25 เม.ย. 2020 เวลา 03:04 • สุขภาพ
Bill Gates สิ่งจำเป็นที่ต้องทำเพื่อเปิดระบบเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้ง
Bill Gates สิ่งจำเป็นที่ต้องทำเพื่อเปิดระบบเศรษฐกิจกลับมาอีกครั้ง : cnbc
Bill Gates ผู้ที่หันมาก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการแก้ไขปัญหาสุขภาพและความไม่เท่าเทียมกันมาของสังคม ได้ให้มุมมองเกี่ยวกับทางออกโรคระบาดไว้หลายประเด็นที่น่าสนใจในบล็อกส่วนตัววันก่อนนี้ครับ
คำถามหนึ่งที่ทุกประเทศต้องการคำตอบ ณ ขณะนี้คือ
" เมื่อไหร่ที่เราจะกลับไปใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม "
การปิดเมืองปิดประเทศเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียในแง่ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ปัญหาการตกงาน การพลัดพรากจากกันและที่แย่ไปกว่านั้นคือความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ผู้คนจะกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง ?
น่าเสียดายที่แม้เรามีความตั้งใจให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิม แต่ต้องบอกว่าเรายังไม่มีวิธีการที่ดีพอที่จะทำแบบนั้นและก่อนที่ทั้งอเมริการวมถึงทุกๆประเทศจะสามารถหมุนฟันเฟืองแห่งธุรกิจและการใช้ชีวิตต่อไปได้ เราต้องการนวัตกรรมหรือวิธีการใหม่ๆที่ดีพอจะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบ รักษาและป้องกันการติดเชื้อ COVID-19
ศัตรูของเราคือการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ดังนั้นสิ่งสำคัญคือเราจะไม่สามารถเอาชนะได้เลยถ้าไม่รู้ว่ามีการระบาดของเชื้ออยู่ที่ไหน การจะเปิดระบบเศรษฐกิจอีกครั้งต้องอาศัยการตรวจหาผู้ติดเชื้อในปริมาณที่มากเพียงพอและจัดการอย่างรวดเร็วเมื่อพบแหล่งการระบาดที่อาจจะเป็น cluster ใหม่ๆ ซึ่งเราไม่ต้องการไปถึงจุดที่โรงพยาบาลรับผู้ป่วยไม่ไหวและมีผู้เสียชีวิตมากมาย
1. วิธีการตรวจที่เข้าถึงง่ายและแม่นยำ
วิธีที่เราใช้ตรวจหาผู้ติดเชื้อในตอนนี้คือการป้ายคอ (Nasal swabs) บุคลากรทางการแพทย์ที่ทำการเก็บตัวอย่างต้องมีการเปลี่ยนชุดป้องกันก่อนที่จะเก็บตัวอย่างจากผู้ป่วยคนใหม่เสมอ เพื่อป้องกันการปนเปื้อนไปสู่คนอื่นๆ มูลนิธิ Bill & Melinda Gates Foundation กำลังสนับสนุนการวิจัยที่ช่วยให้ผู้ที่สงสัยว่าติดเชื้อสามารถทำการตรวจได้ด้วยตนเอง (Self swabs) ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วและปลอดภัยแต่อุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ได้ต้องมีการตรวจสอบถึงความแม่นยำ การตรวจแบบนี้จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายของเชื้อ
การทำ Self swab : newatlas
