ประวัติ Sunbeary
"จากยูทูปเบอร์สายชิมช่อง Bearhug สู่เจ้าของร้านชานมไข่มุก Bearhouse”
ปัทมพร ปรีชาวุฒิเดช หรือ ซารต์ เกิดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2536 ในช่วงวัยเด็กที่บ้านของซารต์อาศัยอยู่ที่จังหวัดนราธิวาส พ่อของเธอเป็นเจ้าของโรงแรมและธุรกิจโชห่วยอยู่ที่นั่น
ซารต์อาศัยอยู่ที่นั่นจนถึงอนุบาล 2 ก่อนที่คุณแม่จะย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพกับลูกสาวทั้ง 3 คน โดยซารต์เป็นลูกคนเล็กของที่บ้าน
เป้าหมายในชีวิตในช่วงแรกของซารต์คืออยากเป็นหมอตามพี่สาวของเธอ แต่พอได้เห็นชีวิตพี่สาวที่ต้องอ่านหนังสือตลอดเวลา และต้องมีใจรักในการช่วยเหลือผู้ป่วย ดูจะไม่ใช่ทางของเธอ ซารต์จึงได้มาคิดดูว่าจะมีคณะไหนที่ถ้าเรียนจบแล้วจะไม่ตกงานแน่นอน
ซารต์เลยเลือกเรียนทางบัญชี ซึ่งก็เผื่อลึกๆว่าจะเป็นเจ้าของกิจการในภายหลัง โดยเธอได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
ในช่วงมหาลัยปี 3 เธอได้ไปฝึกงาน ในช่วงนั้นเธอรู้สึกว่าการได้ลองทำงานสายบัญชีกลับไม่ใช่ทางของเธอ ด้วยลักษณะงานที่ต้องอยู่แต่กับเอกสาร และค่อนข้างเครียดจริงจัง อีกทั้งบ้านของเธอยังไกลจากที่ฝึกงาน ซึ่งต้องนั่งรถตู้ต่อด้วยรถไฟฟ้าเผชิญกับคนในช่วงเช้าที่เยอะมากๆ และต้องเข้าออกเป็นเวลา มันจึงทำให้เธอไม่มีความสุขในการทำงาน
ซารต์มีคิดว่าอยากทำงานเวลาไหนก็ได้ เลิกงานตอนไหนก็ได้ มีอาชีพแบบมีอิสระ เธอจึงเริ่มคิดที่จะหาช่องทางอื่นมาตั้งแต่นั้น
เธอเริ่มหาเงินตั้งแต่ยังเรียนมหาลัย ไม่ว่าจะเป็นขายดอกไม้งานรับปริญญา เย็บสมุดขาย ขายเสื้อผ้ามือสอง ซารต์ลองทุกอย่างและมีแผนว่าหลังเรียนจบจะไม่ขอเงินพ่อกับแม่อีก ก่อนที่จะเรียนจบซาร์ตคิดว่าถ้าหาเงินได้ 50,000 บาท ก็น่าจะพอที่จะทำให้อยู่รอดได้ถึง 5 เดือนในขณะที่ยังหางานที่ชอบไม่ได้ และยังคิดอีกว่าแม้จะไม่ได้ชอบสายบัญชีแล้ว ก็คงจะไม่คิดจะกลับไปเริ่มเรียนใหม่ ยังไงก็ควรจะเรียนให้จบและทำมันให้ดีที่สุดก่อน เธอจึงตั้งใจเรียนจนสามารถได้เกียรตินิยมอันดับ 1
หลังจากเรียนจบแล้ว ก่อนที่ซารต์จะหันเหไปทำอย่างอื่น เธอได้ลองไปทำงานสายบัญชีอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ชอบมันจริงๆ เธอวนเวียนอยู่กับสายบัญชีอยู่พักหนึ่ง จนเธอรู้สึกว่าไม่ใช่คำตอบของความสุขในชีวิต ซารต์จึงตัดสินใจลาออกมาตามหาความฝันของตัวเอง โดยในช่วงแรกทางบ้านก็ไม่ได้เห็นด้วยเท่าไหร่
เธอเริ่มมองหางานอิสระที่ไม่ต้องเข้าออกตามเวลา งานช่วงนั้นที่เธอทำก็มีทั้งงานขายประกันและขายตรง ซารต์เองเริ่มสังเกตเห็นเพื่อนร่วมคณะของเธอคนหนึ่งที่ทำช่องยูทูปอยู่ก่อนแล้วนั่นคือ กานต์ อรรถกร เจ้าของช่องยูทูปซึ่งตอนนั้นใช้ชื่อว่า Kanninich
