24 เม.ย. 2020 เวลา 02:57 • ประวัติศาสตร์
#เรื่องเล่าสยองขวัญ
ตอนป่าหลอนชุมนุมผี..น้ำตกแห่งหนึ่งในสังขละบุรี จ.กาญจนบุรี"
..
ครั้งนึงผมมีโปรแกรมที่อยากจะไปเที่ยวกับเพื่อน จุดหมายปลายทางก็ที่น้ำตกแห่งหนึ่งในอำเภอ สังขละบุรี จังหวัด กาญจนบุรี..
ผมนัดกับเพื่อนอีก 5 คน ที่ตัวเมืองกาญจนบุรีครับ คือ กาน พลอย ฝุ่น จอร์จ และน้ำ (นามสมมุติ) พวกเราขับรถยนต์ไปกัน จนถึงต้นทางเข้าป่าจากนั้นก็ฝากรถไว้ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในตัวอำเภอ แล้วก็จัดซื้อหาเสบียง..รวมถึงเลยไปหาผู้ใหญ่บ้านที่ตกลงกันว่าจะให้เขาหาคนนำทางให้เราด้วย (ต้องบอกก่อนครับว่าที่ๆเราไปมันเข้าป่า คนธรรมดาเข้าไปเองไม่ได้เพราะอาจหลงป่าและอันตรายครับ)
ตอนผู้ใหญ่บ้านได้ยินเขาก็ถามกลับมาว่า “ไอ้หนู..เอ็งจะไปจริงหรอแน่ใจแล้วน่ะ” ผมก็แปลกใจว่าทำไมแกถามแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะอุสส่าห์ขับรถมาถึงที่นี่แล้ว เสียทั้งเวลาเสียทั้งเงิน
แกเลยบอกว่าให้ไปหา พรานไพร (นามสมมุติ) แล้วพวกเราเลยออกตามหาจนเจอตัวพราน พร้อมกับบอกจุดหมายที่จะไปให้เขาฟัง พอเขาได้ยินเขาถามกลับมาเลยว่า “พวกเอ็งมี เหล้า เบียร์ ของมึนเมาติดมาด้วยมั้ย?”
พวกผมบอกว่า “มีครับ” พรานเลยบอกกลับมาว่า “งั้นข้าจะส่งเอ็งแค่ปากทาง ส่วนในนั้นข้าไม่อยากเข้าไป..”
พวกผมเลยปรึกษากันขอให้พรานวาดแผนที่คร่าวๆให้หน่อย ซึ่งระยะทางจากปากทางเข้าถึงตัวน้ำตกประมาณ 12 กิโลเมตรครับ โดยพรานไปส่งพวกผมที่ปากทางตอนนั้นน่าจะเวลาประมาณ 10 โมงกว่าๆ
ก็เหมือนกับสถานที่อื่นๆที่ผมเคยไปแหละครับ เป็นสภาพป่าที่ค่อนข้างรกมีต้นไม้สูงปกคลุม ไอ้กาน เพื่อนผมหันไปเห็นศาลข้างทาง มันเอ่ยออกมาว่า “เห้ย พวกเราเอาของเซ่นเจ้าที่หน่อยมั้ยจะเข้าที่เข้าทางเค้าอะ ?”
