18 เม.ย. 2020 เวลา 03:33 • กีฬา
รอย คีน ตำนานกับการจากลา (Part 2/2)
- รอยร้าวเล็ก ๆ -
หลังจบฤดูกาลนั้น สโมสรมอบสัญญาฉบับใหม่ค่าเหนื่อย 40,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (เดิมเขารับอยู่ 19,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์) ให้แก่รอย คีน เพื่อตอบแทนผลงานและความภักดีของเขา
คีน ตอบปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว พร้อมกล่าวถึงสัญญาฉบับนั้นว่า “ผมรู้สึกรำคาญสักหน่อยกับสัญญาที่สโมสรมอบให้” “ลึก ๆ แล้ว สโมสรน่าจะรู้มันไม่ใช่ข้อเสนอที่ผมจะรับ” “ข้อตกลงของเราต้องเป็นอะไรที่เป็นไปได้จริง” “ผมไม่ซื่อพอที่จะรับสัญญาที่ต่ำกว่ามูลค่าที่ผมควรจะได้รับ”
การเจรจายืดเยื้อออกไป โดยมียักษ์ใหญ่จากอิตาลีอย่างยูเวนตุส และอินเตอร์ มิลาน เฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
ผ่านไปจนถึงกลางฤดูกาล คีน ได้ต่อสัญญาฉบับใหม่ รับค่าเหนื่อย 52,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ จากนั้นสโมสรได้ออกแถลงว่า สโมสรได้ขึ้นค่าตั๋วเข้าชมเกมส์แบบรายปี (Season ticket) ซึ่งเป็นผลมาจากการต่อสัญญากับกัปตันทีมของสโมสร
ลูกพี่คีน จะไม่ทนกับสิ่งนี้ เขาให้สัมภาษณ์ตอบโต้คำแถลงดังกล่าว ว่า “เป็นความผิดพลาดที่โง่เง่า สโมสรไม่ควรแถลงเช่นนี้ออกสื่อ” “ผมยังรอฟังคำขอโทษจากสโมสร”
บอร์ดบริหารของทีมชี้แจงว่า “เราต้องการจะบอกกับเหล่าแฟนคลับว่า สโมสรของเราจะขอขึ้นค่าตั๋ว เพราะจะนำเงินที่ได้ไปเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม (การขึ้นค่าเหนื่อยเพื่อรั้งคีนให้อยู่กับทีมต่อไปก็เป็นหนึ่งในนั้น)” แต่ดูเหมือนคีนจะไม่ค่อยสบอารมณ์กับคำอธิบายของบอร์ดเท่าไรนัก
ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน ปี 2000 หลังเกมส์ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีค ที่แมนยูฯ เอาชนะ ดินาโม เคียฟ ไปได้ 1-0 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด
คีน ให้สัมภาษณ์กระแทกแฟนบอลที่เข้ามาชมในสนาม “เวลาเราไปเล่นเป็นทีมเยือน แฟนบอลที่ตามไปเชียร์เราสุดยอดมาก ผมเรียกพวกเขาว่าแฟนพันธุ์แท้”
“แต่เมื่อเราเล่นในบ้าน พวกเขาเพลิดเพลินไปกับเครื่องดื่มและแซนวิชกุ้ง พวกเขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าอะไรเกิดชึ้นในสนาม” “ผมไม่คิดว่าพวกเขาสะกดคำว่า ฟุตบอล ได้ด้วยซ้ำ”
จากนั้น คำว่า “พวกแซนวิชกุ้ง” ก็กลายเป็นคำที่คนในวงการฟุตบอลอังกฤษใช้เรียกคนที่เข้ามาในสนามแต่ไม่ได้สนใจเกมส์ฟุตบอล
ในช่วงต้นฤดูกาล 2001-2002 คีน พูดออกสื่อว่า “เพื่อนร่วมทีมสมัยที่คว้าสามแชมป์ ไม่มีแรงจูงใจการเล่น ไม่ทำงานหนักเหมือนแต่ก่อน” เมื่อจบฤดูกาลแมนยูฯ ไม่สามารถคว้าแชมป์รายการใดได้เลย นับเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปีที่แมนยูฯ จบฤดูกาลมือเปล่า เขากล่าวโทษเพื่อนร่วมทีมว่า สนใจแต่ทรัพย์สินเงินทอง ไม่สนใจเกมส์การแข่งขัน
ถึงแม้ว่านอกสนามคีน จะวิจารณ์การทำงานของเพื่อนร่วมทีมอย่างไร แต่เมื่อถึงเวลาในสนามเขายังคงทำหน้าที่ได้อย่างไรที่ติ เค้าทุ่มเทเต็มร้อยทุกครั้งที่ลงสนาม พร้อมกระโดดเข้าปกป้องลูกทีมของเขาทุกเมื่อ
โดยเฉพาะในเกมส์ที่ไฮบิวรี่ ปาทริค วิเอร่า กองกลางกัปตันทีมอาร์เซน่อล กำลังมีปากเสียงกับแกรี่ เนวิลล์ แบ็คขวาของผีแดง ในอุโมงค์ก่อนเกมส์จะเริ่มขึ้น รอย คีน พุ่งเข้าใส่วิเอร่า และเริ่มมาปากเสียงกัน จากแกรี่ vs วิเอร่า กลายเป็น รอย คีน vs วิเอร่า แทน
- ฟางเส้นสุดท้าย -
ในช่วงพรีซีซั่นของฤดูกาล 2005-2006 สโมสรมาตั้งแคมป์ฝึกซ้อมที่เมืองแอลการ์ (Algarve) ทางตอนใต้ของโปรตุเกส
คีน บ่นกับคาร์ลอส กีรอส มือขวาชาวโปรตุกีสของเซอร์อเล็กซ์ เกี่ยวกับโรงแรมและอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับการเตรียมตัวที่เขามองว่ามันยังไม่ดีพอ
คาร์ลอส พยายามจะอธิบายและพูดถึง “ความภักดี (Loyalty)” กับรอย
รอยของขึ้น พร้อมพูดว่า “อย่ามาพูดถึงความภักดีกับฉัน” “เมื่อไม่กี่ปีก่อนแกออกจากแมนเชสเตอร์ไปมาดริดหลังจากที่เข้ามาทำงานได้แค่ 12 เดือน” “ยังกล้ามาถาม...เกี่ยวกับความภักดี” “ฉันอยู่ที่นี่ทั้งที่โอกาสย้ายไปยูเวนตุสและบาเยิร์นมิวนิค”
เซอร์อเล็กซ์ เห็นท่าไปมีรีบปรี่เข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกัน
ฤดูกาดแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้น กระทั่ง 18 กันยายน 2005 รอย คีน ได้รับบาดเจ็บในเกมส์ที่แมนยู เสมอกับ ลิเวอร์พูล 0-0 ที่แอนฟิลด์ คาดว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2 เดือน
จากนั้น 29 ตุลาคม 2005 แมนยูฯ ยกพลไปเยือนสิงห์แดง มิดเดิ้ลสโบรช์ ที่สนามริเวอร์ไซด์ ในเกมส์นั้นครึ่งแรกแมนยูฯ โดนนำไปก่อน 3-0 จบเกมส์โดนถล่มไป 4-1 ถือเป็นการพ่ายแพ้ที่ยับเยินที่สุดในรอบ 19 เดือน
หลังจบเกมส์รอย คีน วิจารณ์ฟอร์มการเล่นของรุ่นน้องในทีมกับ MUTV อย่างดุเดือด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ถูกวิจารณ์ที่ไม่สามารถรับลูกยิงไกล 30 หลาของไกซ์ก้า เมนดิเอต้า ได้ ทั้งที่มันน่าจะรับได้ (ในมุมมองของคีน) ทำให้ทีมถูกขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่ 2
“จอห์น โอเช เอาแต่เดินไปรอบทั้งที่ควรจะเข้าสกัดคู่แข่ง”
“คีแรน ริชาร์ดสัน จอมขี้เกียจ เขาไม่ทำหน้าที่ที่เขาควรทำ”
“ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมคนสก๊อตถึงคลั่งไอหมอนี่นัก”
“อลัม สมิท เขาไปทำอะไรอยู่ตรงนั้น เขาไม่รู้ว่าเขาควรทำอะไรในสนาม”
โดยเฉพาะในรายของริโอ เฟอร์ดินานด์ คีน กล่าวว่า “เพียงแค่ริโอได้รับค่าเหนื่อย 120,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เล่นดีแค่ 20 นาทีในเกมส์ที่เจอกับสเปอร์” “เขาคงคิดว่าตัวเองเป็นซุปตาร์”
คีน เสริมว่า “ผมไม่แปลกใจที่ผลการแข่งขันออกมาแบบนั้น และผมคาดหวังว่ามันจะต้องเกิดขึ้น”
“นักเตะเยาวชนหลายคนคิดว่าเขาทำได้แล้ว เมื่อตอนเซ็นต์สัญญากับทีม” “แต่ที่จริงพวกเขาควรออกไปเล่นให้ดีขึ้นไปอีก”
“ผมได้ยินมีแต่คนพูดว่าเรา (แมนยูฯ) ควรเสริมทัพเพิ่มช่วงเดือนมกราคม” “แต่ผมคิดว่าเราควรขายนักเตะบางคนทิ้ง”
บทสัมภาษณ์นี้ถูกเบรกการออกอากาศโดยเซอร์อเล็กซ์ และเดวิด กิลล์ ในทันที และคีน ถูกสโมสรปรับ 5,000 ปอนด์
จากบทสัทภาษณ์นี้ แสดงให้เห็นว่า คีน มีความมุ่งมั่นมากเพียงใด ไม่ว่าใครที่ไม่สามารถเล่นได้ตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น เขาก็พร้อมจะเล่นบทโหดและวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา
แต่นั้นก็สร้างความกังวลให้เกับเซอร์อเล็กซ์ ทีมงานสต๊าฟโค้ช และบอร์ดบริหารไม่ใช่น้อย
เซอร์อเล็กซ์ บอกว่า “คีนทำร้ายจิตใจเพื่อนร่วมทีม” “เขาล้ำเส้นเกินไป” “เขาคงคิดว่าเขาเป็นผู้จัดการทีม”
ท่านเซอร์เกรงว่าคีนจะทำลายบรรยากาศในห้องแต่งตัว “จุดที่แข็งที่สุดในร่างกายของคีน คือ ลิ้น” “เขาสามารถทำลายคนที่มีความมั่นใจที่สุดในโลกได้ด้วยลิ้นของเขา” “ผมคิดว่าบรรยากาศในห้องแต่งตัวผ่อนคลายขึ้น เมื่อคีนออกไป”
เฟอร์กี้ เล่าถึงเรื่องราวในห้องแต่งตัว “มีใครอยากจะพูดอะไรบ้างมั้ย เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น” คีน ยืนขึ้นถามเพื่อนร่วมทีม พร้อมกับบรรยากาศในห้องแต่งตัวที่เริ่มตึงเครียด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ในฐานะผู้อาวุโสในทีม ณ เวลานั้น ตอบ “มี”
เขาพูดต่อ “รอย ฉันว่านายล้ำเส้นเกินไปหน่อยที่วิจารณ์เพื่อนร่วมทีมแบบนั้น” สิ้นสุดประโยคนั้น คีนพุ่งเข้าใส่เอ็ดวินทันที
รุด ฟาน นิสเตอร์รอย เพื่อนร่วมชาติของเอ็ดวิน ปรี่เข้ามาประสมโรง หนุนหลังเอ็ดวิน
เพื่อนร่วมทีมคนอื่นต้องดึงทั้งสองคน (คีนกับรุด) แยกออกจากกัน ขณะที่คาร์ลอส กีรอส ก็ยืนอยู่แถว ๆ นั้น
“ถึงตอนนี้ นักเตะบางคนเริ่มเดินออกจากห้อง” “ผมได้โต้เถียงกับเขา (คีน) ในสิ่งที่เกิดขึ้น ตาของเขาเริ่มเล็กลง จนเห็นแต่ลูกตาดำ มันดูน่ากลัวใช่เล่น” เซอร์อเล็กซ์ ย้อนความหลัง
“หลังจากที่รอยออกไป” “คาร์ลอส มองมาที่ผม เขาเห็นว่าผมผิดหวังมาก” เขาพูดว่า “คีนต้องออกไป” เซอร์อเล็กซ์ เสริม
เฟอร์กี้ ตอบ “100 เปอร์เซ็นต์” ฟางเส้นสุดท้ายขาดสะบั้นลง
18 พฤศจิกายน 2005 ระหว่างที่การแข่งขันพรีเมียร์ลีค กำลังขับเขี้ยวกันในช่วงกลางฤดูกาล รอย คีน กับสโมสรมีข้อตกลงร่วมกันที่จะปล่อยตัวคีนออกจากสโมสร
รอย คีน แถลงว่า “ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ลงเล่นภายใต้สีเสื้อของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ต ตลอด 12 ปี”
“ในช่วงเวลาที่ผมลงเล่น ผมโชคดีมากที่ได้ลงเล่นร่วมกับนักเตะระดับโลกและมีแฟนบอลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมา ผมพยายามที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อบอร์ดบริหารและสโมสร” “มันเป็นวันที่น่าเศร้าสำหรับผมที่จะต้องออกจากสโมสรที่ยอดเยี่ยมและลาจากผู้จัดการทีมที่สุดยอด”
“แต่ผมเชื่อว่ามันเป็นเวลาที่ผมจะต้องไป” “ผมจะคิดถึงทุกคนในสโมสร”
เซอร์อเล็กซ์ แถลงต่อว่า “รอย คีน เป็นนักเตะที่ยอดเยี่ยมของยูไนเต็ด” “เขาเป็นมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลกในยุคของเขา”
“เขาคือหนึ่งในสุดยอดผู้เล่นในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสร” “คีนเป็นศูนย์กลางของความสำเร็จของสโมสรตลอด 12 ปีครึ่งในโอลด์ แทรฟฟอร์ด” “ผมขอให้เขาประสบความสำเร็จต่อจากนี้ไป”
รอย คีน ลงสนามรับใช้ยูไนเต็ดทั้งหมด (รวมทุกรายการ) 479 นัด ทำประตูได้ 51 ประตู
15 ธันวาคม 2005 เขาเซ็นต์สัญญากับทีมกลาสโกว์ เซลติค
หลังสิ้นสุดฤดูกาลนั้น แมนยูฯ ได้จัดแมตช์เกียรติยศ (Testimonial match) ให้แก่รอย คีน อย่างสมเกียรติ ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2006 พบกับกลาสโกว์ เซลติค ในเกมส์นั้นมีแฟน ๆ มาเข้าชมกว่า 69,591 คน ถือเป็นแมตช์เกียรติยศที่มีผู้เข้าชมสูงสุดในเกาะอังกฤษ
ภายหลังเหตุการณ์ทั้งหมดได้ผ่านไป เขาก็ยังคงได้รับการยกย่องจากเพื่อนร่วมทีมเสมอ
ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ กล่าวถึงอดีตกัปตันของเขาว่า “ทุกคนมองว่าเขาเป็นคู่แข่งที่เล่นรุนแรง ซึ่งมันก็ไม่ผิดนัก” “แต่เขาเป็นคนหนึ่งที่จับบอลแรกได้อย่างไร้ที่ติ และเขาเป็นคนที่จ่ายบอลทะลุไลน์ของคู่แข่งได้ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น”
“เพราะรอยควบคุมแผงมิดฟิลด์ ส่วนสโคลซี่เป็นคนที่พาบอลไปข้างหน้าและทำประตู”
เขากล่าวต่อ “คีนเป็นคนที่ทรงอิทธิพลมาก” “ถ้ารอยตรงมาหาคุณ เขาทำเพราะแคร์คุณ” “เขาเป็นกัปตันที่ดีที่สุด”
ไรอัน กิ๊กซ์ ปีกพ่อมดชาวเวลส์ ให้สัมภาษณ์ถึงเพื่อนร่วมทีมของเขาว่า “ปัจจุบันนี้ลองมองดูในพรีเมียร์ลีค ไม่มีใครเหมือนเขา” “กองเต้เป็นนักเตะที่มหัศจรรย์ แต่รอยดีกว่านั้น” “เขาทำได้ทุกอย่าง”
“ตอนที่เขาเล่นกับน็อตติ้งแฮม เขาเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก” “จากนั้นเขาเล่นมิดฟิลด์ตัวกลาง คอยคุมจังหวะเกมส์ร่วมกับพอล สโคลส์ เป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยม”
ถึงแม้ว่าการจากลาของรอย คีน จะจบได้ไม่สวยงามอย่างที่กัปตันของทีมควรได้รับ แต่ระดับความมุ่งมั่น ความเป็นผู้นำและผลงานในสนามของเขากว่า 12 ปี ภายใต้สีเสื้อเรด อาร์มี่ ได้พิสูจน์ให้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า เขาคือ “ตำนาน”
- ถ้าชอบ กด Like + Share + Comment เป็นกำลังใจสำหรับเรื่องเล่าเรื่องต่อไปด้วยนะครับ
- หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่านนะครับ -
โฆษณา