15 เม.ย. 2020 เวลา 14:21 • สุขภาพ
5 ข้อปฏิบัติที่ลดความเสี่ยงไม่ให้น้องหมาต้องป่วยในช่วงโควิดระบาด
ลองไปดูกันค่ะว่าจะต้องทำยังไงกันบ้าง
การเผชิญหน้ากับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในตอนนี้ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่ใหม่สำหรับทุกคน หลายคนเกิดความตระหนก สับสน ไม่รู้จะต้องใช้ชีวิตยังไงต่อไป ... ในสถานการณ์แบบนี้สิ่งที่ดีที่สุดที่ทุกคนควรมีคือ "สติ" ค่ะ จริงอยู่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้น่ากังวลและเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่เราต้องพยายามควบคุมสติ และวางแผนการจัดการว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญ และอะไรที่สามารถเซฟความปลอดภัยของเรา รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงของเราได้
ณ ตอนนี้มีแนวโน้มว่า คลีนิก หรือโรงพยาบาลสัตว์ บางแห่งอาจจะต้องปิดชั่วคราวเนื่องจากมาตรการของรัฐ ดังนั้นถ้าหากน้องหมาของเราเจ็บป่วยในช่วงนี้ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายได้ ดังนั้น ในสถานการณ์แบบนี้เราจึงต้องมีแนวทางในการดูแลน้องหมาให้มีความเสี่ยงที่จะป่วยน้อยที่สุดค่ะ
ส่วนจะต้องทำยังไงบ้างนั้น วันนี้ด็อกไอไลก์มีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ
1. เลี่ยงการพาน้องหมาออกนอกบ้าน
อย่างที่บอกค่ะว่าช่วงนี้เป็นช่วง Lockdown ควรกักตัวเองอยู่กับบ้าน น้องหมาเองก็เช่นกันค่ะ ช่วงนี้น้องหมาเองก็ไม่ควรจะออกไปนอกบริเวณบ้านเช่นกัน เนื่องจากการออกนอกบ้านในตอนนี้มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เป็นอันตราย โดยที่น้องหมาอาจจะได้รับเชื้อมาโดยที่เจ้าของไม่รู้ตัว นอกจากนี้ ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนจัดการพาน้องหมาออกไปนอกบ้านอาจจะเสี่ยงทำให้น้องหมาเกิดอาการฮีทสโตรกได้ง่ายอีกด้วย ดั้งนั้นเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงในการรับเชื้อ ทั้งเจ้าของและน้องหมา รวมไปถึงลดความเสี่ยงในการเกิดอาการฮีทสโตรก การอยู่กับบ้านจึงเป็นการเซฟความปลอดภัยได้ดีที่สุดค่ะ
2. เช็กสุขภาพโดยรวมของน้องหมาด้วยตัวเองเป็นประจำทุกวัน
การสังเกตร่างกายภายนอก ร่วมกับพฤติกรรม และกิจวัตรประจำวันของน้องหมาก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยเช็กความผิดปกติเบื้องต้นในน้องหมาได้ค่ะ โดยเริ่มจากการสังเกตง่าย ๆ พฤติกรรมของน้องหมา เช่น ร่าเริงดีหรือไม่ การเดิน การวิ่ง ปกติดีหรือไม่ สังเกตกิจวัตรประจำวันว่าน้องหมาทำปกติหรือไม่ เช่น กินข้าวได้ปกติไหม ขับถ่ายปกติหรือเปล่า ลักษณะของอุจจาระ-ปัสสาวะ มีสีปกติหรือไม่ นอกจากนี้การจับหรือสัมผัสส่วนต่าง ๆ ในร่างกายน้องหมาก็เป็นการเช็กได้ว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับน้องหมาหรือไม่ ... เพื่อน ๆ สามารถเข้าไปอ่านขั้นตอนการตรวจสุขภาพน้องหมาด้วยตัวเองที่บทความนี้เลยค่ะ https://www.blockdit.com/articles/5e971c5708a31022080af479
3. อย่าให้น้องหมากินอาหารหรือขนมแปลก ๆ
