17 เม.ย. 2020 เวลา 04:21 • การศึกษา
📚สาระน่ารู้
อั้งยี่ vs ซ่องโจร
ข่าวอาชญากรรมที่ผ่านมา คำว่า อั้งยี่ และซ่องโจรจะได้ยินบ่อย แม้คนทั่วไปอาจจะไม่คุ้นเคย ทั้งสองคำนี้มีความหมายบางอย่างที่คล้ายคลึงกัน แต่ก็ยังไม่เหมือนกันหลายประการ
อั้งยี่ เดิมเป็นสมาคมลับของคนจีนที่ก่อตั้งขึ้นโดยพระจากวัดเส้าหลินห้ารูป โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อล้มล้างราชวงศ์ชิง ฟื้นฟูราชวงศ์หมิง เพราะแค้นใจที่ถูกราชสำนักชิงเผา ฆ่าล้างวัด ต่อมากลายเป็นสมาคมเพื่อสงเคราะห์ชาวจีนในต่างประเทศ แต่ภายหลังได้ก่อความวุ่นวายขึ้นในประเทศที่ตนอยู่ จนถูกปราบปรามเรื่อยมาและปัจจุบันกลายเป็นองค์กรอาชญากรรม ข้ามชาติซึ่งยังดำรงอยู่ในหลายๆ ประเทศ
ตามกฎหมายผู้ใดเป็นสมาชิกของคณะบุคคลตั้งแต่ ๒ คนขึ้นไป ซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้นั้นกระทำความผิดฐานเป็นอั้งยี่ มีโทษจำคุกไม่เกิน ๗ ปี และปรับไม่เกิน ๑๔,๐๐๐ บาท
1
คำว่าปกปิดวิธีดำเนินการ หมายความว่า ให้รู้เฉพาะในหมู่คณะเท่านั้น ไม่เปิดเผยให้คนอื่นที่ไม่ใช่สมาชิกทราบ
ส่วนคำว่า มีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายนั้น ไม่จำกัดการกระทำความผิดเฉพาะในประมวลกฎหมายอาญา ภาค ๒ ดังเช่นในความผิดฐานเป็นซ่องโจรเท่านั้น จะเป็นความผิดลหุโทษ หรือความผิดตามกฎหมายอื่นๆ ด้วย
คณะบุคคลนั้นเพียงแต่มีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมายถือว่าเป็นความผิดแล้ว เช่น คณะบุคคลชื่อ ขบวนการแบ่งแยกดินแดน มีวัตถุประสงค์เพื่อแบ่งแยกราชอาณาจักรไทยด้วยการใช้กำลังก่อการร้าย ถือว่ามีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย หรือกรณีการรวมกลุ่มกันเพื่อจัดให้มีการเล่นพนันในอาคาร โดยนำชื่อสำนักงานทนายความมาติดไว้ที่ด้านหน้า ให้ตำรวจเกรงกลัวไม่กล้าเข้าไปตรวจ เป็นการปกปิดวิธีดำเนินการโดยมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ใครเข้าเป็นสมาชิกคณะบุคคลเหล่านี้ มีความผิดฐานเป็นอั้งยี่
ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ เพียงแต่เข้าเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการ และมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ถือว่ามีความผิดฐานเป็นอั้งยี่แล้ว แม้จะยังไม่ได้ลงมือกระทำตามที่มุ่งหมายไว้ก็ตาม และเป็นความผิดอยู่ตลอดเวลาที่ยังเป็นสมาชิกอยู่ เป็นกรรมเดียวขณะที่เข้าเป็นสมาชิกเท่านั้น
ส่วนซ่องโจรนั้น เป็นแหล่งมั่วสุมของโจร เดิมเรียกชุมโจร ในอดีตสมัยหลังยุคสงครามโลกครั้งที่ ๒ ชุมโจรเสือฝ้ายแห่งเมืองสุพรรณบุรี ประกอบด้วยขุนโจรที่มีชื่อเสียง เช่น เสือฝ้าย เสือดำ เสือมเหศวร เสือใบ เสือหวัด ฯลฯ เป็นชุมโจรที่มีชื่อเสียงในภาคกลาง สมาชิกของชุมโจรนี้ ปัจจุบันบางคนยังมีชีวิตอยู่
การสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค ๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญา และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป เช่น ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร, ความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย, ความผิดเกี่ยวกับเพศ, ความผิดเกี่ยวกับชีวิตและร่างกาย ฯลฯ ตามกฎหมายจะถือว่า ผู้ที่สมคบกันนั้น กระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจร โทษจำคุกไม่เกิน ๕ ปี หรือปรับไม่เกิน ๑๐,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การสมคบกัน หมายถึง การมาร่วมทำความตกลงว่าจะกระทำผิดร่วมกัน เช่น คน ๗ คน ปรึกษาหารือกันว่าจะไปปล้นเครื่องสูบน้ำของชาวนาที่กำลังสูบน้ำเข้านา หรือ ปรึกษาหารือกันว่าจะเดินขบวนไปปิดสถานที่ราชการต่างๆ เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เป็นต้น