กานต์เป็นเพื่อนกับเธอตั้งแต่อยู่ที่มหาวิทยาลัย เขาทำชาแนลตั้งแต่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 3 ซึ่งเขาเริ่มต้นทำยูทูปด้วยตัวเองจนสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ซารต์ได้เห็นแบบอย่างจากเพื่อนของเธอและมั่นใจในว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นสิ่งที่เธอฝันแน่ๆ
ก่อนที่ซารต์จะเริ่มทำช่องของตัวเอง ซารต์จึงได้ไปอาสาช่วยกานต์เป็นเบื้องหลังเพื่อเรียนรู้วิธีการเป็นยูทูปเบอร์ตั้งแต่นั้น ได้ไปแสดงในช่องของกานต์บ้าง ไปถือกล้องบ้าง ไปช่วยอะไรเล็กๆน้อยๆ จนกานต์ได้ชวนให้ซารต์มาทำงานด้วยกันตั้งแต่นั้น ซารต์ได้สร้างช่องในยูทูปของตัวเองชื่อ Sunbeary ขึ้นมา
โดยทำว่า Sunbeary นั้นมาจากชื่อตัวเธอ ซารต์ ซึ่งไม่อยากให้คนอื่นอ่านชื่อยาก เลยเปลี่ยนเป็น Sun ส่วน bear มาจาก หมี และเติม y เข้าไป
ตอนแรกซารต์คิดแค่ว่าในช่องจะทำอะไรก็ได้ขอให้แค่มีคนดู เพราะพึ่งเริ่มต้นและยังไม่รู้ว่าจะทำช่องเกี่ยวกับอะไร พอดีกับช่วงนั้นเป็นช่วงที่สไลม์ (Slime) ซึ่งเป็นของเล่นเด็กที่กำลังฮิต ซารต์เลยได้ซื้อมาถ่ายลงคลิปของตัวเองเป็นคลิปแรก ซึ่งมีคนดูเป็นหลักแสน
อาจเป็นเพราะว่าคนเห็นซารต์ในช่อง Kanninich มาก่อน คนเลยจำหน้าได้ และกานต์เองในช่วงนั้นก็ถือเป็นยูทูปเบอร์ชื่อดัง รวมทั้งเขานั้นก็ได้ช่วยแชร์คลิปของซารต์ลงเพจ จึงทำให้มีคนเข้ามาดูเยอะ
ถ้าพูดถึงคลิปแรกของซารต์ เธอบอกว่าเป็นการถ่ายที่นานมาก นั่งพูดอยู่กับกล้องถ่ายครึ่งวันก็ยังไม่ผ่าน เพราะยังไม่ชินและไม่เคยทำมาก่อน แต่พอทำไปได้ 2-3 คลิปก็เริ่มดีขึ้น ซารต์เรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นคอมเมนท์จากคนดู ทีมงาน หรือกานต์จะบอกอะไร เธอก็จะปรับและฝึกฝนอยู่เรื่อยๆ
ตั้งแต่นั้นซารต์เลยเลือกที่จะทำช่องเกี่ยวกับเด็กเพราะคิดว่าคนที่ดูคลิปส่วนใหญ่น่าจะเป็นเด็ก บวกกับตัวเองก็เป็นคนรักเด็ก แต่พอได้ทำไปสักพักใหญ่ๆ ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง จึงเลือกที่จะเปลี่ยนสไตล์การทำคลิปของตัวเอง
ซารต์เปลี่ยนสไตล์การทำคลิปเป็นการท่องเที่ยวแทน จากการที่มีงานจ้างให้ไปเที่ยวประเทศจีน ซึ่งซารต์รู้สึกว่าเป็นการถ่ายคลิปที่สนุกมาก ทำให้ปิ๊งไอเดียว่าจะทำคลิปแนวท่องเที่ยว
หลังจากที่เปลี่ยนแนวคลิปยอดคนดูจากเดิมกลับหายไปครึ่งหนึ่ง เหมือนกับว่าเด็กๆที่ดูคลิปต้องการที่จะเห็นซารต์รีวิวของเล่น แต่ซารต์เองก็ลองทำมาเรื่อยๆ โดยได้เน้นกลุ่มเป้าหมายใหม่จากเด็กเล็ก มาเป็นเด็กโตและวัยรุ่นแทน
หลังจากนั้นคนดูก็เริ่มกลับมาชมเหมือนเดิม โดยได้กลุ่มคนที่ดูคลิปใหม่และงานสปอนเซอร์์ต่างๆ ก็เริ่มเข้ามาเยอะขึ้นด้วย
