15 เม.ย. 2020 เวลา 02:30 • ประวัติศาสตร์
จอห์น ทอริงตัน: มัมมี่น้ำแข็งแห่งอาร์คติค
ในปี 1845 จอห์น ทอริงตัน อายุเพียง 20 ปี ในตอนที่เขาโดยสารไปกับขบวนเรือสำรวจทวีปอาร์คติค คณะสำรวจประสบความล้มเหลว และพบเจอกับเหตุการณ์ยากลำบากแสนสาหัสจนลูกเรือต้องกินกันเอง
ปี 1845 เรือสำรวจ 2 ลำ พร้อมลูกเรือ 134 นาย เดินทางออกจากเกาะอังกฤษ เพื่อสำรวจเส้นทางบริเวณทะเลอาร์คติค ทางตอนเหนือของแคนาดาและเกาะกรีนแลนด์ พวกเขาหายสาบสูญไป ปัจจุบันการสำรวจครั้งนั้นรู้จักในชื่อ The lost Franklin expedition เรือทั้งสองลำอับปางกลางทะเล ทิ้งไว้เพียงซากศพลูกเรือในสภาพเป็นมัมมี่ และสาเหตุที่ทำให้การเดินทางต้องจบลงซึ่งยังคงเป็นปริศนา
"The lost Franklin expedition" (https://www.trichanalytics.com/blog/tag/Franklin+Expedition)
"The North-west passage" คือเส้นทางการสำรวจทะเลอาร์คติด ทางตอนเหนือของแคนาดาและเกาะกรีนแลนด์ (เส้นสีฟ้า) (https://www.economist.com/the-economist-explains/2019/05/22/who-owns-the-northwest-passage)
เรื่องราวของจอห์น ทอร์ริงตันผู้โชคร้าย และการสำรวจที่ไม่มีวันได้กลับบ้านนี้ เริ่มต้นขึ้นที่เซอร์จอห์น แฟรงคลิน ผู้เป็นนักสำรวจดินแดนอาร์คติคและเป็นทหารสังกัดกองเรือของอังกฤษ
ชายผู้นี้ประสบความสำเร็จในการเดินทางสำรวจมาแล้ว 3 ครั้ง และได้โอกาสเป็นกัปตันผู้ควบคุมการเดินทางดังกล่าวถึง 2 ทริป แฟรงคลินวางแผนจะเดินทางสำรวจอาร์คติคอีกครั้งในปี 1845
เซอร์จอห์น แฟรงคลิน (https://www.thecourier.co.uk/fp/lifestyle/entertainment/theatre/872586/unspotted-snow-the-story-of-sir-john-franklins-doomed-expedition/)
ประสบการณ์การสำรวจของเซอร์จอห์น แฟรงคลิน - ครั้งที่ 1 (เส้นสีเขียว), ครั้งที่ 2 (เส้นสีส้ม) และครั้งสุดท้าย (เส้นสีแดง) - (https://www.canadiangeographic.ca/article/archaeologists-resume-search-sir-john-franklins-hms-terror)
เรือสองลำของคณะสำรวจของกัปตันแฟรงคลิน อันได้แก่ H.M.S. อีรีบัส และ H.M.S. เทอร์เรอร์ ถูกค้นพบในปี 2014 และปี 2016
ต่อมาในปี 2019 ทีมนักโบราณคดีของแคนาดาได้ใช้โดรนดำน้ำเพื่อสำรวจภายในซากเรือเทอร์เรอร์อย่างละเอียด และพบกับหลักฐานอันน่าขนพองสยองเกล้าที่ถูกทิ้งไว้นับร้อยปี
(บนสุด) ตำแหน่งที่เรืออีรีบัสและเทอร์เรอร์สาบสูญ ปี 1848, (กลาง) ตำแหน่งที่พบเรือเทอร์เรอร์ ปี 2016, (ล่างสุด) ตำแหน่งที่พบเรืออีรีบัส ปี 2014 - (https://www.rcinet.ca/eye-on-the-arctic/2019/08/28/franklin-expedition-hms-terror-shipwreck-dive-clues-canada/)
- เมื่ออะไรๆไม่เป็นไปตามแผน: คณะสำรวจของแฟรงคลิน -
เช้าวันที่ 19 เมษายน ปี 1845 จอห์น ทอร์ริงตันพร้อมลูกเรืออีก 133 นาย ออกเดินทางจากท่าเรือเมืองกรีนไฮต์ เกาะอังกฤษ เรือหุ้มเกราะเหล็กทั้ง 2 ลำ บรรทุกเนื้อสำหรับประกอบอาหาร 32,289 ปอนด์ ลูกเกดแห้ง 1,008 ปอนด์ แตงกวาดอง 580 แกลลอน และเครื่องมือสำหรับสำรวจทางทะเลอีกจำนวนมาก
