Toto neechan ซีรี่ย์ญี่ปุ่น ผมที่ประทับใจ
เนื่องจาก WFH มาเนิ่นนาน ก็เลยดูซีรี่ย์จบไปหลายเรื่อง (เอ๊ะตกลง WFH หรือดูซีรี่ย์กันแน่นะ) วันนี้อยากจะมารีวิวเรื่องนึงครับ
ปกติแล้วผมไม่ค่อยติดซีรี่ย์ ญี่ปุ่นเท่าไหร่ แต่เรื่องนี้ชอบมากเลยครับ ไม่รู้จะถูกใจคนอื่นๆหรือป่าว เพราะรสนิยมดูหนังของผมไม่ค่อยจะปกติเท่าไหร่ 555
Toto neechan
เรื่องนี้มีชื่อว่า Toto neechan (とと姉ちゃん) ฉายปี 2016 เป็น asadora (ละครสั้นตอนเช้า) ที่เรตติ้งดีมากที่ญี่ปุ่นในตอนฉาย ฉายเป็นตอนสั้นๆ ตอนละ 20 นาที แต่รวมๆละมีประมาณ 150 ตอน ดูกันตาแฉะเลยครับ
เรื่องนี้เป็นซีรี่ย์ Feel Good ว่าด้วย ชีวิตของ Tsuneko ผู้หญิงคนนึงตั้งแต่เด็กจนแก่ เธอเกิดในช่วงปี 1920s จนกว่าจะตอนจบก็เป็นช่วงปี 1970s แล้ว เรียกว่ายาวนานกันกว่า 50 ปี สำหรับผมเรื่องนี้เหมือน 4 แผ่นดินเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเลย แต่เป็นเรื่องในยุคหลังกว่า 4 แผ่นดินหน่ะ
เอาเข้าจริงแล้ว ผมคิดว่าเรื่องนี้ญี่ปุ่นคงจะสร้างมาเป็นละครนำสังคม เพราะมันกล้าที่จะพูดถึงปัญหาหลายๆอย่างที่ญี่ปุ่นเจอในสังคมทุกวันนนี้ ทั้ง ความอบอุ่นในครอบครัว, การต่อต้านสงคราม, Feminist, Work Ethic และ นอกจากนั้นก็ฉายความลำบากของคนยุคก่อน การต่อสู้อย่างหนักเพื่อจะมีชีวิตที่ดีขึ้นของคนญี่ปุ่นในยุคหลังสงคราม รวมถึง message ที่เรามักจะได้ยินบ่อยๆจากหนังญี่ปุ่นๆอย่าง 'ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะต้องมีชีวิตต่อไปให้ได้'
เรื่องนี้ประกอบไปด้วย 4 พาร์ทหลักๆ (ฟังละก็รู้เลยนะครับว่าเรื่องยาวมาก)
- Hamamatsu สมัยนางเอกยังเด็กๆ อยู่กับพ่อจนพ่อเสียจากวัณโรค เหลือแต่ครอบครัว 4 สาว ที่ประกอบไปด้วย คุณแม่ นางเอก และ น้องสาวสองคน
- Tokyo ช่วงมัธยม ถึง ช่วงทำงานช่วงแรกๆ ได้ฟีล nostalgia มาก
- WWII และ ชีวิตหลังสงคราม
- ช่วง ญี่ปุ่นเศรษฐกิจ Boom
ผมประทับใจที่เรื่องนี้นำเสนอ ภาพครอบครัวของ Tsuneko ที่อบอุ่นและรักกันมาก พร้อมที่จะเสียสละเพื่อกันและกันเสมอ, ความ Feminist ในยุคนั้นที่ ผู้หญิงล้วนถูกบอกให้แต่งงานหลังจบมัธยม เป็นแม่บ้าน โดยไม่ได้มีทางเลือกอะไรมากนัก แต่เรื่องนี้โชว์ถึง ภาพของ Women Leaders ทั้งคุณยายของ Tsuneko ที่เป็นเจ้าของกิจการที่เก่งกาจ และมี work ethic ที่แรงกล้า, คุณครูมัธยมที่เป็นคนทำให้ Tsuneko ได้เห็นโอกาสว่าถ้าหากเธอจะเลือกเข้าสู่เส้นทางของผู้หญิงทำงาน มันก็เป็นไปได้ หรือจะ น้องสาวของ Tsuneko ที่เลือกจะแต่งงานและกลายเป็นแม่บ้านแม้จะจบมหาลัย แต่นั่นเป็นทางที่เธอเลือกเอง ด้วยตัวเธอเอง รวมถึงผู้ชายในเรื่องนี้ ต่างก็ล้วนแต่ให้เกียรติผู้หญิง
สงครามโลกครั้งนั้น กลายเป็นจุดเปลี่ยนหลักในชีวิตของคนหลายๆคนในเรื่อง หลังสงครามจบ ผู้หญิงญี่ปุ่นจำนวนมากกลายเป็นแม่ม่ายลูกติดแต่ไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ ผู้คนต่างพลัดพลากกันไม่รู้จะตามหาตัวกันเจอได้ยังไง (อันที่จริง แอบเป็นประเด็น sensitive ในความคิดผม เพราะเอาเข้าจริงแอบคิดว่าความคิดผู้คนสมัยนั้นอาจจะไม่ได้เป็นแบบที่บทในเรื่องนี้แสดงไว้) แต่เอาเป็นว่าเรื่องนี้ต่อต้านสงครามชัดเจนครับ และชีวิตของนางเอกของเรา การตัดสินใจ การกระทำทั้งหลายในช่วงกลายเป็นผู้ใหญ่ ก็ได้รับอิทธิพลจากสิ่งที่เจอในช่วงสงคราม ไปจนจบเรื่อง และ แน่นอนครับ เรื่องนี้ก็มีฉาก Tokyo Tower อีกแล้ว เหมือนเรื่อง Always Sunset on third street เป็น Landmark ที่เหมือนเป็นสัญลักษณ์ของวันใหม่ ความพยายามของคนญี่ปุ่นที่จะกลับมายืนหยัดให้ได้
มีอีกหลายเรื่องที่ประทับใจมาก และ อยากจะพิมพ์ออกมาให้หมดแต่มันจะสปอยหน่ะสิครับ ขอโทษนะครับ อินมาก อยากระบาย หาเพื่อนดูด้วยไม่ได้ เลยต้องมาจัดลงในเพจ 555
ในวันนี้ เรื่อง coronavirus ก็เป็นอีกเรื่องที่ส่งผลกระทบกับคนมากมาย บริษัทที่ผมเคยทำงานอยู่เมื่อหลายปีก่อน กำลังจะมีนโยบาย lay off พนักงานจำนวนมาก ทั้งๆที่ตอนผมเคยทำงานอยู่ ไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมีวันนี้
ผมอาจจะไม่ได้อยู่ใน position ที่จะบอกได้ว่าทุกคนควรจะสู้ต่อไปยังไง เพราะผลกระทบที่แต่ละคนเจอคงหนักหนาไม่เท่ากัน แต่ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนนะครับ หวังว่าหมดวิกฤตนี้แล้วเราจะได้มามีความสุขด้วยกันอีกครั้ง ขอทิ้งท้ายด้วย message จากซีรี่ย์เรื่องนี้อีกครั้งนะครับ
'ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะต้องมีชีวิตต่อไปให้ได้'
- 4
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