การตรวจแบบ Self swabs ที่กำลังพัฒนาอยู่จะทำได้ง่ายมากไม่ต่างจากที่เราสามารถตรวจการตั้งครรภ์ได้เอง แต่เปลี่ยนนิดหน่อยจากการเก็บตัวอย่างปัสสาวะมาเป็นการ Swab สารคัดหลั่งในจมูก ซึ่งอาจมีการส่งไปยังศูนย์ดูแลเรื่องการแปรผลพร้อมๆกับที่เราสามารถนำตัวอย่างมาทดสอบเองด้วยน้ำยาที่คิดค้นขึ้นและใช้กระดาษจุ่มลงไปเพื่อดูว่ามีสีที่เปลี่ยนไปหรือไม่ ซึ่งจะบอกเราได้ว่ามีการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวแล้วหรือยัง ชุดทดสอบนี้จะสามารถนำมาใช้ได้ภายในไม่กี่เดือนจากนี้ครับ
2. การติดตามผู้สัมผัส (contact tracing)
สิ่งสำคัญเมื่อทราบว่ามีผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อ COVID-19 คือการสืบสวนโรคเพื่อให้ได้ข้อมูลที่จำเป็นในการบอกว่าใครเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อถัดจากผู้ป่วยที่พบแต่ละราย
ปัจจุบันในอเมริกาใช้แนวทางตามแบบของเยอรมนีคือการสอบถามข้อมูลจากตัวผู้ป่วยเองและการใช้ฐานข้อมูลที่ช่วยติดตามทุกคนที่มีประวัติสัมผัสใกล้ชิด วิธีนี้ยังมีข้อบกพร่องอยู่มากเนื่องจากขึ้นอยู่กับว่าผู้ป่วยคนนั้นๆจะจดจำประวัติการสัมผัสใกล้ชิดกับคนอื่นๆได้มาก-น้อย หรือแม่นยำแค่ไหนและต้องการบุคคลากรปริมาณมากในการติดตามทุกๆคนที่อ้างถึง แต่ทั้งนี้ก็เริ่มมีการพัฒนาวิธีในการติดตามกลุ่มที่สัมผัสใกล้ชิดบ้างแล้ว
การทำงานของแอป contact tracing : medium/Dan Nolan
ตัวอย่างเช่น การใช้ Applications ที่ช่วยให้เราสามารถจดจำสถานที่ที่เราเคยไปเยือน ข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้มีความแม่นยำมากพอในการบอกกับเจ้าหน้าที่สืบสวนโรคที่ต้องการข้อมูลเพื่อค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยงติดเชื้อรายอื่นๆ อาศัยหลักการให้ผู้ใช้งานเปิดการเชื่อมโยงและการสื่อสารของสมาร์ทโฟนด้วยการใช้ Bluetooth หรือคลื่นเสียงที่มนุษย์ไม่ได้ยิน หากคนที่ใช้ apps มีการยืนยันการติดเชื้อเป็นบวก สมาร์ทโฟนของคนๆนั้นก็สามารถส่ง message ไปบอกผู้คนอื่นๆที่เคยเชื่อมต่อสัญญาณกัน อาจจะโดยการพบปะกันโดยบังเอิญหรือการอยู่ในสถานที่เดียวกันในช่วงเวลาต่างๆ เพื่อให้คนเหล่านั้นไปรับการตรวจหาการติดเชื้อโดยเร็วที่สุด สิ่งนี้จะช่วยควบคุมการระบาดไม่ให้แพร่กระจายต่อไปได้
3. การศึกษาวิธีรักษาด้วยยาและวัคซีน
สมมุติว่าเราเป็นผู้ติดเชื้อ COVID-19 สิ่งที่ต้องการทราบมากที่สุดทันทีคือจะรักษาอย่างไรและมียาอะไรบ้าง ความจริงก็คือตอนนี้เรายังไม่มียาและวิธีการรักษาอย่างจำเพาะ แม้ในขณะนี้ Hydroxychloroquine จะเป็นที่น่าสนใจว่าช่วยให้ร่างกายต่อสู้กับไวรัสได้ แต่เราต้องการข้อมูลที่มากกว่านี้และเชื่อถือได้ว่ามันเหมาะที่จะใช้ ซึ่งมูลนิธิ Bill & Melinda Gates กำลังให้การสนับสนุนการวิจัยเพื่อใช้ในมนุษย์ที่คาดว่าจะทราบผลได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ครับ
มีหลายวิธีการรักษาอื่นที่เราหวังว่ามันจะได้ผล หนึ่งในนั้นคือการนำเลือดจากผู้ป่วยที่หายจาก COVID-19 มาผ่านกระบวนการคัดแยกเฉพาะส่วนพลาสมาที่มี antibody มารักษาผู้ป่วยคนอื่นๆ (Plasma-derived therapies) ซึ่งหลายบริษัทกำลังทำงานร่วมกันเพื่อพิสูจน์สามารถว่ามันใช้ได้การได้จริง หรือการนำ antibody ที่คาดว่าช่วยป้องกันการติดเชื้อนั้นๆมาผลิตในห้องแล็บเพื่อใช้รักษาโดยตรง แต่ก็ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าต้องใช้มากน้อยเพียงใดและต้องผลิตมากแค่ไหน
ช่วงเวลาหลังจากนี้ไป กิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มของผู้คนจำนวนมากเช่น การแข่งขันกีฬา หรือคอนเสิร์ตจะสามารถจัดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อนักวิจัยค้นพบวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูงมากพอจะเชื่อได้ว่าถ้าเราออกไปแล้วจะรู้สึกปลอดภัยหรือจัดการได้ แต่ด้วยข้อมูลที่เรามีตอนนี้ยังไม่มีวิธีที่ช่วยให้มั่นใจได้ขนาดนั้นครับ
นั่นจึงเป็นสิ่งที่เราต้องลงทุนคือ "การคิดค้นวัคซีน" ซึ่งต้องใช้เวลาในการพัฒนาอีกหลายเดือน ขณะที่ระบบเศรษฐกิจจะยังคงไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติได้อย่างสมบูรณ์
มีวิธีการที่น่าสนใจเรียกว่า RNA vaccine ซึ่งต่างไปจากวัคซีนทั่วไปเช่นไข้หวัดใหญ่ที่ทำขึ้นจากชิ้นส่วนของไวรัสให้กระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย RNA vaccine จะเป็นการให้รหัสพันธุกรรมเข้าไปในร่างกายเพื่อผลิตชิ้นส่วนของไวรัสอีกทอดหนึ่ง จากนั้นจะเป็นหน้าที่ของระบบภูมิคุ้มกันที่ต้องเรียนรู้วิธีการจัดการกับเชื้อเสมือนว่าร่างกายเป็นโรงงานผลิตวัคซีนด้วยตัวเอง
การทำงานของ RNA vaccine : genengnews
แม้วิธีการต่างๆดูมีแนวโน้มที่ดีแต่ยังไม่มีซักทางที่เรารู้แน่ชัดว่าใช้การได้ การวิจัยและพัฒนายังต้องการเม็ดเงินมาสนับสนุนอีกมากเพื่อเร่งขั้นตอนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่รัฐบาลต้องทำระหว่างนี้คือการวางแผนกระจายวัคซีนอย่างเท่าเทียมกันตามลำดับความสำคัญ ซึ่งควรเป็นความเห็นร่วมกันว่าใครควรได้รับวัคซีนเป็นลำดับแรกหากถึงวันที่มีวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและมีความปลอดภัย
สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นช่วงเวลาความทรงจำของรุ่นเครือญาติเรา เช่นเดียวกับตอนนี้ที่ปัญหาการระบาดของ COVID-19 จะเป็นนิยามศตวรรษใหม่หลังจากยุคของเรา
แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือวิกฤตในครั้งนี้ มนุษยชาติจะร่วมมือกันเรียนรู้เกี่ยวกับโรคระบาดและพัฒนาขีดความสามารถยิ่งขึ้นไปเพื่อรับมือกับมัน
และเมื่อถึงวันที่เราสามารถประกาศได้ว่าถึงจุดสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโรค
เมื่อนั้นเราต้องหวนกลับมาคิดว่า....
แล้วเราจะป้องกันการระบาดครั้งต่อไปได้อย่างไร ?
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามนะครับ
References:
โฆษณา