"มุ่งสู่ The North-west passage" (https://www.wikiwand.com/en/HMS_Erebus_(1826))
มีการบันทึกไว้ถึงการเตรียมการเดินทาง มีการส่งลูกเรือ 5 คนกลับบ้านในระยะเวลา 3 เดือนแรกของการสำรวจ แต่เรื่องราวหลังจากนั้นล้วนเป็นปริศนา
ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เรือทั้งสองลำเกยฝั่งกับแผ่นน้ำแข็งในช่องแคบวิคตอเรีย ซึ่งบริเวณดังกล่าวอยู่ระหว่างเกาะวิคตอเรียและเกาะคิงวิลเลียม ทางตอนเหนือของแคนาดา การสำรวจหลายต่อหลายครั้งช่วยให้นักโบราณคดีปะติดปะต่อเรื่องราว ค้นหาสถานที่และช่วงเวลาก่อนที่เรือจะอับปางลง
เส้นสีแดงจาก ขวาไปทางซ้าย แสดงเส้นทางการเดินเรือสำรวจ พบว่ามีการแวะพักในช่วงฤดูหนาวที่เกาะบีชี่ระหว่างปี 1845-46 ก่อนเรือจะขาดการติดต่อในวันที่ 22 เมษายน ปี 1848 บริเวณเกาะคิงวิลเลียม (จุดด้านสีแดงล่าง) - (https://www.nationalgeographic.com/adventure/2019/08/sir-john-franklin-searched-for-northwest-passage-then-vanished-feature/)
ยกตัวอย่างเช่น ในปี 1850 นักสำรวจชาวอเมริกันและอังกฤษ พบหลุมฝังศพจำนวน 3 หลุม บนเกาะบีชี่ย์ซึ่งร้างผู้คน ป้ายหลุมระบุย้อนไปปี 1846 นี่คือการค้นพบคณะเดินทางของแฟรงคลินที่สูญหายเป็นครั้งแรก
เกาะบีชี่ (ด้านบนสุดของภาพ) - (https://www.researchgate.net/figure/Map-of-Franklin-expedition-route-https-doiorg-101371-journalpone0202983g001_fig1_327198516)
https://pixels.com/featured/traces-of-the-franklin-expedition-the-three-graves-at-cape-english-school.html
ปี 1854 จอห์น เร นักสำรวจชาวสกอต พบชุมชนชาวอินูอิตที่อ่าวเบลลี่ พวกเขาเข้าทรงโดยใช้สิ่งของที่อ้างว่ามาจากคณะเดินทางของแฟรงคลิน เร พบชิ้นส่วนกระดูกมนุษย์บริเวณนั้น ส่วนใหญ่มีร่องรอยแตกกะเทาะ ทำให้เกิดข่าวลือที่ว่าลูกเรืออาจกินกันเองในห้วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
จอห์น เร (https://www.bbc.com/news/uk-scotland-north-east-orkney-shetland-29412927)
จอห์น เร และคณะสำรวจ เมื่อครั้งพบกับชุมชนชาวอินูอิตที่อ่าวเบลลี่ (http://www.hbcheritage.ca/people/explorers/dr-john-rae)
ต่อมา ในทศวรรษที่ 1980 และ 1990 มีการพบชิ้นส่วนกระดูกที่มีร่องรอยจากใบมีดบนเกาะ คิงวิลเลียม ช่วยยืนยันว่าลูกเรือที่เหลือรอดจากการอับปาง ได้หั่นร่างของเพื่อนลูกเรือที่ตายจากการขาดอาหารเพื่อความอยู่รอดของตนเอง
คณะนักสำรวจขุดค้นพบกระดูกจำนวนมากบนเกาะคิงวิลเลียม หลายโครงมีร่องรอยถูกของมีคมกระเทาะ - (http://www.netscapades.com/franklintrail/cannibal.htm), (http://www.netscapades.com/franklintrail/1993.htm)