ความผิดฐานซ่องโจรนี้ เป็นบทบัญญัติพิเศษไปกว่าบทมาตราอื่นๆ ในประมวลกฎหมายอาญา เพราะเพียงแต่คิดและตกลงใจที่จะกระทำความผิดตามที่บัญญัติไว้ในภาค ๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญาและเป็นความผิดที่มีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป แม้จะยังไม่ถึงขั้นตระเตรียมการ หรือลงมือกระทำความผิดตามที่ตกลงกันไว้ หรือกลับใจไม่กระทำผิดตามที่ตกลงกันไว้ไม่ว่าด้วยเหตุใด ถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว
ความผิดฐานอั้งยี่หรือซ่องโจร หากสมาชิกคนใดได้กระทำความผิดตามความมุ่งหมายของกลุ่มตน สมาชิกคนอื่นที่อยู่ในขณะที่กระทำความผิดหรือในที่ประชุมแต่ไม่ได้คัดค้าน แม้จะไม่ได้ลงมือกระทำผิด ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกับผู้ที่กระทำผิดนั้นด้วยทุกคน เช่น สมาชิกคนหนึ่งกระทำผิดฐานชิงทรัพย์ สมาชิกคนอื่นแม้ไม่ได้ชิงทรัพย์ด้วย แต่อยู่ด้วยในที่เกิดเหตุขณะกระทำผิด หรืออยู่ในที่ประชุมแต่ไม่คัดค้าน จะต้องได้รับโทษเสมือนว่าร่วมกระทำความผิดด้วย
ความแตกต่างระหว่างความผิดฐานอั้งยี่ กับความผิดฐานเป็นซ่องโจร คณะบุคคลในความผิดฐานเป็นอั้งยี่ ไม่จำกัดจำนวนคน มี ๒ คน ก็ถือเป็นคณะบุคคลได้ ส่วนความผิดฐานเป็นซ่องโจร การสมคบกันต้องมีจำนวนตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปจึงจะครบองค์ประกอบความผิด
ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ มีวัตถุประสงค์เพื่อกระทำการอันมิชอบด้วยกฎหมายเป็นการทั่วไปไม่จำกัดอยู่เฉพาะความผิดที่ปรากฏอยู่ในภาค ๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญา แต่ความผิดฐานเป็นซ่องโจร มีวัตถุประสงค์เฉพาะการกระทำความผิดที่ปรากฏอยู่ในภาค ๒ แห่งประมวลกฎหมายอาญา และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้น
ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ และความผิดฐานเป็นซ่องโจร เป็นความผิดคนละกรรมต่างกัน ศาลฎีกาได้วางแนววินิจฉัยในเรื่องนี้ไว้ว่า ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ เป็นความผิดทันทีเมื่อผู้นั้นได้เข้าเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการและมีความมุ่งหมายเพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ส่วนความผิดฐานเป็นซ่องโจร เป็นขั้นตอนการกระทำความผิดที่ยกระดับถึงขั้นคบคิดกันหรือตกลงกันหรือประชุมหารือกันเพื่อจะกระทำความผิด ดังนั้น สภาพความผิดฐานเป็นอั้งยี่และฐานเป็นซ่องโจรจึงสามารถแยกการกระทำแต่ละความผิดออกจากกันได้ จึงเป็นความผิดคนละกรรม
ทุกวันนี้ มีการนำกฎหมายความผิดฐานเป็นอั้งยี่และความผิดฐานเป็นซ่องโจรมาใช้บังคับกับกลุ่มบุคคลที่รวมตัวกันเพื่อกระทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น เช่นกรณีทุจริตสอบนายสิบ ถูกดำเนินคดีในข้อหาอั้งยี่ ความผิดฐานอั้งยี่และข้อหาความผิดฐานเป็นซ่องโจรจึงเป็นข้อหาความผิดคลอบจักรวาลของเจ้าพนักงานสอบสวนในยุคปัจจุบัน
ที่มาข้อมูล http://www.marutbunnag.com/article/361/
โฆษณา