คลิปในช่อง Sunbeary นั้นซารต์ตั้งใจให้มีความเป็นตัวเองลงไปในคลิป โดยเอกลักษณ์ของซารต์เป็นคนซุ่มซ่าม สนุกสนาน ชอบโดนแกล้ง เรียกว่าเธอเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นโดยในคลิปใช้สคริปค่อนข้างน้อย ซึ่งต่างจากแต่ก่อนที่เป็นเหมือนจะเป็นการพูดให้เด็กๆชม
โดยมีแนวคิดว่าอยากทำช่องให้เหมือนบันทึกไดอารี และแต่ละคลิปในช่องของ Sunbeary เริ่มจากสิ่งที่อยากทำและถ้ามีงานจ้างก็จะรับเฉพาะงานที่รู้สึกว่าใช่
ซารต์เล่าว่าเคยรับงานอาหารเสริม ซึ่งไม่ใช่แนวของตัวเอง ทำให้ใช้เวลาถ่ายนานและรู้สึกไม่โอเคร แต่สำหรับคลิปที่อยากทำอยู่แล้วจะง่ายกว่ามาก โดยเนื้อหาในคลิปช่อง Sunbeary เน้นไปกับกระแสใกล้ตัวช่วงนั้น อย่างเช่นตอนที่ชีสทาร์ตกำลังดังเธอก็ไปทำคลิป
พอช่อง Sunbeary เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมทั้งซารต์กับกานต์เองก็ใช้ทีมงานเดียวกัน จึงคิดว่าถ้ารวมเป็นช่องเดียวกันน่าจะดีกว่า เธอบอกว่าปัญหาของการมีทีมงานเดียวกันแต่ว่ามีคนละช่องทำให้มีมาเถียงกันว่าคลิปจะลงช่องใคร บางครั้งทำให้แบ่งงานกันไม่ลงตัว ทำให้ทั้งคู่สินใจตกลงกันสร้างช่องยูทูปช่องใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Bearhug มีทีมงานรวมซารต์กับกานต์แบ่งงานกันทำในส่วนที่แต่ละคนถนัด
โดยการที่กานต์เองมีจุดเด่นคือด้านการพูดตลก บวกกับซารต์ที่เป็นคนโก๊ะๆ สนุกสนานร่าเริง จึงทำให้จุดเด่นของทั้งคู่ชัดเจนมากขึ้นในช่องใหม่ของพวกเขา
คอนเทนต์หลักๆ ของ Bearhug จะเน้นเป็นอะไรก็ได้การเปิดโลกใหม่ๆ ทำสิ่งที่เราไม่ได้เห็นกันง่ายๆ หรือแม้แต่สถานที่ใหม่ ซารต์กล่าวว่า คลิปที่ทำต้องเป็นประโยชน์แก่เรา เป็นประโยชน์แก่คนดู และเป็นประโยชน์แก่ทางลูกค้า ต้องวิน-วิน ทั้ง 3 ฝ่าย รวมทั้งถ้าสินค้าไหนน่าจะไม่เหมาะกับคนดูก็จะไม่รับ และไม่อยากให้ช่องเน้นขายของมากเกินไปซึ่งก็ไม่ดีสำหรับคนดู ที่สำคัญเลยคือตัวต้องชอบด้วย ไม่อย่างนั้นจะถ่ายทอดออกมาได้ไม่ดี
ด้วยความที่หาเงินเก่งมาตั้งแต่ช่วงมหาลัย ซารต์และกานต์ก็ได้ทำสินค้าของตัวเองขึ้นมาในแบรนด์ Bearhug ซึ่งเป็นสินค้าจำพวก เสื้อผ้าแฟชั่น สมุด หมอน เป็นต้น ซึ่งก็ได้รับความสนใจจากผู้ติดตามของพวกเขา
อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นอาชีพใหม่ของซารต์ก็คือ การเปิดธุรกิจ Bear House ร้านชานมไข่มุกที่พึ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน โดยเกิดขึ้นจากความชอบทานชานมไข่มุกของซารต์ รวมถึงการได้ไปเสาะหารีวิวอาหารจากทั้งไทยและต่างประเทศ รวมทั้งชานมไข่มุกก็เป็นสิ่งที่ซารต์เองก็ชอบมากๆ ซารต์ได้มีโอกาสไปชิมชานมไข่มุกที่ประเทศไต้หวันแล้วรู้สึกติดใจ ทำให้เกิดสนใจเปิดร้านชานมไข่มุกขึ้นมา