แต่สิ่งที่สร้างความตื่นตะลึงไปทั่ว คือซากศพที่ถูกรักษาไว้เป็นอย่างดี สภาพสมบูรณ์ครบถ้วน แม้กระทั่งผิวหนังและดวงตาของเขา
โลงศพปริศนาบนเกาะบีชี่ (https://www.macleans.ca/society/face-to-face-with-a-franklin-crew-member-140-years-later/image/9/#gallery/franklin-crew-photographs-by-brian-spenceley/slide-3)
- การค้นพบ จอห์น ทอร์ริงตัน -
https://owlcation.com/humanities/johntorrington
ย้อนกลับไปกลางศตวรรษที่ 19 จอห์น ทอร์ริงตัน เป็นเพียงเด็กหนุ่มธรรมดาที่ไม่ได้ร่ำรวยหรือมีชื่อเสียง อันที่จริง ไม่มีใครรู้เรื่องราวของเด็กหนุ่มผู้นี้เลย จนกระทั่ง โอเว่น บีทตี้ นักมานุษยวิทยา ขุดเขาในสภาพมัมมี่ขึ้นมาจากหลุมศพบนเกาะบีชี่ย์ ในอีก 140 ปีต่อมา หลังจากเขาสิ้นลมหายใจ
https://owlcation.com/humanities/johntorrington
โอเว่น บีทตี้ ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาชาวแคนาดา มหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา (https://alchetron.com/Owen-Beattie)
มีแผ่นโลหะจารึกไว้ด้วยลายมือว่า นี่คือหลุมศพของจอห์น ทอร์ริงตัน เสียชีวิตในวันที่ 1 มกราคม 1846 ศิริอายุได้ 20 ปี แผ่นน้ำแข็งหนา 5 ฟุต ช่วยกลบและป้องกันหลุมศพของเขาไว้เป็นอย่างดีนับศตวรรษ
ป้ายจารึกบนหลุมศพ (https://miepvonsydow.wordpress.com/tag/john-torrington/)
จอห์น ทอร์ริงตัน นอนหงายอยู่บนแผ่นไม้ภายในโลงศพ สวมเสื้อคอตตอนลายทางสีเทา กระดุมทำจากเปลือกหอย กางเกงผ้าลินิน ส่วนของศีรษะห่อหุ้มด้วยผ้าลินินผืนเล็ก ใบหน้าของเขาครบถ้วนสมบูรณ์ แม้กระทั่งดวงตาสีฟ้าขุ่นที่ยังคงลืมค้างไว้มาตลอด 138 ปี
https://miepvonsydow.wordpress.com/tag/john-torrington/
ในรายงานการพิสูจน์ซากศพ กล่าวว่าผมของเขามีสีน้ำตาล ถูกโกนออกจากศีรษะจนล้านเลี่ยน ไม่พบร่องรอยของบาดแผลหรือการถูกทำร้ายบนร่างกาย ส่วนของสมองมีจุดที่ทำให้นักนิติวิทยาศาสตร์ตั้งข้อสงสัยว่า ร่างของจอห์นอาจถูกเก็บรักษาไว้ในที่แห้งและอุ่นหลังจากเสียชีวิต ราวกับรอการฝังศพในห้วงเวลาที่เหมาะสม
ภาพจาก TV Series เรื่อง The terror - (http://kabloonas.blogspot.com/2018/05/the-terror-tv-show-just-another-opinion.html)
ข้อมูลอื่นระบุว่า เด็กหนุ่มมีส่วนสูง 5 ฟุต 4 นิ้ว (ราว 163 ซม.) หนักเพียง 88 ปอนด์ (ราว 40 กก) อันเนื่องมาจากสภาวะขาดสารอาหารอย่างรุนแรงก่อนเสียชีวิต พบปริมาณของตะกั่วจำนวนมากในเนื้อเยื่อและกระดูก
ซึ่งอาจเป็นเพราะอาหารกระป๋องคุณภาพต่ำที่เขารับประทานมาตลอดการสำรวจ และคาดว่าลูกเรืออีก 129 คนที่เหลือก็น่าจะมีปริมาณตะกั่วในร่างกายระดับเดียวกันนี้
ที่มา (1) https://asterling.typepad.com/incipit_vita_nova/2009/04/food-for-the-franklin-expedition-not-enough.html (2) https://www.keremeosreview.com/trending-now/20-things-we-bet-you-didnt-know-about-the-franklin-expedition/ (3) https://www.the-scientist.com/news-opinion/dna-analysis-throws-new-light-on-the-1845-franklin-arctic-expedition-31131