ไอ้จอร์จเลยพูดออกมาว่า “ไม่ต้องหรอกเสียเวลาหว่ะ นี่จะเที่ยงและ เดี๋ยวถึงจะมืดซะก่อนเว้ย”
ส่วนผมใจจดจ่ออยากมุ่งหน้าเดินทางเพื่อเข้าไปยังตัวน้ำตกอย่างเดียว โดยบรรยากาศภายในป่าก็ชื้นๆครับเพราะมีต้นไม้สูงใหญ่ปกคลุมแทบไม่เห็นแสงแดดส่องลงพื้นดินเลย
เวลาประมาณ4โมงเย็นเราก็ถึงน้ำตกครับ มันสวยมาก สวยจนพวกผมหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย จากนั้นก็เริ่มจัดแจงช่วยกันตั้งแคมป์ที่ข้างๆน้ำตก
ส่วนพวกผู้หญิงก็ ถ่ายรูป เล่นน้ำ จัดเตรียมอาหารที่พักไปเรื่อย..ส่วน ผม จอร์จ และกาน ก็นั่งจิบเบียร์เล่นกีต้าร์กันเพลินๆ ดูดดื่มบรรยากาศที่สุดแสนจะบรรยาย
เวลาประมาณ 2 ทุ่มพวกผมก็ก่อกองไฟนั่งล้อมวงกันตามประสาวัยรุ่นแหละครับ พักนึงพลอยปวดฉี่มันเลยบอกให้ฝุ่นไปเป็นเพื่อน สักพักก็กลับมา
ตอนนั้นฝุ่นดูปกติดีครับ แต่ที่แปลกคือพลอยครับ เพราะหลังจากที่มันกลับมามันก็นั่งเงียบไม่พูดไม่จา ตัวสั่น น้ำตาคลอ ทั้งที่ปกติมันเป็นคนร่าเริงมาก
ผมเลยถามว่า “พลอยเป็นอะไร ?” มันก็ไม่ตอบครับเอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตา พวกผมหยุดร้องรำทำเพลง หันมาทางพลอย ทั้งสกิดทั้งเขย่า มันก็ไม่หือไม่อือ พวกผมก็จนปัญญาและรู้สึกว่ามันแปลกๆและ ผมจึงยกมือไหว้พระที่ผมห้อยแล้วไปคล้องคอพลอย จากนั้นมันก็หลับไปเลย..!! งงสิครับ ?
ตอนนั้นในกลุ่มต่างมองหน้ากันเอ๋อเลย แล้วก็พาพลอยเข้านอน สงสัยเป็นเพราะมันน่าจะไข้ขึ้นมั๊ง
จากนั้นก็ออกมาสังสรรค์กันต่อ จนเวลาประมาณ 5 ทุ่มครับ พวกผมจะเข้านอนกัน ช่วงนั้นไอ้จอร์จ อยู่ๆมันก็หันไปเห็นอะไรบางสิ่งตรงทางที่เราเดินเท้าเข้ามา
มันเห็นเป็นผู้หญิงท่าทางน่าจะวัยกลางคน เดินอุ้มลูกออกมาจากเงามืดของป่า
พอผู้หญิงคนนั้นเดินใกล้เข้ามาในกลุ่มเรา ด้วยความสงสัยไอ้จอร์จมันเลยถามว่า “น้าครับน้าจะไปไหนครับ” พวกผมก็หันไปมองกันหมด ผู้หญิงคนนั้นตอบกลับมาแบบพูดไม่ชัด ประมาณว่าลูกไม่สบายจะพาไปหาหมอที่หมู่บ้าน..
ซึ่งตอนนั้นผมก็ชักเอะใจ ว่านี่มัน 5ทุ่มแล้วนะ เค้าเดินออกมาทั้งๆที่ทางมันมืดขนาดนั้นได้ยังไง หรือเขาคงเป็นคนพื้นที่ๆเข้าออกประจำก็เป็นได้มั๊ง..จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็เดินหายไปในเงามืด มุ่งตรงไปยังทางเข้าหมู่บ้าน
ได้เวลาพวกผมก็เข้าเต้นท์นอน โดยนอนรวมกันในเต้นท์ใหญ่เต้นท์เดียวเลย พอนอนไปยังไม่ทันจะหลับดี ผมได้ยินเสียงข้างนอกเต้นท์ มันเหมือนมีคนเดินย่ำเหยียบใบไม้ข้างนอกเป็นระยะๆ
ผมจึงหันไปสะกิด ฝุ่น ว่า “ได้ยินป่ะ” มันตบหน้าผมแรงมากครับแล้วก็บอกว่า “เงียบปากแล้วหลับๆไปซะ หากได้ยินอะไรห้ามทักห้ามพูดอีกเด็ดขาด..”
สักพักเสียงเดินที่ว่าก็เงียบไปเอง แต่มันยังไม่จบแค่นั้นเพราะประมาณตีหนึ่งกว่าๆ ผมก็ได้ยินเสียงนกหวีดแว่วๆมาตามลมอีก ตามด้วยเสียงเหมือนกับฝีเท้าหลายๆเท้าย่ำอยู่กับที่..!!
ตอนนั้นเริ่มกลัวก็กลัว สักพักมีอะไรไม่รู้มาเขย่าเต้นท์ จนผมทนไม่ไหวจึงหันไปหาฝุ่นอีกครั้งแล้วถามมันว่า “ได้ยินเหมือนที่กูได้ยินมั้ย”
คราวนี้มันสั่นเลยครับเหงื่อออกไปหมดแล้วก็บอกว่า “กูได้ยินทุกอย่าง กูก็ยังหลับไม่ลง”
จากนั้นเหมือนทุกคนจะตื่นกันหมด ยกเว้น “พลอย” แล้วมานั่งล้อมวงในเต้นท์พร้อมปรึกษากันว่าเอายังไงดี ซึ่งระหว่างนั้นเสียงก็ยังคงดังแว่วๆในหูทุกคนตลอด
และที่มันหลอนที่สุดก็คือ มันมีเสียงผู้ชายน่าจะวัยกลางคนดังมาจากนอกเต้นท์พูดว่า “พวกเอ็งไม่รอดกันหมดหรอก ต้องมีใครซักคนต้องตาย ทำอะไรไว้..ต้องมีคนตายๆๆ..!!”
หลอนเลยซิครับ พวกเราหันมองหน้ากันแบบกลัวสุดขีด มือไม้สั่นไปหมด ทำอะไรไม่ถูก ฝุ่นกับน้ำ เอาแต่นั่งร้องไห้เพราะกลัว..ส่วน ผม ไอจอร์จและไอกาน ก็ได้แต่สวดมนต์ครับ จนเหมือนเสียงทุกอย่างจะค่อยๆเงียบหายไป..จนกระทั่งปกติ
เหตุการณ์ในคืนนั้นผ่านไปแบบที่ทุกคนนอนกันแทบจะไม่หลับ
กระทั่งเช้า ไอ้กาน เข้ามาปลุกผม จึงพากันไปล้างหน้าล้างตา แล้วเรียกทุกคนมานั่งล้อมวงคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เริ่มที่พลอยครับ มันตื่นคนแรก มันเล่าว่า “กูจำได้แค่กูปวดฉี่เลยชวนอีฝุ่นไป ขณะกำลังทำธุระก็มองไปเหนือน้ำตกด้านบน เห็นวัยรุ่นน่าจะเป็นชาวบ้านแต่งตัวเหมือนกะเหรี่ยงจ้องมองลงมา กูก็จ้องตามันกลับ ทีนี้ตามันแดงเถือกเหมือนสีเลือด ยื่นมือมาเหมือนจะเข้ามาทำอะไรกู แล้วกูก็หลับไปเลย..!!”
พอฟังเพื่อนเล่าพวกผมก็งงเลยครับ จนทำอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นเลยตัดสินใจรีบอาบน้ำพร้อมเก็บข้าวของเดินทางกลับไปยังหมู่บ้าน กว่าจะถึงปากทางก็ประมาณ บ่ายโมงกว่าๆ..
ตอนเดินผ่านเห็นศาลที่เพื่อนเคยทักมาตั้งแต่เมื่อวาน จึงนำข้าวของที่ยังพอมีเหลือ แต่ยังไม่ได้ใช้ มาเซ่นไหว้ศาล พร้อมกราบขอขมาในสิ่งที่หากได้กระทำผิดไป
ขณะเดินเข้าหมู่บ้าน ฝุ่น มันบ่นว่าปวดหัว หายใจไม่ค่อยสะดวกเหมือนไข้จะขึ้น พวกเราเลยพากันไปที่อนามัยของหมู่บ้านเพื่อจะไปขอยากินแก้ขัดก่อน ขณะกำลังนั่งรอยามีผู้หญิงคนนึงเดินมาคุยกับพี่คนที่ผมขอยาว่า “ศพแม่ ลูก ที่ตายเมื่อวานฝากรถไปเลยมั้ยพี่”
ผมฟังก็ใจหายวูบเลยครับ คิดถึงแม่ลูกที่เจอเมื่อวานตอนที่อยู่ในป่าขึ้นมา จึงขอพี่พยาบาลเค้าดูแค่ใบหน้าศพ
เค้าบอกว่าน้องเป็นญาติเค้ารึปล่าว.. ผมบอกว่าไม่ได้เป็นครับ แล้วก็เล่าเรื่องเมื่อคืนให้เธอฟังแทน
เธอจึงให้ผมดู พอเปิดมาผมทรุดเลยครับ ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก พี่เค้าเลยตามเพื่อนๆที่รออยู่ด้านหน้ามาดูผม แต่พอเพื่อนทั้งหมดเข้ามาก็ตะลึงกับใบหน้าศพไม่ต่างจากผม เพราะสรุปคือคนเดียวกับที่พวกผมเจอเมื่อคืนครับ..!!
สรุปว่าแกตายก่อนหน้านั้นแล้วทำไมไปปรากฎตัวให้พวกผมเห็นได้ล่ะ..!!
พวกเราตัดสินใจกลับกันโดยด่วน ขณะกำลังไปเอารถก็มีลุงแก่ๆ เดินถอดเสื้อสังเกตแกสักยันต์เต็มตัวเลย เขาเดินเข้ามาหาพวกผมแล้วถามว่า “พวกเอ็งคนกรุงเรอะ เข้าไป บ่องสะโหนดเบียง มาสิ?”
พวกผมก็งงว่าแกพูดถึงอะไร แกจึงชวนไปนั่งพักกินน้ำกินท่าที่บ้านแก แล้วแกก็เล่าเรื่องให้ฟังว่า “สมัยก่อนหน่ะ มันมีหมู่บ้านอีกหมู่บ้านนึงอยู่ลึกไปในป่าที่พวกเอ็งเข้าไปนั่นแหละ ชื่อหมู่บ้าน "โล๊ะทึง" โดยที่คนในหมู่บ้านพากันล้มตายเพราะสารตะกั่วในลำธาร ที่เค้าดื่มกินเข้าไป จนแทบจะยกหมู่บ้าน..!!
ชาวบ้านแถวนั้นเลยเรียกว่า "บ่องสะโหนดเบียง" ภาษากะเหรี่ยงมันแปลว่า "พื้นที่ชุมนุมผี" จนทำให้ไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าไปหาของป่าทางนั้นหรือแม้แต่พรานไพร ก็ยังไม่กล้าเข้าไปเลย..
โอ้ย.. มันมีเรื่องเล่าขานมากมาย สมัยพ่อของแกยังเล่าให้ฟังว่าพื้นที่ตรงนั้นหน่ะมันเป็น อดีตค่ายทหารเถื่อนด้วย มีทหารไทยยิงกับพม่านานแรมเดือน ล้มตายกันมากมายก่ายกอง..!!”
พวกผมถึงกับตะลึงเป็นหนที่สองเมื่อได้ฟังประวัติสถานที่ๆเข้าไปกันมา จากนั้นรีบกลับเข้า กทม โดยด่วน แล้วก็นัดกันทำบุญยกใหญ่ เรียกว่าเดินสายเลยก็ได้ครับ..
สุดท้ายสิ่งที่อยากบอกคือเวลาไปเที่ยวสถานที่ต่างบ้านต่างเมือง หรือที่ๆเราไม่คุ้นเคย ทางที่ดีเตรียมของเซ่นไหว้เจ้าที่สักนิดเถอะครับ มันไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรเลย เจอศาลเจออะไรก็บอกกล่าวหรือขอขมาเขาสักหน่อยก็ดี
แม้สิ่งที่ว่ามาอาจดูเหนือธรรมชาติไปซะหน่อย อาจจะมีจริงหรือไม่มีจริงก็ไม่มีใครรู้..เอาเป็นว่าอย่าลบหลู่กันก็พอ..
ขอบคุณที่เเวะมาอ่านครับ
โฆษณา