17 เม.ย. 2020 เวลา 04:50 • สุขภาพ
3 ผู้นำหญิงสุดแกร่ง อิง-อัง-จา กับวิธีการพาชาติพ้นวิกฤต !!!
ในสถานการณ์ที่ทั่วโลกกำลังเจอวิกฤตจากการระบาดของโควิด-19 ทุกประเทศต่างได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งถือเป็นบททดสอบครั้งใหญ่ของบรรดาผู้นำในแต่ละประเทศ ว่าจะมีวิธีรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร และจะพาบ้านเมืองรอดพ้นวิกฤตครั้งนี้ได้ดีขนาดไหน? วันนี้ผมเลยอยากจะแชร์เรื่องราวดีๆ ของ 3 สาวผู้นำ ที่ทั้งสุดแกร่งและเก่ง ที่สามารถนำพาชาติของพวกเขาให้พ้นวิกฤตในครั้งนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.ไช่ อิง-เหวิน, ประธานาธิบดีไต้หวัน
การลงมือที่รวดเร็วและโปร่งใส คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ ไต้หวัน เป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อน้อยมากทั้งๆ ที่อยู่ใกล้กับจีน ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อนับจนถึงปัจจุบันยังไม่ถึง 100 คน ซึ่งถือว่าน้อยมากถ้าเทียบกับญี่ปุ่นหรือเกาหลี สิ่งที่ ไช่ อิง-เหวิน และรัฐบาลของเธอทำเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ เริ่มจากการตรวจสอบผู้โดยสารที่มาจากประเทศจีนอย่างละเอียด และสั่งให้ลดเที่ยวบินที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านตั้งแต่ช่วงแรกที่ได้ข่าวการระบาดของโควิด-19 ในเมืองอู่ฮั่น และมีมาตราการกักตัวของบุคคลที่เดินทางมาจากประเทศที่เสี่ยงอย่างเข้มงวด ต่อมาคือความโปร่งใสในการทำงานของรัฐบาล โดยเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความจริงทั้งหมดให้กับประชาชน ให้ทราบโดยทั่วกันอย่างมีสติ พร้อมทั้งดูแลและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
2.อังเกลา แมร์เคิล, นายกรัฐมนตรีเยอรมนี
การเรียงลำดับความสำคัญและการสื่อสารเป็นวิธีที่ อังเกลา แมร์เคิล และทีมรัฐบาลของเยอรมนี เลือกทำในการแก้ไข้ปัญหาในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด ถึงแม้ตอนนี้เยอรมนีจะยังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่การจัดการต่างๆ ก็ถือว่าเร็วกว่าประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปด้วยกัน และยังได้รับคำชมจากคนทั่วโลกจากการที่เธอบอกกล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาและเตือนประชาชนด้วยตัวของเธอเอง ทำให้คนในประเทศตระหนักและรู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรในช่วงวิกฤตนี้ รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญในการทำงาน ที่เธอยกให้ภารกิจช่วยชีวิตของประชาชนเป็นอันดับแรกสุด รองลงมาคือการจัดการด้านเศรษฐกิจ ส่วนวาระอื่นๆ ให้เลื่อนออกไปก่อน
3.จาซินดา อาร์เดิร์น, นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์
มาตราการที่เข้มงวดและความเด็ดขาด เป็นสิ่งสำคัญที่ จาซินดา อาร์เดิร์น และรัฐบาล นิวซีแลนด์ ใช้ในการแก้ไขปัญหาโครวิด-19 หลังจากรัฐบาลได้ยกระดับการเตือนภัยโรคระบาดจากขั้น 2 สู่ขั้น 3 ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ของการระบาดของโรค จนปัจจุบันได้เข้าสู่ขั้น 4 อย่างเต็มตัวโดยการปิดประเทศ ให้ประชาชนทุกคนอยู๋แต่ในบ้าน ธุรกิจที่ไม่เกี่ยวข้องให้หยุดทำการทั้งหมดเป็นเวลาอย่างน้อย 1 เดือน โดยอาร์เดิร์นชี้แจงว่า การตัดสินใจครั้งนี้คือการจำกัดการเคลื่อนไหวของชาวนิวซีแลนด์ครั้งสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่มันคือโอกาสสำคัญที่จะช่วยชะลอการระบาดของโรคได้ เธอจะไม่ยอมให้ถึงขั้นวิกฤตแล้วค่อยมาคุมเข้ม ถึงแม้ว่าตอนนี้ยอดของผู้ติดเชื้อจะอยู่ที่ 102 รายและไม่มีผู้เสียชีวิตก็ตาม
เราหวังว่าประเทศไทยจะต้องผ่านพ้นวิกฤตโรคระบาดนี้ไปให้ได้ เราต้องช่วยตัวเอง รับผิดชอบต่อสังคม และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐบาล และหวังว่าผู้นำของเรารับมือกับสถานการณ์นี้และพาประเทศไทยให้พ้นวิกฤตครั้งนี้ได้
ข้อมูล : Tripgether
โฆษณา