18 เม.ย. 2020 เวลา 06:37 • ธุรกิจ
จะเกิดอะไรขึ้นกับ Bitcoin ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในขณะที่หนี้สาธารณะ ทั่วโลกปรับตัวสูงขึ้นถึง 244 ล้านล้าน ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
รัฐบาลทั่วโลกกำลังระส่ำระส่าย ทั้งจากวิกฤติ Corona Virus และ OPEC Cartel (ปัจจุบันเหลือแค่ Maxico ที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้) Central Bank ของแต่ละประเทศ พยายามทำ Monetary Policy ในการปรับลดดอกเบี้ยเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาด ไปจนถึงการทำ Quantitative easing หรือ QE แบบ Unlimit เพื่อพยุงเศรษฐกิจในประเทศอเมริกา อีกทั้งปัญหาที่มีอยู่ก่อนอย่าง
“ Deglobalization ” คือการที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ๆลดการพึ่งพึงกัน อย่างการที่ อังกฤษออกจาก EU หรือการทำสงความการค้า ระหว่างอเมริกาและจีน ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยในยุโรป ส่วนใหญ่ นั้นใกล้เคียงกว่าศูนย์หรือตำ่กว่า
1
ตั้งแต่ที่ Satoshi Nakamoto สร้าง Bitcoin ขึ้นมาในปี 2009 เศรษฐกิจโลกก็กลายเป็นขาขึ้นทันที S&P 500 , DAX , NYSE พร้อมใจกันทำ New high พร้อมกับการทำบาซุก้าลูกใหญ่กระตุนเศรษฐกิจอย่าง QE จนส่งผลให้ FED balance sheet มี correlation กันกับ S&P 500
โดยที่ Bitcoin นั้นยังไม่ได้ผ่าน Major Crisis อะไรจนมาถึงบทพิสูจน์ครั้งแรกนั้นก็คือ “วิกฤติ โควิด-19”
การที่เศรษฐกิจค่อยๆซบเซาลงอย่างต่อเนื่องดังเช่นกบที่อยู่ในนำ้เย็น ซึ่งค่อยๆอุ่นขึ้น แต่แทนที่กบจะกระโดดหนีจากหายนะ กลับทนต่อนำ้ที่อุ่นขึ้นเรื่อยๆจนกบตายหรือที่เรียกกันว่าเศรษฐกิจแบบกบต้ม
ซึ่งกำลังนำจะไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือ Recession นั้นเอง
Recession หรือ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย คือ การที่ การเติบโตของ GDP ติดลบ ติดต่อกันอย่างน้อย 2 ไตรมาส อย่างเช่นในปี 1996 - 1997 ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง และปี 2013-2014 จาก Bangkok Shutdown
กลับมาถึงคำถามที่ว่า
.
.
.
.
แล้ว Bitcoin จะเป็นอย่างไรในสภาวะเศรษฐกิจแบบ Recession ?
*แอดมิดขอแบ่งออกเป็น 2 Senario น่ะครับ*
1. หาก Recession นั้นเกิดจาก Liquidity Crisis
Liquidity Crisis คือภาวะการณ์การขาดสภาพคล่องทั้งใน Private Sector และ Government Sector ดังเช่น วิกฤติอสังหาในเวียดนาม , วิกฤติที่เกิดจาก Infrastructure Leasing and financial service ในอินเดีย หรือ The lost Decade ที่เกิดในญี่ปุ่น
โดยหากอยู่สภาวะการณ์เช่นนั้น ผู้คนต้องการที่จะเปลี่ยนทุกสินทรัพย์ที่มีค่า (Valuable Asset) เปลี่ยนไปถือเป็นเงินสด เข้าสู่วลี Cash is king !!
ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อ Bitcoin เพราะด้วยปัจจัยที่สำคัญคือ Bitcoin นั้นถูกมองว่า
1
เป็น Risky Asset ในสายตานักลงทุนส่วนใหญ่หากวัดจาก Volatility Index ( ในส่วนผลกระทบจะหนักจะเบานั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์นั้นๆ และปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น หากคนเรา Panic มากๆ ดังตอนที่ Bx ปิด แน่นอนเราจะได้เห็นการเทขายอย่างมหาศาล ) ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการถือทุกอย่างไว้เป็นเงินสด
2.หาก Recession นั้นเกิดจาก Sovereign Debt crisis และ Currency Crisis
Sovereign Debt Crisis คือ วิกฤติหนี้สาธารณะ ซึ่งเราอาจคุ้นในชื่อของ วิกฤติหนี้สาธารณะในยุโรปที่มีสาเหตุมาจากการใช้นโยบายประชานิยมและการ Run Deficit (ขาดดุลงบประมาณ) ส่งผลให้กรีชต้องใช้ Austerity Policy จนถึงปัจจุบัน (มาตรการรัดเข็มขัด)
Currency Crisis คือ วิกฤติการณ์ค่าเงิน ที่เรารู้จักกันดีอย่าง Hyper Inflation ในเวเนซูเอลา (วิกฤตเงินเฟ้อในระดับ 10,000,000 % ) และ Ruble Crisis ในประเทศรัฐเซีย (ค่าเงินรูเบลอ่อนค่ากว่า 70 %)
หากเกิดจากวิกฤติทั้งสองแล้วนั้น Bitcoin ย่อม
“ มีความเป็นไปได้ ” ที่จะเป็นทางเลือกของ Store-of-Value ที่ดี ซึ่งเมื่อเราเทียบ Bitcoin กับ ทองคำในช่วงปี 2009
( เป็นปีเดียวกับที่นักลงทุนเริ่มมีความหวาดกลัวว่ากรีชจะไม่สามารถชำระหนี้ได้แล้วจะทำส่งผลให้เกิด Domino Effect ในโซนยุโรป )
จนทำให้ทองคำไต่ระดับไปจนถึง All time High ในปี 2011
ซึ่งเป็นปีเดียวกับ United States debt-ceiling Crisis และทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามา นี้ก็กำลังจะมาเป็นบททดสอบแรกของ Bitcoin
Note : (จริงๆแล้วการวิเคราะห์สินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่งภายใต้สถาณการณ์ที่ไม่ปกติ นั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยและตัวแปรมากมาย โดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่ง มี History Data แค่เพียงไม่กี่ปีที่ผ่าน นี้เป็นเพียง Assumption ของแอดมินเพียงผู้เดียว )
ยิ่งเกิดวิกฤตยิ่งเห็นปัญหา
สิ่งหนึ่งที่เราสังเกตุได้คือเมื่อเกิดวิกฤติ นักลงทุนจะเข้าไปหาทองคำเป็นอันดับต้นๆเสมอ เพราะทุกคนเชื่อว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย แต่จากวิกฤติในครั้งนี้การที่นักลงทุนคนนึงซื้อทองคำเก็บสะสมไว้เพื่อความปลอดภัยก็กลับไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด หากนักลงทุนมีความประสงค์ที่จะขายนั้น ก็สามารถทำได้ค่อนข้างยาก ทั้งปัญหาสภาพคล่องและการไม่สมดุลกันของตลาด
