ขอบคุณ เอก ธำรง ที่ช่วยสรุปให้ นะครับ
Avaชั่วโมงเซียน
170420
ออกตัวก่อนว่า3คนนี้เป็นคนที่ผมชอบฟังและชื่นชม
คนขวาสุดแต่ก่อนเจอบ่อยมากอย่างน้อยทุกเดือน(จริงๆก็ทุกเดือนแหละหลายวันใน1เดือนด้วย55)สมัยผมเป็นโต้โผจัดงานแชร์1คน1หุ้นวีไอบุฟเฟ่ครับ สมัยก่อนเขาศึกษาแต่พื้นฐานช่วงหลังมีไปเรียนพวกเทคนิคคอล เค้ายังเคยแนะนำให้ผมไปศึกษาด้านนี้เเต่ตอนนั้นไม่เห็นด้วยเลย ทว่าช่วง1-2ปีหลังเริ่มเห็นว่ามีประโยชน์แล้ว ส่วนตัวผมเห็นว่าถ้าไม่เรียนก็ถามเพื่อนที่ดูกราฟเป็นแล้วมาประยุกต์ใช้กับหลักการลงทุนของเราได้ครับ อย่างของผมเน้นพื้นฐาน จิตวิทยาตลาดผมก็จะถามมุมกราฟเอามาเป็นส่วนประกอบการตัดสินใจ แต่หลักการหลักก็ต้องเป็นวิธีที่ผมถนัดเป็นต้น
สรุปสัมมนาที่ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเลยแล้วกัน ไม่อยากชี้นำว่าใครพูดเพราะไม่อยากให้ยึดติดตัวบุคคลแต่อยากแชร์ความรู้ที่คิดว่าเป็นประโยชน์ครับ
เป็นสรุปตามความเข้าใจของผมอาจจะเข้าใจผิดได้ยึดหลักกาลามสูตรกันครับ
-การบริโภคมีส่วนจากนักท่องเที่ยวมาก ดังนั้นการบริโภคที่ลดลงจากคนไทยเราเลยมองไม่เห็น พลันนึกถึงรูปคนมากมายต่อแถวขอข้าววัดกิน ใกล้ชิดกันแบบไม่กลัวโควิด(เท่าที่อ่านข่าวมา 20 กว่าปีถ้าจำไม่ผิดเป็นครั้งแรกที่เห็นรูปนี้ในด้านเศรษฐกิจยกเว้นเหตุการณ์ภัยพิบัติ) คนแห่ขายทองทั้งที่ดูทรงแล้วทองน่าจะขึ้นภายในปลายปี ช่วงซับไพรม์ถ้าจำไม่ผิดทอง 27,000คนแห่กันซื้อเพราะคิดว่าจะไป 30,000 ตอนนี้ความเข้าใจคนทั่วไปทองมีโอกาสขึ้นสูงเพราะเศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่คนแห่กันขายจนร้านทองอยากปิดเพราะไม่มีคนซื้อเท่าไหร่ ผมเดาว่ามันเกิดจากการขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง แม้ว่าธรรมชาติอาจจะคัดสรร ก็อย่าไปตายกันนะครับ จริงอยู่ชีวิตนี้ลิขิตเอง แต่รัฐบาลยังไงก็ต้อง Support ประชาชนระดับหนึ่งไม่งั้นไม่รู้จะมีรัฐบาลไว้ทำไม แล้วมันก็เป็นหน้าที่ของทุกรัฐบาล
-ถ้าหุ้นลงแรงแบบที่คิด หุ้นที่ควรถือยาวๆเน้นหุ้นที่มีความผูกขาดเช่น aot bem bts
-บางคนเล่นแนวเทคนิคอลช่วงนี้เล่นสั้นครับ
-ทางเทคนิคคอลวันพฤหัสดูแย่มากแล้วลงไปถึง 1200 จุด ถ้าไม่ใช่เมืองนอกขึ้นมากตอนกลางคืนวันนี้มีเสียว เหลือเชื่อว่าวันนี้บวกสวนเยอะ
-อีพีเอสที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ตอนนี้ยังอยู่ที่ 80 กว่าต้องรองบคิวหนึ่งออกก่อนถึงจะค่อยประเมินได้เพราะตอนนี้ก็ประเมินยาก
-Bull in bear marketคือลักษณะของหุ้นที่ไม่น่าขึ้นแต่หุ้นก็ขึ้นแบบเหลือเชื่อเช่นสนามบินกับห้างยังไม่ทันเปิดเลยพื้นฐานยังไม่มาแน่นอนแต่ขึ้นเหมือนสถานการณ์ปกติแล้ว
-อันนี้เป็นสิ่งที่ผมเสียใจมากเพราะคิดคล้ายกับวิทยากรทั้งสามท่านโดยไม่ได้นัดหมาย(พูดผสมกันหมดนะครับ) ตลาดแย่แน่ไตรมาส2 ถ้าเมษายนหลุด 1214(ส่วนตัวผมคิดว่าปลายเดือนนี้ก็รู้แล้วว่าอารมณ์ตลาดจะเป็นอย่างไรหรืออย่างช้าไม่เกินเดือนหน้า)อาจจะเริ่มน่าซื้อช่วงครึ่งปีหลัง แต่ก็ขึ้นกับสถานการณ์ช่วงนั้น ตลาดหุ้นน่าจะฟื้นแบบวีเชฟเพราะตลาดมองไปข้างหน้าตลอดแม้ว่าทางเศรษฐกิจอาจจะเป็นยูเชฟ (เสริม:วันก่อนผมคุยกับเพื่อนบางคนบอกว่า 1300-1400จุดยังแพงไปเลย เพราะแนวโน้มอีพีเอสน่าจะได้เห็น 70+ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ได้บอกเขาๆไปคือช่วงครึ่งปีหลังตลาดมันไม่มอง 70+ แล้วมันจะมองปีหน้าซึ่งมีแนวโน้มจะเติบโตดังนั้นดาวไซด์ก็อาจจะมีจำกัด)
-ไตรมาสหนึ่งกำไรอาจจะแย่ที่สุดเพราะน้ำมันลงมากจะเกิดการขาดทุนสต๊อกอย่างมาก (เสริม:อย่าลืมว่ากำไรตลาดหุ้น 20 ถึง 30% มาจากกลุ่มน้ำมัน) เซกเตอร์อื่นเพิ่งกระทบ ไตรมาสสองหลายเซกเตอร์กระทบทั้งไตรมาส ส่วนน้ำมันยังเดายาก
-กราฟดัชนีตลาดหุ้นไทยตอนนี้มองย้อนไปคล้ายดัชนีดาวโจนส์ปี 1929 ตอนนั้นลงมากแล้วมีอยู่ช่วงสั้นๆที่ขึ้นมาได้ครึ่งหนึ่งของไฮเดิมแต่สุดท้ายลงมาหนักกว่าเดิมอีก
-เสริมมุมมองผม ตลาดช่วงนี้ทำให้ผมคิดถึงบทความด็อกเตอร์นิเวศน์ที่ท่านแนะนำให้หาหุ้นที่ผิดราคา(คือมูลค่าสูงกว่าราคาตอนนี้มากก็ซื้อหุ้นตัวนั้น) รวมถึงแนวคิดคล้ายกันคือศักดิ์ศรีของหุ้นว่ามันน่าจะมีมูลค่าหุ้นเท่าไหร่ ผมก็เอามาคิดเอาเองว่าศักดิ์ศรีของวิกฤตในระดับย้อนกลับไปเกือบ 100 ปีที่แล้ว(1929) ตัวเลขบางตัวแย่เร็วกว่า หนักกว่าตอนนั้น แล้วด้านประวัติศาสตร์ ประเทศไทยช่วงนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองก็มาจากวิกฤติเศรษฐกิจช่วงนั้นด้วยครับ แสดงว่าหนักจริงเพราะตอนนั้นยังไม่โลกาภิวัตน์เหมือนตอนนี้ ผมว่าหุ้นระดับ 1200 กว่าจุดวันนี้ไม่สมศักดิ์ศรีวิกฤตระดับนี้เลย ผมยังมีคุยกับเพื่อนอีกบางคนว่าวิกฤติครั้งนี้มองง่ายกว่า 2008 มาก มันชัดมากว่าแย่แล้วทั้งโลกด้วย
มีคำถามผมซึ่งไม่ได้ถูกถาม แถมในเพจพร้อมคำตอบผมนะครับ
พีอีเซท ตค2008 =6เท่า+ ด้านพื้นฐานปีนี้แย่>ตอนนั้นเยอะ เป็นไปได้ไหมทางเทคนิคปีนี้ได้เห็นพีอีระดับนั้น+/- ถ้าไม่ มองพีอีต่ำสุดหรือน่าไปกี่จุดในกรณีแย่สุดคับ
เป็นไปได้ทุกทาง มองง่ายๆก่อน วิกฤติครั้งนี้หนักกว่า 2008 ไหม มันกระทบภาคธุรกิจแพร่หลายมากกว่าไหม โอกาสเปิดเปิดปิดปิดเมืองมีพอสมควรไหม(ทำให้การบริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจมาๆหยุดๆ แน่นอนการลงทุนภาคเอกชนลดฮวบแน่ ในสถานการณ์เปิดเปิดปิดปิดเป็นเราเรากล้าลงทุนมากไหม ต้องดูว่าการลงทุนภาครัฐเยอะกว่าปกติไหม อย่างน้อยให้ครอบคลุมการลงทุนภาคเอกชนที่ลดลงไป ถ้าทำได้ก็จะไม่แย่มากจนเกินไป) ถ้าบอกว่าหนักกว่าปี 2008 หุ้นลง 50% เป็นไปได้ไหมที่คราวนี้น่าจะลงมากกว่านั้นหรือเท่ากัน แต่บางทีสีเขียวๆในตลาดมันอาจจะทำให้เราตาลาย ในตลาดหุ้น การเติบโตของรายได้และกำไรคือเจ้ามือตัวจริงคิดว่าปีนี้รายได้และกำไรบริษัทโดยรวมน่าจะเป็นอย่างไร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวไหนรายได้และกำไรโตมากอย่างต่อเนื่องและค่อนข้างแน่นอนผมคิดว่าไม่ต้องสนใจดัชนีเลย (อาจจะเขียนอีกโพสต์ผมคิดว่ามีกลุ่มที่ยังไม่ค่อยมีใครพูดถึงกันเลยแต่น่าสนใจมากถ้าเลือกหุ้นเป็นพอร์ตน่าจะปลอดภัย)
ใครสนใจมุมมองเศรษฐกิจตลาดหุ้นของผมช่วงหลัง ไล่อ่านโพสก่อนหน้าได้ครับรับรองเป็นประโยชน์มากอ้ออ่านคอมเม้นต์ด้วยครับ ไม่แน่บางไอเดียเอาไปหาเงินในตลาดได้เลยครับถ้าหาไม่ได้ก็อาจจะช่วยป้องกันความเสียหายได้มาก
อ่านกันมาขนาดนี้แล้วแนะนำให้อ่านทุกคอมเม้นต์ในทุกโพสต์เลยครับมีความรู้และข้อมูลอัพเดทดีๆซ่อนอยู่
ป.ล. อยากเห็น> 100 แชร์ขึ้นไปครับจะได้รู้ว่าคอนเทนท์สรุปสัมมนาแบบนี้ชอบกันแต่ถ้าไม่ถึง คิดว่าจะลดลง เพราะสละเวลาเรียบเรียงเยอะถ้าคนอ่านได้ไม่เยอะคงไม่คุ้มที่จะเสียเวลาเขียนคอนเทนท์แบบนี้
VI Buffet byเอกธำรง #Avaชั่วโมงเซียน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
