16 เม.ย. 2020 เวลา 14:50 • สุขภาพ
ถ้าเกิดว่ามีคนในครอบครัวของคุณติดโรคโควิด19 เสียชีวิต แล้วคุณจะนำศพไปทำพิธีที่วัดแต่กลับถูกปฏิเสธทุกวัด เป็นคุณ คุณจะทำยังไงครับ?
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับครอบครัวของผม คือลุงที่เป็นพี่ของพ่อผมได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาล และครอบครัวของผมกับลุงนั้นอยู่ค่อนข้างไกลกัน (ผมอยู่ในตัวเมือง แต่ลุงอยู่ของผมอาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่ห่างไกลตัวเมือง) ก่อนที่จะเกิดเหตุลูกสาวของลุงผมโทรมาปรึกษาพ่อและป้าของผมว่า พ่อไม่ยอมกินข้าวกินน้ำมาสองวันแล้ว พอบังคับให้กินก็อ้วกกลับออกมาอาการแย่มาก ป้าผมจึงบอกให้นำตัวส่งโรงพยาบาลและจะรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาให้
แต่กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลนั้นลุงเริ่มอาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ พอถึงโรงพยาบาลลุงแกก็ไม่รู้สึกตัวแล้วหมอจึงรีบนำเข้าของไอซียู และไม่อนุญาติให้ญาติเข้าเยี่ยมเพราะกลัวว่าจะเป็นโรคโควิด เนื่องจากอาการของลุงนั้นคล้ายกับคนติดโควิด พอวันรุ่งขึ้นทางครอบครัวของผมไปเยี่ยม แต่หมอไม่อนุญาติให้เข้าเยี่ยม เราจึงนั่งรอกันอยู่หน้าห้องสักระยะหนึ่งหมอออกมาบอกว่าลุงแกติดเชื้อในปอดแต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นโรคโควิดหรือเปล่า ส่วนทางครอบครัวของผมนั้นยืนยันว่าไม่น่าจะติดเพราะลุงแกอยู่บ้านคนเดียวและไม่ได้ติดต่อกับไครบ่อย แล้วแกก็เคยมีประวัติเป็นโรคเกี่ยวกับปอดอยู่แล้วจึงไม่น่าจะติดโควิด แต่เพื่อความปลอดภัยของทุกคนหมอก็ต้องเซฟไว้ก่อนจึงไม่อนุญาติให้เข้าเยี่ยม และหมอยังบอกอีกว่าให้ทำใจรอเลยเพราะ ถ้าเกิดหัวใจหยุดเต้นขึ้นมาถึงจะปั้มหัวใจก็มีโอกาสน้อยมากที่จะรอดเพราะส่วนต่าง ๆของร่างกายทั้งความดันที่ต่ำและปอดที่อักเสบหนัก หมอบอกว่าลุงแกอาจจะอยู่ได้ไม่เกินวันนี้
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงลุงแกก็จากไปอย่างสงบ
หลังจากที่ลุงได้จากไปแล้ว หมอก็ได้ออกมาบอกว่า "ตอนนี้ยังไม่รู้สาเหตุของการตาย แต่สงสัยไว้ก่อนว่าน่าจะติดโควิด ตอนนี้หมอได้ส่งสารคัดหลั่งไปตรวจอยู่ ต้องรอดูผลตรวจก่อนถึงจะนำศพออกจากโรงพยาบาลได้"
เราต้องรอผลตรวจประมาณหนึ่งวัน ตอนเย็นวันนั้นหมอโทรมาบอกว่าผลตรวจคือไม่ได้ติดโรคโควิด วันต่อมา ครอบครัวของผมจึงไปรับศพ และได้ติดต่อไปทางวัดที่หมู่บ้านที่ลุงแกอยู่ แต่ที่น่าตกใจก็คือทางวัดบอกว่าช่วงวันสองวันนี้เป็นวันเสียไม่สามาทำพิธีกรรมได้ ให้หาวัดแถวในเมืองเอา พี่ชายของผมจึงได้ติดต่อวัดที่รู้จักไปหลายวัด แต่ก็โดนปฏิเสธไป (ผมคิดว่าเขาคงไม่กล้ารับคนนอกพื้น เพื่อความปลอดภัยก็เข้าใจครับ) เรื่องนี้เป็นปัญหาที่เรียกได้ว่าหนักใจสุด ๆ เลยครับ มืดแปดด้านเลยก็ว่าได้ ถ้าเป็นคุณผู้อ่านจะทำยังไงครับ ?
