่ย”
เป็นไงกันบ้างครับ กับสำนวนที่ใช้ทักทายที่นอกเหนือจาก how are you? อย่าลืมนะครับ ลองนำไปใช้กันดู ใช้ให้ถูกที่ ถูกกาลเทศะ ภาษาของเราก็จะดูเก๋ ๆ ขึ้นไปอีกระดับ และจะใกล้เคียงกับเจ้าของภาษามากขึ้นครับ
และถ้ามีคนมาถามเราด้วยคำถามพวกนี้ ส่วนใหญ่ตามมารยาท ฝรั่งมักจะตอบว่าสบายดีไว้ก่อน ใช้ได้หลายคำพูดเลย
“I’m good/ great/ fine/ okay!”
“I’m doing good/ fine/great/ okay!”
“Couldn’t have been (any) better!” (Could not have been (any)better) ไม่เคยรู้สึกดีแบบนี้มาก่อนเลย ให้ตายเถอะ
“I have been feeling so great.”
“I’m fantastic!”
“Pretty good.”
“So far, so good!”
“Not (too) bad.”
1
แต่ถ้าเรารู้สึกป่วย ๆ เหนื่อย ๆ เพลีย ๆ ก็กลับไปดูในสำนวนเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วย และสุขภาพที่เคยโพสต์ไว้ได้เลยครับ 555
อย่าลืมเอาไปใช้กันเยอะ ๆ นะครับ หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อย ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ 😊
โฆษณา