22 เม.ย. 2020 เวลา 16:13 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
สตีเฟน วิลเลียม ฮอว์กิง อัจฉริยะโลกตะลึง
1
สตีเฟน วิลเลียม ฮอว์กิง (Stephen William Hawking) เขาเกิดวันที่ 8 มกราคม ค.ศ. 1942 เป็นนักฟิสิกส์ทฤษฎี นักจักรวาลวิทยา และนักเขียน ศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ เขาเกิด ที่เมืองออกซฟอร์ดไชร์ ประเทศอังกฤษ ในวัยเด็กเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนเซนต์แอลแบน
1
แม่ของฮอว์กิงเป็นบุตรสาวของครอบครัวแพทย์และพ่อของเขาก็มาจากครอบครัวที่มั่งคั่ง ได้กว้านซื้อที่ดินและที่นาจำนวนมากเพื่อเก็งกำไล เมื่อเกิดเศรษฐกิจตกต่ำในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 พวกเขาจึงเป็นหนี้ธนาคารเป็นเงินจำนวนมาก เพื่อช่วยเหลือครอบครัวที่ถังแตก คุณย่าได้เปิดโรงเรียนที่บ้านเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ่ายหนี้ แม้ว่าจะขัดสนเงินทองเพียงใดพ่อแม่เขาก็ได้เข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอย่างออกซ์ฟอร์ดได้สำเร็จ พ่อของเขาเรียนสาขา เพสัชศาสตร์ ส่วนแม่ของเขาเรียนปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์ เมื่อเรียนจบแม่ของเขาทำงานเป็นเลขาในสถาบันวิจัยทางการแพทย์ ส่วนพ่อของเขาเป็นนักวัจัยทางการแพทย์ที่นั่นเช่นกัน ฮอว์คิงมีน้องสาวสองคนคือฟิลิปปากับแมรี่และน้องชายบุญธรรมเอ็ดเวิร์ดแฟรงค์เดวิด ครอบครัวของเขาเป็นหนอนหนังสือโดยแท้ หลังมื้ออาหารค่ำแต่ละคนมักใช้เวลาว่างอ่านหนังสือ
1
จากนั้นเข้าศึกษาต่อสาขาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด และรับปริญญาตรี เกียรตินิยมอันดับ 1 เมื่อปี ค.ศ.1962
ต่อมาได้เข้าศึกษาที่ทรินิตีคอลเลจ มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ในสาขาจักรวาลวิทยา ใน 1960-1965 สตีเฟน ฮอว์กิงก็มีอาการที่เรียกว่า amyotrophic lateral sclerosis (ALS) อันเป็นอาการผิดปกติของระบบประสาทโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยมีผลกับประสาทสั่งการ (motor neurons) นั่นคือ เส้นประสาทที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของ กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อส่วนนั้นจะอ่อนแอลงจนเกือบเป็นอัมพาต
แม้ว่าเขาจะมีความกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
แต่เขาก็ยังคงศึกษาต่อจนได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตเมื่อปีค.ศ.1966 หลังจากนั้นก็ได้รับการคัดเลือกเป็นนักวิจัยที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ฮอว์กิงเริ่มทำงานในสาขาสัมพัทธภาพทั่วไป และเน้นที่ฟิสิกส์ของหลุมดำ เมื่อปี ค.ศ.1965 ขณะที่กำลังทำงานวิจัยสำหรับดุษฎีนิพนธ์เพื่อทำดุษฎีบัณฑิต ฮอว์กิงได้อ่านรายงานของนักคณิตศาสตร์และนักฟิสิกส์ ชื่อ โรเจอร์ เพนโรส (Roger Penrose) ซึ่งเพนโรสเสนอทฤษฎีที่ว่าดวงดาวที่ระเบิดอยู่ภายใต้แรงโน้มถ่วงของตัวเอง จะมีปริมาตรเป็นศูนย์ และมีความหนาแน่นเป็นอนันต์ อันเป็นสภาพที่นักฟิสิกส์เรียกว่า ซิงกูลาริตี้ (singularity) ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือหลุมดำ ซึ่งไม่ว่าแสงหรือวัตถุใด ๆ ก็หนีออกมาไม่ได้
3