เรื่องของอาหารการกินของน้องหมาก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ในบางบ้านผู้เลี้ยงชอบเปลี่ยนอาหารให้น้องหมาบ่อย ๆ เพราะกลัวว่าน้องหมาจะเบื่อ ทำให้บางครั้งน้องหมาเกิดอาการท้องเสีย หรือแพ้อาหาร โดยที่ผู้เลี้ยงไม่ทราบสาเหตุ ดังนั้นในช่วงนี้ควรให้น้องหมากินอาหารสูตรเดิมที่เคยกินเป็นประจำ ไม่ควรเปลี่ยนอาหารเพื่อลดความเสี่ยงในการท้องเสียหรือแพ้อาหาร นอกจากนี้ ยังต้องคอยทำความสะอาดเศษอาหารในชาม อย่าให้มีเศษอาหารเหลือ หากน้องหมากินอาหารไม่หมดในมื้อควรทิ้งทันทีไม่ควรวางทิ้งไว้ โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูปแบบเปียกที่จะเสียได้ง่ายกว่าปกติเนื่องจากอากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้
4. อย่าละเลยการออกกำลังกายของน้องหมา ออกไปนอกบ้านไม่ได้ก็หาวิธีง่าย ๆ ออกกำลังกายในบ้าน
ถึงจะไม่ออกจากบ้านไปไหน แต่ผู้เลี้ยงก็ไม่ควรให้น้องหมาอยู่เฉย ๆ นะคะ ควรหากิจกรรมสนุก ๆ ทำร่วมกับน้องหมาอย่างน้อยวันละ 1 ชั่วโมง เพื่อให้น้องหมาได้ออกกำลังกายเผาผลาญพลังงาน ลดความเครียด ความเบื่อหน่าย โดยผู้เลี้ยงอาจจะเลือกกินกรรมสนุก ๆ อย่าง การเล่นซ่อนของเล่น , เล่นซ่อนอาหาร , เล่นชักเย่อ หรืออาจจะใช้วิธีฝึกสมองอย่างการให้น้องหมาทำตามคำสั่งแล้วให้รางวัลด้วยการกอดหรือการสัมผัสก็ได้ค่ะ หรือถ้าหากบ้านไหนมีพื้นที่หน่อยก็อาจจะเอาอ่างน้ำขนาดใหญ่ หรือสระยางเป่าลมมาใส่น้ำทำสระว่ายน้ำให้น้องหมาออกกำลังกายก็ได้นะคะ ได้คลายร้อนด้วย ได้ออกกำลังกายด้วย มีประโยชน์สองต่อเลยค่ะ
5. ขอเบอร์ติดต่อสัตวแพยทย์ไว้ เผื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินไม่คาดคิด จะได้รีบขอคำปรึกษาได้ทันที
การมีเบอร์ของสัตวแพทย์เอาไว้ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เจ้าของแบบเราอุ่นใจได้ว่า ถ้าเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน น้องหมาเจ็บป่วย ได้รับอุบัติเหตุ เราจะสามารถขอคำแนะนำในการ ดูแล แก้ปัญหา หรือปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ อย่างน้อยถึงจะยังพาน้องหมาไม่หาคุณหมอไม่ได้แต่ก็สามารถดูแลน้องหมาได้อย่างถูกต้อง ถูกวิธีนะคะ ... นอกจากเบอร์ของสัตวแพทย์ที่รักษาประจำแล้ว ถ้าหากน้องหมาของเพื่อน ๆ มีปัญหาสุขภาพ หรือพฤติกรรมอะไร ก็สามารถ inbox เข้ามาขอคำปรึกษาได้ที่แฟนเพจ Dogilike นะคะ ทางเราจะมีคุณหมอต้นคอยตอบปัญหาสุขภาพให้ค่ะ
แต่ถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉินจริง ๆ โรงพยาบาลสัตว์เกษตรศาสตร์ บางเขน เปิดให้บริการค่ะ โดยจะเปิดให้บริการ วันจันทร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 7.30-14.00 น. วันศุกร์ 7.30-11.00 น. งดให้บริการคลีนิกนอกเวลาช่วงเย็น (16.30-20.00 น.) ในส่วนของหน่วยฉุกเฉินเปิดทำการ 24 ชั่วโมง แต่ขอความร่วมมือไม่นำสัตว์เลี้ยงที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนเข้ารับบริการที่หน่วยฉุกเฉินเพื่อเป็นการสงวนสิทธิ์ให้แก่สัตว์ที่ป่วยวิกฤติ
... ช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงที่เหนื่อยและหนักสำหรับทุก ๆ คนนะคะ แต่ถ้าหากเรามีการวางแผนที่ดี มีสติ รับข้อมูลข่าวสารที่มีประโยชน์และถูกต้อง ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของคุณหมอและผู้เชี่ยวชาญอย่างเคร่งครัด เราก็จะผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ค่ะ ... ด็อกไอไลก์ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ เราจะผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันค่ะ
โฆษณา