แต่ไม่รู้ว่าได้ไปทำบุญอะไรไว้ จู่ๆเจ้าอาวาสวัดหนึ่งก็โทรมาแนะนำพี่ชายของผมให้ลองโทรไปถามวัดวัดแห่งนี้ ปรากฎว่าวัดนี้รับเฉยไม่ได้มีทีท่าว่ากลัวเรื่องการระบาดของโรคติดต่อเลย แถมยังบอกว่าตอนนี้ที่วัดมีศพอยู่สองศพที่รอทำพิธีอยู่ และจะจัดพิธีพร้อมกัน 3 ศพเลยด้วย ผมได้ยินตอนแรกแบบตกใจมาก วัดนี้เขาไม่กลัวตายกันหรอ ทั้งที่วัดอื่นหมู่บ้านอื่นเขากลัวกันหมด นี่แหละครับเป็นเหตุผลที่ผมเขียนโพสต์นี้ขึ้นมา ผมจะพาทุกคนไปดูกันว่าวัดนี้เขามีของขลังอะไรทำไมถึงไมกลัวโรคติดต่อเลย
วัดที่ผมอยากจะแนะนำให้ผู้อ่านได้รู้จักชื่อว่าวัด "ลัฏฐิวัน" หรือ (วัดพระนอนขอนตาล) วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ตำบล ริมใต้ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่
หลังจากที่วัดทางวัดตอบตกลงแล้ว ผมกับครอบครัวจึงได้นำศพเข้ามาไว้ที่วัดแห่งนี้ แต่ปรากฎว่า หลังจากนั้นไม่นานทางวัดก็ได้มีการรับศพเข้ามาอีก 1 ศพ รวมทั้งหมดตอนนี้มีอยู่ 4 ศพ ด้วยกัน และท่านพระอาจารย์ยังบอกด้วยว่าจะทำพิธีพร้อมกัน 4 ศพเลย ใช่แล้วครับไม่ได้อ่านผิดแน่นอน 4 ศพพร้อมกันครับ นี่มันบ้าไปแล้วแน่ ๆ 55
เรามาดูกันครับว่าทางวัดเขามีขั้นตอนอะไรบ้าง
อย่างแรกเลยนะครับ ตอนที่เราเอาศพของลุงมาไว้ที่วัด ลูกสาวของลุงขอให้เปิดฝาโรงออกเพื่อที่จะขอดูหน้าพ่อเป็นครั้งสุดท้ายแต่ทางวัดไม่อนุญาติครับเพื่อความปลอดภัย และได้นำพลาสติกใสมาห่อโรงศพไว้ทั้งหมดด้วย หลังจากห่อศพเสร็จพี่ชายของผมจึงได้เข้าไปคุยกับทางเจ้าอาวาสเกี่ยวกับพิธีกรรมในวันพรุ่งนี้ แต่สิ่งที่ท่านเจ้าอาวาสถามพี่ผมคือ "มีเงินหรือเปล่า"?
พี่ตอบกลับไปว่า "ไม่มีครับ" ท่านก็ตอบกลับมาบอกว่า "นั่นแหล่ะ ไม่มีก็บอกว่าไม่มีไม่ใช่ไปกู้หนี้ยืมสินมาจ่ายค่าทำศพ เมื่อไม่มีก็บอกว่าไม่มีทางวัดจะได้ช่วย" ผมลืมบอกไปครับว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่รับเผาศพไร้ญาติ ตรงทางเข้าวัดจะมีป้ายตัวใหญ่เขียนบอกไว้ว่ารับบริจาค โรงศพนำมันเชื้อเพลิงเผาศพไม่มีญาติ นี่คงจะเป็นเหตุผลหนึ่งครับที่ทางวัดกล้ารับศพคนตายตลอดไม่ว่าจะเป็นไครก็ตาม
แต่พอดีว่าป้าของผมก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้างจึงอยากจะร่วมทำบุญด้วย ทางวัดก็บอกว่าถ้าอยากจะทำบุญขอข้าวเป็นสารสังฆทานแทน และทางครอบครัวของผมก็ได้จ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่าง ๆให้กับทางวัดด้วย
2 รูปข้างบนเป็นรูปทางเข้าออกวัดครับ ตรงส่วนของทางเข้าออกไมว่าจะเป็นทางเดินหรือทางสำหรับรถยนต์เข้าจะมีการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้ออยู่ตลอดเวลาครับ
วันรุ่งขึ้นเป็นวันทำพิธีกรรมครับ ผมกับครอบครัวเดินทางมาถึงที่วัด ทางวัดก็ได้จัดพื้นที่เตรียมไว้ให้เลย มี 4 ศพจริง ๆ ครับ แต่ที่เซอร์ไพร้กว่าอีกก็คงเป็น 1 ใน 4 ของคนศพที่นำมาไว้นั้นเป็นคนฝรั่งครับ อันนี้ผมไม่แน่ใจนะครับว่าทางญาติของฝรั่งคนนี้เจอสถานการณ์แบบเดียวกับเราหรือเปล่า แต่ตามที่ท่านพระอาจารย์ท่านได้เทศน์สอน ท่านบอกว่า"เป็นคนศาสนาอื่นก็ไม่เป็นไร" ในส่วนของพิธีกรรมนั้น ทางวัดได้จัดในอาคารที่เป็นอาคารโล่ง ๆ ถึงแม้ว่าทางวัดจะมีอาคารที่เป็นห้องแอร์อยู่ก็ตามแต่เพื่อความปลอดภัยของทุกคน การจัดในที่อากาศถ่ายเทง่ายจะดีที่สุด ส่วนการจัดเก้าอี้นั้นเนื่องจากอาคารมีพื้นที่จำกัด จึงไม่สามารถจัดให้ห่างกัน 2 เมตรได้ ได้แค่ประมาณ 1 เมตร ถึงแม้ว่าทางญาติของผู้เสียชีวิตจะมากันไม่มากก็ตาม แต่ก็มีมากเกินจึงต้องนั่งห่าง ๆ กันด้านนอกอาคารบ้าง
และตรงทางเข้ายังมีเจลแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือไว้บริการด้วย
ในส่วนของการดำเนินพิธีกรรมก็ได้มีการรักษาระยะห่างอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นตอนวางผ้าบังสุกุล หรือการถวายสังฆทาน
หลังจากที่ทำพิธีกรรมและถวายสังฆทานเสร็จแล้ว ท่านเจ้าอาวาสได้ให้ตัวแทนของญาติผู้เสียชีวิตนำเงินที่ถวายให้กับท่าน นำไปหยอดใส่ตู้บริจาคของทางวัดที่เขียนติดไว้ว่าบริจาคซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงพยาบาล โดยท่านเจ้าอาวาสบอกว่ายอดบริจาคไกล้จะครบแล้ว แต่ว่าดันมาเจอโรคระบาดซะก่อนช่วงนี้ยอดบริจาคไม่ขึ้นเลย ท่านเองอยากจะให้ครบไวๆ ถ้าครบก็จะได้ซื้อและสร้างโรงพยาบาลเพิ่มอีก ถ้าสร้างเสร็จคนที่จะได้ประโยชน์มากที่สุดก็คือพวกเรานั่นเอง คนทั่วไปนี่แหล่ะ จะได้เข้ามาใช้บริการกัน ตอนนี้ทางวัดได้สร้างอาคารสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็งเสร็จไปเรียบร้อยแล้ว