การที่ราคาซื้อคืน-ขายออก ทองคำที่กำหนดโดย สมาคมทองคำ มีส่วนต่างกันถึง 300 บาท ซึ่งเป็นส่วนต่างที่มากกว่าค่าเฉลี่ยและเป็นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพื่อหวังที่จะหยุดความร้อนแรงจากฝั่งขาย
ไม่เพียงเท่านั้น ปัจจุบัน ต้นทุนค่าขนส่งทองคำรวมค่า Premiun เพิ่มขึ้นมากกว่า 50 เซน ต่อออนซ์
เพราะเกิดจากสายการบินต่างๆ หยุดให้บริการชั่วคราว
Note : อย่าลืมน่ะครับนี้เรากำลังพูดถึงทองคำแท่ง 96.5% ที่มีมูลค่า 26,000 บาท ต่อหนึ่งบาททองคำ หากเราซื้อทองคำแท่งที่มีมูลค่าตำ่กว่า 5 บาท ทางร้านทองจะคิดค่าหลอม ซึ่งหมายความว่าหากเราอยากซื้อทองคำเก็บสะสม ในทุกเดือน เราต้องใช้เงินขั้นตำ่ถึง 130,000 บาท
ในปัจจุบัน ร้านค้าทองคำ ขอชะลอจ่าย ภายใน 4-5 หากเป็นนักลงทุนรายใหญ่ และยังต้องใช้เงินสดในการรองรับการกระนำขายถึงวันละ 200 ล้านเป็นอย่างตำ่ (กองทุน SPDR Gold Trust กองทุนทองที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ทำการเข้าซื้อทองคำเช่นกัน )
From Nothing to Something กับ Bitcoin
Bitcoin นั้นสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดบนทองคำได้ อย่างเช่น
ปัญหาการส่งมอบโดย Bitcoin สามารถโอนไปหาใครที่ไหนก็ได้เพียงแค่มี Bitcoin wallet
การ Divisible เราสามาถแบ่ง Bitcoin ไปจนถึงหน่วยที่ย่อยที่สุดอย่าง 1 satoshi หรือ 0.00000001 BTC
มี Supply ที่มีจำนวนจำกัดอย่างแน่นอนไม่สามารถใช้หลักวิทยาศาสตร์ใดๆในการผลิตเพิ่มได้ ดังเช่นทองคำหรือเพชร
ความเป็น Decentralized ที่แท้จริง ที่ไม่ถูกควบคุมหรือทำลายได้
หากแต่นักลงทุนส่วนใหญ่มีความเชื่อมั่นกับทองเพราะถือว่าเป็นแร่โลหะที่หายากและมีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน
(ไว้ทำอีกตอนเกี่ยวกับ Gold และ Bitcoin น่ะครับ)
จากตารางด้านบน หากวัดคุณสมบัติต่างๆกันเป็นข้อๆระหว่าง Bitcoin กับ ทองคำ จะเห็นได้ชัดเลยว่า Bitcoin มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าทองคำในหลายๆด้าน ยกเว้นในเรื่องของความผันผวนและความเข้าใจ
*เชื่อไหมครับในยุคที่มนุษย์เรายังใช้ Barten System ทองคำนั้นมีความผันผวนมากกว่าหมู 1 ตัวเสียอีก *
แล้วปัจจุบันแล้วเราอยู่ในสถาการณ์แบบไหนและจะหนักแค่ไหน ?
แน่นอนว่า ทั้งทางธนาคารแห่งประเทศไทย , Kasikorn Research Center , ,IMF หรือ สถาบันการเงินอื่นๆ คาดการณ์ว่า GDP ในปีนี้ จะติดลบถึง 5.3 % ซึ่งหากเทียบใน อาเซียนนั้นเรารั้งอันดับสุดท้าย
ซึ่งปัจจุบันนี้เราอยู่ใน Liquidity Crisis และนี้อาจเป็นเพียง phase แรกเท่านั้น หากยังต้องทำการ Lock- Down ไปเรื่อยๆ
หลายคนอาจสงสัยว่าปัญหาสภาพคล่องในประเทศไทยนั้นหนักแค่ไหน ?