ฮอว์กิงป่วยจากโรคอะไมโอโทรฟิก แลเทอรัล สเกลอโรซิส (ALS) ชนิดหายาก ซึ่งเริ่มมีอาการเร็ว แต่ดำเนินโรคช้า ทำให้เขามีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงลงเรื่อย ๆ เป็นเวลาหลายสิบปี จนกระทั่งต้องสื่อสารโดยใช้อุปกรณ์สังเคราะห์เสียงพูด ควบคุมผ่านกล้ามเนื้อมัดเดียวในแก้ม ผลงานอันโดดเด่นของเขาไปแก่ หนังสือประวัติย่อของกาลเวลา (A Brief History of Time) และจักรวาลในเปลือกนัท (The Universe in a Nutshell) ซึ่งอยู่ในรายการขายดีที่สุดของบริติชซันเดย์ไทมส์ทำลายสถิตินานถึง 237 สัปดาห์
ภาพประกอบการเกิด bigbang
ในปี ค.ศ.1970 ฮอว์กิงและเพนโรสก็ได้ร่วมกันเขียนรายงานสรุปว่าทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของไอน์สไตน์ นั้นกำหนดให้เอกภพต้องเริ่มต้นในซิงกูลาริตี้ ซึ่งปัจจุบันนี้รู้จักกันว่า บิ๊กแบง และจะสิ้นสุดลงที่ หลุมดำ ฮอว์กิงเสนอว่า หลุมดำไม่ควรจะเป็นหลุมดำเสียทีเดียว แต่ควรจะแผ่รังสีอะไรออกมาบ้าง โดยเริ่มที่วัตถุจำนวนมหาศาลนับพันล้านตัน แต่มีความหนาแน่นสูง คือกินเนื้อที่ขนาดเท่าโปรตอน เขาเรียกวัตถุเหล่านี้ว่าหลุมดำจิ๋ว (mini black hole) ซึ่งมีแรงโน้มถ่วงและมวลมหาศาล แต่สุดท้ายหลุมดำนี้ก็จะระเหิดหายไป การค้นพบนี้ถือเป็นงานชิ้นเยี่ยมชิ้นหนึ่งของฮอว์กิง
ฮอว์กิง บรรยายทฤษฎีของเขา
เมื่อ ปี ค.ศ.1974 เขาได้เป็นสมาชิกที่มีอายุน้อยที่สุดของราชบัณฑิตยสถานของอังกฤษ และได้รับตำแหน่งศาสตราจารย์สาขาฟิสิกส์แรงโน้มถ่วง ที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในปี ค.ศ.1977 และเมื่อในปี ค.ศ.1978 ก็ได้รับการแต่งตั้งเป็น “เมธีคณิตศาสตร์ลูเคเชียน” (Lucasian Chair of Mathematics - เป็นตำแหน่งที่ตั้งขึ้นครั้งแรกเมื่อ ค.ศ.1663 (ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช)
สตีเฟน ฮอว์กิงคิดว่ามีความเป็นไปได้ที่นักฟิสิกส์จะพัฒนาทฤษฎีที่จะรวมเอาแรงทั้ง 4 ของธรรมชาติเข้าด้วยกัน นั่นคือ แรงโน้มถ่วง, แรงแม่เหล็กไฟฟ้า, แรงนิวเคลียร์แบบอ่อน และแรงนิวเคลียร์แบบเข้ม อันจะนำไปสู่ ทฤษฎีสรรพสิ่ง (Theory of Everything)
สตีเฟน ฮอว์กิงแต่งงานครั้งแรกกับเจน ไวลด์ ภายหลังได้หย่าร้าง และแต่งงานใหม่กับพยาบาล ชื่อ เอเลน เมสัน สตีเฟน ฮอว์กิงต้องนั่งรถไฟฟ้าที่ควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เนื่องจากเขาพูดและขยับตัวไม่ได้ ทำได้เพียงขยับนิ้วและกะพริบตา แต่ก็ยังสามารถสื่อสารกับโลกภายนอกได้ด้วยอุปกรณ์พิเศษที่สังเคราะห์เสียงพูดได้จากตัวอักษร ฮอว์กิงเสียชีวิตเมื่อตอนเช้าวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ.2018 ที่บ้านของเขาในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ สาเหตุการเสียชีวิตยังนั้นไม่เป็นที่เปิดเผย โดยทางครอบครัวได้ออกมาแสดงความเศร้าเสียใจ และกล่าวแต่เพียงว่าเขาเสียชีวิตอย่างสงบ
สตีเฟน ฮอว์กิง เป็นคนที่ไม่มีศาสนา พระเจ้าของเขาคือจักรวาล ความเป็นจริงและธรรมชาติ เขาเชื่อว่ามนุษย์เราเมื่อตายลง จะไม่เจอพระเจ้า มันจะมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น ก่อนเขาจะเสียชีวิต เขาเคยพูดว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดคือการได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่เรารัก สิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้ ล้วนไม่สำคัญ
5
ฮอว์กิง พบ ประธานาธิบดี โอบามา
คำถามสะเทือนโลก จากคำตอบของคนที่ได้ชื่อว่าฉลาดที่สุดในโลก
มนุษย์มีความเสี่ยงอันตรายจาก สงครามนิวเคลียร์ ไวรัสที่ดัดแปลงพันธุกรรม สภาวะโลกร้อน หรืออันตรายอื่นๆ หรือไม่?
 
ฮอว์คิงระบุ: ฉันคิดว่ามันเกือบจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าการเผชิญหน้ากับนิวเคลียร์หรือภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมจะทำให้โลกพินาจในบางจุดในอีก 1,000 ปีข้างหน้าและถือว่าเป็น "การชนกับของดาวเคราะห์น้อย" เป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดต่อโลก
ภัยพิบัติทั่วโลกเช่นนี้ไม่ส่งผลต่อการสูญพันธุ์ของมนุษย์ถ้าเผ่าพันธุ์มนุษย์จะสามารถตั้งอาณานิคมบนดาวเคราะอื่นก่อนเกิดภัยพิบัติได้
มนุษย์ต่างดาวมีจริงหรือไม่?
 
ฮอว์คิงระบุ: ด้วยความกว้างใหญ่ของจักรวาลมนุษย์ต่างดาวน่าจะมีอยู่จริง แต่ควรหลีกเลี่ยงการยุ่งเกี่ยวกับพวกมัน เขาเตือนว่ามนุษย์ต่างดาวอาจปล้นโลกเพื่อเอาทรัพยากร ในปี 2010 เขากล่าวว่า "ถ้ามนุษย์ต่างดาวมาเยือนเราผลจะออกมาเหมือนกับที่โคลัมบัสคนพบอเมริกาซึ่งไม่ได้ผลดีสำหรับชาวอเมริกันพื้นเมือง
2
ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะมีผลอย่างไรต่อมนุษย์ในอนาคต ?
 
ฮอว์คิงเตือนว่า: ปัญญาประดิษฐ์ระดับสูงอาจเป็นหัวใจสำคัญในการควบคุมชะตากรรมของมนุษยชาติโดยระบุว่า "ผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นมีมากมายมหาศาล ... ความสำเร็จในการสร้าง AI จะเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษย์นอกจากนี้เราอาจเรียนรู้วิธีการ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงได้ อย่างไรก็ตามเขาแย้งว่าเราควรจะกลัวทุนนิยมที่ทวีความรุนแรงมากกว่า รวมถึงความเหลือมล้ำทางเศรษฐกิจมากกว่าหุ่นยนต์
มนุษย์ในอนาคตจะมีวิวัฒนาการไปในทางไหน?
 
ฮอว์คิงระบุว่า: กังวลเกี่ยวกับวิวัฒนาการในอนาคตของเผ่าพันธุ์ "superhumans" ที่จะสามารถออกแบบวิวัฒนาการของตัวเอง และเขาแย้งว่าไวรัสคอมพิวเตอร์ในโลกปัจจุบันควรได้รับการพิจารณาว่าเป็นรูปแบบใหม่ของชีวิต เพราะมันสามารถสร้างตัวเองและทำลายล้าง คำว่าสิ่งมีชีวิต บางทีอาจจะต้องพิจาณาก้าวข้าม จิตสำนึกพื้นฐานของเราออกไป
3
อ่านบทความที่น่าสนใจเพิ่มเติมที่
โฆษณา