23 เม.ย. 2020 เวลา 09:45 • ธุรกิจ
Late 1929: The Top And the Crash
เหล่ากูรูด้านการลงทุน หลายต่อหลายคนกล่าวว่าหล ังจาก COVID - 19 สิ้นสุดลงเราจะเจอกับวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนเเรงเทียบเท่าตอนปี 1929 หรือ The Great Depression ดังนั้นผมจึงอยากจะมาเจาะลึกเเบบ Shot ต่อ Shot ว่าในตั้งเเต่ก่อนเกิด Great Depression ระหว่างเกิดเเละตอนจบ ตลาดหุ้นมีการตอบสนองอย่างไรในแต่ละช่วง
ซึ่งอันนี้ผมไม่ได้เขียนเองนะครับแต่แปลมาจากหนังสือ Big Debt Crisis จาก Ray Dalio ดังนั้นสำหรับวันนี้มาดูตอนเเรกของ ซีรีย์ Great Depression กันดีกว่าครับชื่อตอนว่า
Late 1929: The Top And the Crash
Tightening Pops the Bubble
ในปี 1928 FED เริ่มการใช้นโยบายการเงินเเบบ tighten โดยปรับดอกเบี้ยขึ้นจาก 1.5 % ไปเป็น 5% ภายในปีเดียว เพื่อหวังที่จะลดการเพิ่มขึ้นของ Credit ก่อนที่จะขึ้นอีก 1% เป็น 6% ในเดือนสิงหาคมปี 1929
สัญญาณเเรกของ The Great Depression นั้นปรากฎขึ้นในเดือนมีนาคม 1929 หลังจาก FED ได้มีการประชุมประจำเดือนเเต่กลับไม่เปิดเผยข้อมูลจากการประชุมครั้งนั้น ข่าวลือนี้ทำให้ Wall Street เริ่มมีความกังวลเนื่องจากสถานการณ์ตอนนั้นระดับหนี้อยู่ในระดับที่สูงมาก ตลาดหุ้นร่วงอย่างรุนเเรงติดต่อกันในวันที่ 25 26 มีนา
ต่อมาในเดือนมิถุนายน FED ได้มีการเปิดเผยมาว่า ระดับการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมพุ่งสูงสุดนับตั้งเเต่เดือนเมษา ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น 11% ในเดือนมิถุนา 5 % ในเดือนกรกฎา เละขึ้นอีก 10% ในเดือนสิงหา
ในวันที่ 8 สิงหา FED ขึ้นดอกเบี้ยขึ้นอีกครั้งมาอยู่ที่ 6 % ตลาดหุ้นDow Jones ทำจุดสูงสุดที่ 381 จุด ซึ่งต่อมาต้องใช้เวลาถึง 25 ปีกว่าจะกลับมาถึงจุดนั้น…...
ตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวลงในเดือนกันยายน เเละในเดือนตุลาเริ่มมีข่าวร้ายต่างๆเข้ามา จนในเดือนตุลาตลาดหุ้นรับตัวลงมาจากจุดสูง 10 %
The Stock Market Crashes
ตลาดหุ้นปปรับตัวลงอย่างรุนเเรงในวันเสาร์ที่ 19 ตุลา ด้วย Volume การซื้อขายที่สูงสุดที่เป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของ Session วันเสาร์ เเละเเรงขายยังคงต่อเนื่องในเช้าวันจันทร์ ต่อเนื่องจนถึงวันพุธ ในวันพุธนั้นตลาด Dow Jones ร่วงเเรงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยปรับตัวลงมา 20.7 จุดหรือประมาณ 6.3%
เนื่องจากเเรงขายรุนเเรงของวันพุธนั้นเกิดขึ้นก่อนปิดตลาดเพียงไม่นาน นั้นทำให้เช้าวันพฤหัสตลาดต้องเจอเเรงขายที่รุนเเรงจากการที่เหล่านักลงทุนโดนถล่ม Force Sell ซึ่ง Event ในวันนี้ถูกขนานนามว่า Black Thursday โดยตลาดร่วงลงกว่า 10 % ในช่วงเช้า จากนั้นในช่วงปิด Session กลางวัน เหล่า Bankers รายใหญ่ได้มีการประชุมลับกันที่ JP Morgan เพื่อที่จะวางแผน Stabilize โดยการอัดเงินเข้าสู่ตลาดหุ้นนั้นเอง
โดยได้มีการเรียกการระดมเงินในครั้งนั้นว่า Bankers Pool ซึ่งมีการ Committed ว่าพร้อมที่อัดเงินซื้อหุ้นในตลาดถึง 125 ล้านดอลล่าร์ หลังจากข่าวนี้ถูกเผยเเพร่ออกมาก่อนตลาดช่วงบ่ายจะปิด ได้มีเเรงซื้อกลับปริมาณมหาศาลหลังจากลงไปต่ำสุดที่ 272 กลับมาปิดที่ 299 ในวันนั้น
หลังจากมีการตั้ง Bankers Pool ในวัน Black Thursday วันต่อมาเหล่า Brokers ก็ได้มีการระดมเงินบ้างเช่นกัน ทำให้ในวันศุกร์สื่อได้ประโคมข่าว่าการปรับฐานครั้งนี้ได้จบลงเเล้ว
แต่เหตุการณ์ที่น่าสยดสยองของตลาดก็เกิดขึ้นทันทีในวันจันทร์ถัดมาโดยทุกคนขนานนามเหตุการณ์นั้นว่า Black Monday ซึ่งเป็นวันที่ตลาดร่วงลงเเรงที่สุดในประวัติการณ์จนถึงปัจจุบันคือติดลบไป 13.5 % ในวันเดียว
หลังจาก Black Monday ที่เหล่า Pool ของ Bankers + Brokers มิอาจต้านทาน คราวนี้ถึงคราวของพี่ใหญ่อย่าง FED ออกโรงเอง FED ได้อัดฉีดเงินกว่า 100 ล้านดอลล่าร์เพื่อเข้าซื้อพันธบัตรสหรัฐ แต่นั้นก็ยังไม่ช่วยอะไรมากนัก ในวันอังคาร ตลาดหุ้นร่วงต่อลงอีก 11.7 % โดยเราเรียกเหตุการณ์ครั้งนี้ว่า Black Tuesday นั้นเอง สิริรวม 2 วันตลาดหุ้นร้วงลงไปถึง 23 % !!! ส่วนวันรุ่งขึ้นตลาด Rebound +กลับมาวันเดียว 12.3 %
ต่อมาในวันพฤหัส FED เเละ BOE ประกาศลดดอกเบี้ยทันที โดย FED ลดทีเดียวจาก 6% ลงมาอยู่ที่ระดับ 5 % แต่ดูเหมือนตลาดหุ้นจะยังไม่ขานรับเท่าไรนักเพราะในสัปดาห์ถัดมาตลาดยังลงต่อลงไปอีกถึง 15 % ว่ากันว่าตลาดหุ้นเป็น Leading Indicator ชี้นำเศรษฐกิจ หลังจากที่ตลาดหุ้นร่วงลงกว่ากว่าครึ่งจากจุดสูงสุด ในวันที่ 4 Nov ตัวเลข Economic Activity ก็เริ่มปรับตัวลง ทำให้ตลาด Commodities ก้เริ่มถูกเทกระจาดเช่นกัน
Policy Responses to the Crash
13 Nov President Hoover ประกาศลด Tax 1 % เเละเพิ่มการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภค 175 ล้านดอลล่าร์ ต่อมา Hoover ได้เรียกเหล่าผู้นำธุรกิจเพื่อขอความร่วมมือไม่ให้ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนเเละค่าเเรง เพื่อไม่ให้การบริโภคตกลงไปมากกว่านี้
ในขณะเดียวกัน FED ก็พยายามเพิ่มสภาพคล่องอย่างต่อเนื่องโดยมีการปรับลดดอกเบี้ยลงมาอีกจาก 5 % เป็น 4.5 % นโยบายเหล่านี้จะเคลื่อนไหวไปพร้อมกับขั้นตอนอื่น ๆ โดยภาคเอกชนมีการลงทุนในตลาดหุ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง John D. Rockefeller ที่เสนอซื้อหนึ่งล้านหุ้น Standard Oil Co. ที่ $ 50 หลังจากนั้นตลาดหุ้นเริ่มมีความหวังจน Rally ขึ้นมาได้ 20% ในเดือนธันวา
รอติดตามตอนต่อไป 1930–1932: The Depression
โฆษณา