แต่เมื่อได้คุยกับเจ้าของแบรนด์ไต้หวันเพื่อขอซื้อแฟรนไชส์แล้ว กลับรู้สึกว่าทางร้านมีข้อกำหนดที่เยอะเกินไป จึงได้มีแนวคิดกลับกันว่าทำไมไม่ทำชานมไข่มุกแบรนด์คนไทยให้คนต่างชาติต่อแถวรอซื้อบ้าง จึงได้นำไอเดียนี้ไปพูดคุยกับกานต์
ซึ่งเมื่อตกลงกันแล้วซารต์เองจึงได้เป็นหัวเรือหลักในการเปิดธุรกิจร้านชานมไข่มุก Bear House และได้กานต์มาเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ
โดยเริ่มตั้งแต่การศึกษาวิธีทำไข่มุก เข้าครัว พัฒนาสูตรเอง ลองผิดลองถูก จนได้ไข่มุกสูตรพิเศษที่คิดค้นเอง โดยเริ่มเปิดสาขาแรกในย่านสยามสแควร์ ริมถนนอังรีดูนังต์ โดยใช้งบลงทุนเบื้องต้นประมาณ 8 ล้านบาท ซึ่งถือว่าร้าน Bear House ก็เป็นอีกร้านที่กระแสดีมากๆ ตั้งแต่ก่อนเปิดร้าน มีคนมารอต่อคิวรอเพื่อที่จะได้ซื้อ รวมถึงยูทูปเบอร์หลากหลายคนที่ได้มาแวะเวียนกันมา โดยร้าน Bear House มีเป้าหมายว่าจะทำให้มี 5 สาขาในระยะเวลา 2 ปี
เรียกได้ว่าตัวซารต์เองก็เป็นคนหนึ่งที่มุ่งมั่นกับเป้าหมายของตัวเองเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะดูเธอเป็นผู้หญิงธรรมดาและไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไร เธอก็ยังเลือกที่จะออกมาทำตามความฝันของตัวเอง ทั้งการเริ่มต้นทำอาชีพในฝันอย่างการเป็นยูทูปเบอร์ และได้เปิดร้านชานมไข่มุกที่ตัวเองอยากทำอีกทั้งยังประสบความสำเร็จอีกด้วย
คู่ของซารต์และกานต์ก็เป็นอีกคู่หนึ่งที่เหล่าชาวเน็ตหวังว่าจะได้เห็นว่าเป็นคู่รักกัน อาจเพราะว่าทั้งคู่ทำงานด้วยกันมาอย่างยาวนาน ถ่ายคลิปในช่องเดียวกัน ทำให้มีโมเมนท์ที่เห็นทั้งคู่ด้วยกันอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้จะยังไม่มีวี่แววข่าวคราวว่าทั้งคู่เป็นอะไรกัน แต่ก็มีหลายๆคอนเมนท์แซวๆพวกเขาอยู่เป็นประจำ
ตอนนี้แชนแนลทางยูทูปช่อง Sunbeary มีผู้ติดตามกว่า 2 ล้านคน ช่อง Bearhug ที่ทำร่วมกันกับกานต์มีผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคน Facebook แฟนเพจในชื่อ Sunbeary Channel มีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน อีกทั้งช่อง Bearhug ยังได้รับเชิญให้ไปร่วมเข้าเฟรมใน Youtube Rewind 2018 ที่ทางยูทูปจะเลือกเฉพาะช่องดังไปถ่ายงานกับยูทูปเบอร์ทั่วโลก
ซึ่ง Bearhug ถือเป็นหนึ่งช่องชาวไทยที่ได้ไปร่วมเฟรม พร้อมกับ เก๋ไก๋ สไลเดอร์ และ บี้ เดอะสกา และช่อง Sunbeary ยังได้รับรางวัล Best Social Media Influencers Awards 2019 อีกด้วย
สามารถรับชมคลิปเพิ่มเติมได้ทางยูทูป : https://youtu.be/PA7YQjMnY5M
ขอขอบคุณ : Sunbeary, Bearhug, Kan Atthakon, a day, thaismescenter, positioningmag, MGROnline, BrandBuffet, Manager Online, PleunPung, businessinsider
- 34
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
