คำยกย่องจากนาๆ ประเทศที่มีต่อประเทศไทยและระบบสาธารณสุขของประเทศไทย
ถึงแม้ไทยจะยังมีปัญหาเรื่องการแก้ไขระบบเศรษฐกิจ แต่ถ้าเป็นเรื่องของสาธารณสุขและการป้องกันการแพร่เชื้อผู้ติดเชื้อโควิด19ไทยสามารถทำได้ดีมากจนได้รับการยกย่องจากหลายชาติ
ตัวเลขผู้ติดเชื้อของไทยน้อยลงเรื่อยๆ จากเคยพุ่งสูงถึง188คนต่อวัน เมื่อวันที่22มีนาคม2563 แต่พอเข้าสู่กลางเดือนเมษา ไทยรักษาระดับ มีผู้ติดเชื้อเพิ่มไม่เกิน50คนต่อวัน ได้หลายวันติดต่อกัน
สำนักข่าวในญี่ปุ่น NIKKEI ASIAN REVIEW
สื่อต่างประเทศรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในไทย อธิบายว่าทำไมไทยจึงมีผู้ติดเชื้อลดลง อากิระ โคดากะ ช่างภาพจากญี่ปุ่นจากเว็บข่าวนิคเคอิ เอเชียน รีวิว ได้ลงพื้นที่ในกรุงเทพและถ่ายภาพรอบเมือง โดยระบุว่าปกติคนไทยจะมีชื่อเสียงเรื่องเป็นบ้านเมืองที่รักความสนุกแต่ในสถานการณ์คับขัน ประชากรมากกว่า80%ทำตามกฏsocial distancing อย่างเคร่งครัดมาก คนยืนรอรถเมล์ยืนห่างกันในระยะ1-2เมตร ตำรวจใช้โล่กำบังเวลาคุยกับประชาชนที่สถานี แม้แต่พระสงฆ์ยังใส่Face-shieldมาบิณฑบาต สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปรากฎการณ์ที่น่าทึ่งในมุมมองของนักข่าวชาวญี่ปุ่น
เจเรมี่ ฮันต์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของอังกฤษ
เจเรมี่ ฮันต์ อดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรที่เป็น1ในตัวเต็งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปให้สัมภาษณ์ว่า อังกฤษต้องดูแนวทางของประเทศที่ต่อสู้กับไวรัสได้อย่างเห็นผล1ในนั้นคือประเทศไทยที่เป็นชาติแรกนอกประเทศจีนที่มีการติดเชื้อแต่มีปริมาณคนติดเชื้อเพิ่มน้อยมากในปัจจุบัน จริงอยู่ อาจจะมีการตรวจผู้ติดเชื้อต่ำกว่าที่ควรเป็นแต่อย่างน้อยประชาชนที่ไทยก็แสดงความจริงจังในการใช้social distancing ธุรกิจยอมเจ็บตัว เพื่อให้มีคนติดเชื้อเพิ่มน้อยที่สุด
สื่อในเยอรมัน
อีกหนึ่งสื่อมวลชนที่ชมการจัดการของไทยคือ เบลิเนอร์ มอร์แกนโพสต์ สื่อจากประเทศเยอรมัน โดยอันเดรียส กานต์ซิออร์ เขียนบทความว่า สิ่งที่เบอร์ลินจะได้เรียนรู้จากกรุงเทพ โดยระบุว่าคนไทยมีความจริงจังมากในการใส่หน้ากากอนามัยไม่ว่าจะเป็นตำรวจ พนักงานต่างๆ ชาวบ้านทั่วไป ทุกคนใส่กันหมด นอกจากนั้นทุกสถานที่จะมีป้ายเตือนเรื่องการรักษาความสะอาดอยู่เสมอซึ่งที่เยอรมันเองต้องยอมรับว่าประชาชนไม่ได้ระวังตัวขนาดนี้ ไม่ใช่แค่สื่อมวลชนหรือนักการเมืองแต่ประชาชนหลายชาติก็ต่างยอมรับว่าการจัดการภาคเอกชนในไทยทำได้ดีมากๆ
นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์รายหนึ่งเดินทางมาเที่ยวไทยก่อนไทยจะปิดประเทศ เล่าว่าไทยมีการป้องกันที่ดีกว่าสิงคโปร์โดยบอกว่าที่ไทยทุกห้างทุกร้านจะมีเจลแอลกอฮอร์สำหรับทำความสะอาดมือวางไว้ทุกจุดเสมอและใช้ฟรีซึ่งที่สิงคโปร์การจะหามาวางไว้แบบนี้ถือว่าเป็นไปได้ยากมาก สำหรับไทยในเวลานี้ในภาพรวม เรื่องของสาธารณสุขถือว่าไทยทำได้ดีมากจนต่างชาติก็ยังชื่นชม ตัวเลขไม่พุ่งสูงอย่างน่าตกใจเกินไป แพทย์ยังพอรับมือไหว ถือว่าไทยในภาพรวมยังประคองตัวเองได้ในสถาณการณ์วิกฤติได้ดีแต่จากนี้ความยากจะเข้าสู่กระบวนต่อไปเมื่อป้องกันไวรัสได้ในระดับหนึ่งแล้ว
ถึงเวลาที่ภาคเศรษฐกิจจะต้องถูกเยียวยาเพราะประชาชนแม้จะไม่ป่วยตายแต่จะปล่อยให้อดตายก็คงไม่ได้ เมื่อประชาชนและภาคเอกชนให้ความร่วมมือกับรัฐ ทำsocial distancingจนได้ผลไปแล้ว จากนี้ไปก็ถึงเวลาของรัฐบาลต้องช่วยแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชนเช่นเดียวกัน
สาระอัปเดตตลอดเวลา
การกดไลค์ ติดตาม กดแชร์ คอมเมนท์ติชมในเชิงสร้างสรรค์จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เขียนให้มีกำลังใจต่อไปครับ
- 148
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