แม้ปัจจุบันจะมีการผ่าพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ แต่ก็ยังไม่อาจสรุปสาเหตุการเสียชีวิตได้อย่างแน่นอน มีการคาดเดาว่าเขาอาจตายจากปอดติดเชื้อ อดอยากอาหาร หรือตะกั่วเป็นพิษ เฉกเช่นเดียวกับเพื่อนลูกเรือคนอื่น
หลังจากนำร่างของจอห์น ทอร์ริงตัน และเพื่อนของเขาอีก 2 คน ได้แก่ จอห์น ฮาร์ทเนท และวิลเลียม เบรน ที่ถูกพบฝังในโลงใกล้กัน มาทำการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์แล้วเรียบร้อย ร่างของทั้ง 3 คนถูกนำไปฝังไว้บนเกาะบีชี่ย์ จุดเดิมกับที่ทีมสำรวจค้นพบพวกเป็นเขาครั้งแรก ปล่อยให้แผ่นน้ำแข็งและความเย็นรักษาร่างของพวกเขาตลอดไป
(1) จอห์น ทอร์ริงตัน (2) จอห์น ฮาร์ทเนท (3) วิลเลียม เบรน - https://www.reddit.com/r/creepy/comments/8y7ekt/the_mummified_remains_of_john_torrington_john/
https://www.etsy.com/uk/listing/590678719/beechey-island-ice-men-fine-art-print
"ปล่อยให้พวกเขานอนหลับตลอดไป" - https://allthatsinteresting.com/john-torrington-franklin-expedition
- การสืบค้นคณะสำรวจแฟรงคลินที่สาบสูญ: H.M.S. เทอร์เรอร์ -
ภายหลังการค้นพบร่างของจอห์น ทอร์ริงตัน พวกเขาก็พบเรือเดินสำรวจจำนวน 2 ลำที่หายสาบสูญไปในอีก 30 ปีต่อมา
(ล่างสุด) จุดที่พบเรืออีรีบัส เดือนกันยายน ปี 2014, (กลาง) จุดที่พบเรือเทอร์เรอร์ เดือนกันยายน ปี2016 - https://davidarkwrightnavy.2242njc.com/2019/08/29/inside-the-wreckage-of-the-doomed-hms-terror-archaeological-dive-reveals-stunning-look-at-the-ruins-of-a-franklin-expedition-ship-frozen-in-time-underwater-nearly-200-years-after-it/
ปี 2014 นักสำรวจพบซากเรืออีรีบัสจมอยู่ใต้พื้นสมุทรที่ความลึก 36 ฟุต นับเป็นเวลากว่า 169 ปีตั้งแต่เรือออกเดินทางจากท่าในเมืองกรีนไฮต์
สองปีถัดมา ก็ค้นพบซากเรือเทอร์เรอร์ภายในอ่าวห่างออกไป 45 ไมล์ ที่ระดับความลึก 80 ฟุต เรือสองลำถูกปล่อยทิ้งไว้ในผืนน้ำนานเกือบ 200 ปี
http://victoryshipmodels.com/hms-terror-ship-from-franklin-expedition-ship-model-kit-occre.html
“เรือยังคงมีสภาพดี” ไรอัน แฮร์ริส นักโบราณคดีกล่าว “หากคุณมองไปที่เรือทั้งสองลำ ก็ยากที่จะเชื่อว่า นี่คือเรือที่มีอายุถึง 170 ปีแล้ว คนเราไม่ได้พบอะไรแบบนี้บ่อยนักในชีวิตประจำวัน”
ไรอัน แฮร์ริส นักโบราณคดีใต้น้ำชาวแคนาดา
หลังการค้นพบ เกิดคำถามขึ้นสองข้อ: เหตุใดเรือทั้งสองลำจึงจมห่างไกลกันนัก และเหตุใดมันถึงจม? ในกรณีของเรือเทอร์เรอร์ นักสำรวจไม่พบสาเหตุของการอับปางเลย
คำถามดังกล่าวยังคงรอให้ค้นหาคำตอบ และผลักดันให้เกิดโครงการสำรวจครั้งสำคัญในปี 2019 นักโบราณคดีใช้โดรนสำรวจภายในเรือเทอร์เรอร์ ภาพที่บันทึกจากโดรนนับเป็นครั้งแรกที่สาธารณะชนได้เห็นนับตั้งแต่มันจมลงใต้ทะเลเมื่อ 170 ปีที่แล้ว