อาคารศูนย์มะเร็งแห่งนี้อยู่ในที่ของวัดเลยครับ
และศูนย์สุขภาพชุมชนเมืองก็สร้างเสร็จแล้ว
อาคารศูนย์มะเร็งกับอาคารนี้สร้างในพื้นที่ของวัดเลยครับ
และท่านเจ้าอาวาสยังอธิบายด้วยว่า ที่ทางวัดขอสังฆทานเป็นข้าวกับน้ำก็เพราะจะมำทำเป็นโรงทานให้กับคนที่ไม่มีจะกิน คนที่เขาตกงานกัน และอีกส่วนหนึ่งก็ได้นำไปแจกให้กับเจ้าหน้าที่ ทหาร ที่ทำหน้าที่ดับไฟป่าด้วย
หลังจากที่พิธีกรรมและการอธิบายเสร็จแล้ว ท่านก็ยังไม่อนุญาติให้ลุกออกจากอาคาร ท่านได้นำน้ำยาฆ่าเชื้อมาแล้วก็บอกว่าต้องพ้นน้ำยาฆ่าเชื้อก่อนถึงจะออกไปได้ แล้วจึงมอบน้ำยาฆ่าเชื้อให้กับผู้ใหญ่บ้านเป็นคนนำไปพ่นให้ทุกคนที่มาร่วมงาน
ในขั้นตอนสุดท้ายสำหรับการเผาศพนั้นตามธรรมเนียมแล้วจะต้องมีการเปิดศพออกมาแล้วเอาน้ำมะพร้าวล้างหน้าผู้ตายก่อนที่จะเผา แต่ท่านเจ้าอาวาสไม่อนุญาติ เหตุผลหลักก็เพราะความปลอดภัย และยังอธิบายอีกว่ามันเป็นเพียงแค่ความเชื่อ ปกติธรรมดาเราก็ล้างหน้ากันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว (ตลกนิดหน่อย)55 แล้วท่านก็พูดถึงเรื่องความไม่เที่ยงของชีวิต ยาวมากผมจำไม่หมด และก็บอกว่า ต่อให้เป็นเศรษฐีร่ำรวยแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาเงินซื้อชีวิตกลับมาได้ สุดท้ายแล้วเราก็ต้องตายกันทุกคน "
ขั้นตอนสุดท้ายการนำศพเข้าสู่เตาเผา
ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจากเรื่องนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่ว่าไครก็ตาม ต่างก็รักตัวเองกันทั้งนั้นไม่มีไครอยากตาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิดผมเองก็กลัวตายเหมือนกัน แต่บางทีเราก็ลืมเอาใจเขามาใส่ใจเรา การได้มาเจอเรื่องแบบนี้ทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของญาติผู้ตายอีกหลาย ๆคนที่ตายในช่วงนี้ ทั้งที่ติดโรคโควิดตายหรือไม่ได้ติดก็ดี และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การมีผู้นำที่ดี อย่างเช่น ท่านเจ้าอาวาสวัด และ ผู้ใหญ่บ้านเองที่เสียสละตัวเอง และเข้าใจหัวอกของคนที่สูญเสียเป็นอย่างดี ต้องขอขอบคุณจากใจเลยครับ รู้สึกซาบซึ้งและตื้นตันใจอย่างยิ่ง
เมรุของวัด
สำหรับคนที่อยากจะทำบุญ หรืออยากจะบริจาค สามารถบริจาคกับทางวัดได้ตามป้ายด้านล่างเลยครับ
ขอให้ปลอดภัยจากโรคนะครับ
โฆษณา