ในส่วนเรื่องสภาพคล่องนั้น ถือว่าหนักมากๆ ครับเพราะ
ได้ลามไปถึงกองทุนตราสารหนี้โดยถูกนักลงทุนแห่ขายกว่า 4 แสนล้านและจนทำให้บางกองทุนถึงขั้นต้องปิดตัว
Note : อย่าลืมน่ะครับนี้เราพูดถึงเกี่ยวกับกองทุนตราสารหนี้ ไม่ใช่กองทุนหุ้น !!! ซึ่งหากเทียบกันจริงๆ กองทุนตราสารหนี้นั้นมีความเสี่ยงตำ่กว่ากองทุนหุ้นน่ะครับ (ไม่ใช่ไม่มีน่ะครับ มีความเสี่ยงอย่างเช่น Default Risk แต่ก็ขึ้นอยู่กับตราสารหนี้นั้นๆ)
จนทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้จัดตั้งกลไกพิเศษเพื่อช่วยเหลือ
ด้านสภาพคล่องแก่กองทุนรวมตราสารหนี้หรือ (Mutual Fund Liquidity Facility)
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจแบบ J Curve
ที่ทั้งช้าและยาวนานกว่าวิกฤติครั้งไหนๆ จนทำให้มีคำถามว่า
แล้วผู้คนตัวเล็กๆหรือบริษัทขนาดกลางจะมีสภาพคล่อง นานพอไหม? ในยุคที่ทุกๆอย่างหนักหนาสาหัสกว่าครั้งก่อนๆ .....
หนักวิชาการหลายๆฝ่าย ประมาณการไว้ว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาสสองจะย่ำแย่ที่สุด
พร้อมยังทิ้งท้ายไว้ว่า
“ ณ ตอนนี้ต้องเอาเงินสดเป็นสมอเรือไม่งั้นหากเจอทะเลคลั่ง เรือแตกแน่ๆ ” อ.วีระ ในรายการฟังหูไว้หู
และนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤติที่แท้จริง
.
.
.
.
.
ติดตามได้ในตอนที่ 2 ครับ
สิ่งหนึ่งที่ผมเชื่อคือหลังจากวิกฤติ โควิด เศรษฐกิจของโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไปเป็น ยุคเศรษฐกิจแบบดิจิตอล ในทุกๆ แง่มุม
จาก Crypto Vi man ถึงผู้อ่านทุกท่าน
สวัสดีครับ ผู้อ่านทุกท่าน ก็ห่างหายไปนานพอสมควร ขอบคุณที่ทักมาถามกันใน inbox น่ะครับ
วิกฤติที่เกิดขึ้นครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ ที่ไม่เหมือนต้มยำกุ้ง หรือ Subprime ที่เริ่มจากตัว โดมิโนตัวใหญ่ค่อยๆมาทับตัวเล็กๆ หากแต่กลับเป็นคนตัวเล็กที่ค่อยๆล้มละลายสั่นสะเทือนถึงคนตัวใหญ่ เหตุการณ์ในครั้งนี้มีลักษณะเหมือน 911 ที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวและคาดไม่ถึงว่าจะมีผลกระทบวงกว้างขนาดนี้ (จริงๆมีครับแต่เกิดจากความประมาณแท้ๆ) ตัวกระผมได้เห็นโลกที่ผ่านทั้งการระบาดของ Sars , Ebola , Mers ,H5N1
และแน่นอนพวกเราจะผ่าน Covid-19 เช่นกัน 💪🏻
หากท่านใดขาดทุนโปรดจำไว้ว่ามีคนหนักกว่าท่าน
หากท่านใดสิ้นหวังโปรดจำไว้ว่ามีคนทุกข์ใจกว่าท่าน
หากท่านใดหาทางออกไม่เจอ โปรดจำไว้ว่าผู้คนอีก 1.4 ล้านชีวิตต่อสู้เพื่อลมหายใจอยู่
การขาดทุนในด้านการลงทุนนั้นถือว่าเป็นเรื่องธรรมชาติครับ นักลงทุนทุกท่านหวังกำไร แต่ทุกท่านก็ต้องเคยขาดทุน ไม่มีสถานการณ์ไหนที่จะสร้างเศรษฐีได้เยอะที่สุดเท่าช่วงวิกฤติและก็ไม่มีสถานการณ์ไหนที่เปลี่ยนจาก เศรษฐีกลับไปเป็นยกจกได้เยอะเท่าวิกฤติเช่นกัน
ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรง ปลอดภัยจากโรคร้ายนี้ และ นี้จะเป็นวิกฤติแรกที่เราจะได้เห็น Bitcoin ว่าจะไปในทิศทางไหน
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ
By : Crypto vi man
โฆษณา