https://www.history.com/news/arctic-shipwreck-franklin-expedition-hms-terror-photos#&gid=ci024fad37f00124df&pid=hms-terror---no-watermark-5--353
สถาปัตยกรรมและโครงสร้างของเรือเทอร์เรอร์เป็นแบบฉบับของชาวแคนาเดียนโดยแท้ มันถูกสร้างขึ้นในระหว่างสงครามช่วงปี 1812 และถูกใช้ในการรบหลายครั้งก่อนจะถูกดัดแปลงให้เป็นเรือเดินสำรวจทะเลอาร์คติค
มีการต่อเติมแผ่นเหล็กหนาเพื่อให้สามารถเจาะผ่านแผ่นน้ำแข็ง และออกแบบให้เรือมีการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุลมากขึ้น เรือเทอร์เรอร์ถือเป็นหัวหอกและต้นแบบในขบวนเรือสำรวจของแฟรงคลิน โชคร้ายที่เทคโนโลยีในเวลานั้นยังไม่ทันสมัยมากพอ และทำให้เรือจมลงสู่ท้องทะเลโดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด
สงคราม ค.ศ. 1812 เป็นความขัดแย้งทางทหารกินเวลาสองปีครึ่ง สู้รบกันระหว่างสหรัฐอเมริกาฝ่ายหนึ่งกับสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ อาณานิคมอเมริกาเหนือและพันธมิตรอินเดียนอเมริกาเหนืออีกฝ่ายหนึ่ง (https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1_%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1812)
หลังใช้รีโมทบังคับโดรนให้สำรวจบริเวณใต้ท้องเรือ และห้องของลูกเรือ พวกเขาส่งนักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญ 7 คน ดำลงไปบันทึกภาพเพื่อนำมาเผยแพร่ให้สาธารณะชนได้เห็นความสมบูรณ์ของเรืออายุกว่า 170 ปี ลำนี้
“เรือเทอร์เรอร์ไม่น่าจะจมได้เลยครับ” ไรอันกล่าว “เราไม่พบร่อยรอยการชนกับน้ำแข็ง ไม่มีรอยรั่วบริเวณลำเรือ ในวันนั้นมันคงอับปางอย่างปัจจุบันทันด่วนและทันทีทันใด กระทั่งตัวเรือยังคงตั้งตรงแม้อยู่ในก้นทะเล สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
อย่างไรก็ตาม การค้นคว้าอย่างจริงจังเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน บวกรวมกับเงินทุนมหาศาล และคนขี้สงสัยใคร่รู้อย่างไรอัน อาจทำให้เราได้คำตอบของคำถามต่างๆเหล่านี้ในอนาคตอันใกล้
“ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” เขากล่าว “ผมมั่นใจว่าเรากำลังจะได้บทสรุปของเรื่องราวอันยาวนานกว่า 2 ศตวรรษนี้เสียที”
http://victoryshipmodels.com/hms-terror-ship-from-franklin-expedition-ship-model-kit-occre.html, https://davidarkwrightnavy.2242njc.com/2019/08/29/inside-the-wreckage-of-the-doomed-hms-terror-archaeological-dive-reveals-stunning-look-at-the-ruins-of-a-franklin-expedition-ship-frozen-in-time-underwater-nearly-200-years-after-it/,
ดูคลิปสำรวจเรือเทอร์เรอร์ใต้น้ำได้ที่

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา