Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ความรู้รอบโต๊ะ - Sciencetobe
•
ติดตาม
20 เม.ย. 2020 เวลา 14:20 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
ซุปเปอร์โนวาที่สว่างที่สุดเท่าที่เคยพบจากดาวฤกษ์
ภาพ 1 จำลองการเกิดซุปเปอร์โนวา
ซุปเปอร์โนวาซึ่งถูกพบในกาแลคซีในปี 2016 ห่างออกไปประมาณ 4.6 พันล้านปีแสงแผ่รังสีออกมาประมาณ 5 sexdicillion (5 ตามด้วยศูนย์ 51 ตำแหน่ง) erg(หน่วยพลังงาน) ปริมาณรังสีที่ปล่อยออกมาประมาณสองเท่าจากเจ้าของสถิติก่อนหน้านี้และมีพลังมากกว่าซุปเปอร์โนวาปกติหลายร้อยเท่า ที่ที่สว่างที่สุดของซูเปอร์โนวานี้ก็สว่างเท่ากับดาวทุกดวงในทางช้างเผือกรวมตัวกัน
แสงสว่างดังกล่าวสามารถที่จะเป็น pulsational pair-instability supernova(ซุปเปอร์โนวาที่รุนแรงกว่าปกติ) – คิดว่าจะเกิดขึ้นเมื่อซูเปอร์โนวาขนาดใหญ่มากปะทะกับชิ้นส่วนที่หลุดออกจากดาวต่างๆ ก่อนที่มันจะระเบิด
- รายงานวิจัยจาก Nature Astronomy -
ภาพ 2 จำลอง pulsational pair-instability supernova
Philipp Podsiadlowski นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัย OXFORD กล่าวว่า “ไม่เคยมีการเกิดของซุปเปอร์วาที่ดีขนาดนี้เกิดขึ้นมาก่อน” นี่อาจเป็นทาง โดยนำการจำลองของคอมพิวเตอร์มาช่วยยืนยันลักษณะการสิ้นอายุของดาวฤกษ์
หลังจากซูเปอร์โนวาได้รับการขนานนามว่า SN2016aps ถูกระบุในการสำรวจจากการสำรวจของ Pan-STARRS นักดาราศาสตร์ Matt Nicholl และเพื่อนร่วมงานเฝ้าดูแสงที่กำลังจางหายเป็นเวลาประมาณสองปี จำนวนซากดาวฤกษ์ที่หลงเหลือจากซูเปอร์โนวาบ่งชี้ว่าดาวดวงนี้มีมวลอย่างน้อย 50 ถึง 100 เท่าของมวลดวงอาทิตย์ ขณะที่ปกติหลังซุปเปอร์โนวาจะมีมวลประมาณ 10 เท่าของดวงอาทิตย์
ภาพ 3 SN2016aps จาก spaceth.co
การสำรวจด้วยกล้องโทรทรรศน์ยังเผยให้เห็นปริมาณไฮโดรเจน(H) ที่น่าประหลาดใจในซากปรักหักพัง โดยทั่วไปดาวมวลมากจะสูญเสียไฮโดรเจนเร็วกว่าดาวฤกษ์จะมีขนาดเล็ก “ ดังนั้นสำหรับดาวมวล 100 ดวงอาทิตย์(10 เท่าของดวงอาทิตย์) นี้คาดว่าไฮโดรเจน(H) ทั้งหมดจะหายไปนานก่อนที่มันจะระเบิด” Nicholl จากมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมในอังกฤษกล่าว การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าดาวฤกษ์ขนาดเล็กอีกสองดวงยังคงมีไฮโดรเจนรวมอยู่ในดาวฤกษ์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ซึ่งดาวฤกษ์เหล่านั้นได้รับ
pulsational pair-instability supernova
ซูเปอร์โนวาแบบแปลกใหม่นี้ถูกคาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นเฉพาะกับดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ ภายในดาวฤกษ์ที่มีมวลสูงมาก “ อุณหภูมิในแกนกลางสามารถสูงได้มากจนโฟตอนเพิ่มขึ้นและจากการยุบตัวภายใต้แรงโน้มถ่วงของตัวเอง จนได้รับการแปลงเป็นคู่ของอนุภาค - อิเล็กตรอนและโพสิตรอน” Nicholl กล่าว เมื่อโฟตอนหรืออนุภาคของแสงหายไป “ มันจะสูญเสียความดันในแกนกลางและเริ่มหดตัว สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ thermonuclear(การระเบิดนิวเคลียร์) ”
ภาพ 4 การเกิด thermonuclear
ปฏิกิริยาระเบิดนั้นสามารถปลดปล่อยพลังงานได้มากพอที่จะทำให้ชั้นนอกของดาวฤกษ์กลายเป็นเปลือกขนาดใหญ่ เมื่อดาวฤกษ์เกิดซูเปอร์โนวาขึ้น ท้ายที่สุดจะแผ่รังสีจำนวนมาก ทีมของ Nicholl คาดการณ์ว่าเศษซากของดาวฤกษ์ที่ถูกปลอมแปลงระหว่างซูเปอร์โนวาประเภทนี้อาจจะเป็นดาวนิวตรอนแม่เหล็กที่เรียกว่า magnetar ซึ่งสามารถมีพลังงานทำให้ระเบิดและมีสว่างเหมือนกับในปี 2016
สถานการณ์นี้ทำให้ Stan Woosley นักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียซานตาครูซซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับงานนี้ แต่ขนาดของดาวฤกษ์ที่ได้รับจากการระเบิดครั้งนี้ทำให้เขาคิดว่าซูเปอร์โนวาในปี 2016 อาจเปลี่ยนแปลงเป็นหลุมดำ แทนที่จะเป็น magnetar
ภาพ 5 magnetar
อ้างอิงจาก
https://www.sciencenews.org/article/weird-stellar-explosion-may-have-caused-brightest-supernova-yet-seen
ติดตามได้ที่
https://sciencetobeth.blogspot.com/2020/04/blog-post.html
งับ
บันทึก
3
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย