Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
สัจธรรม อนัตตา
•
ติดตาม
25 เม.ย. 2020 เวลา 01:05 • ไลฟ์สไตล์
ย้อนรอยทุ่งรวงทองจากอดีตสู่ปัจจุบัน ( ตอนจบ )
หลังจากที่ข้าวตั้งท้องและสุกแล้วท้องทุ่งนาอันกว้างใหญ่เหลียวมองไปทางไหนจะมีสีเหลืองสวยงามอร่ามตาเต็มท้องทุ่งไปหมดสมดังกับคำที่ว่าสวรรณภูมิจริงๆดินแดนแห่งทองคำเป็นเช่นนี้นี่เอง ตอนนี้เริ่มเป็นฤดูน้ำลดแล้วทัองทุ่งนาไม่มีน้ำท่วมขังดินแห้งพอประมาณพ่อกับกับแม่ก็เริ่มพูดคุยวางแผนกับญาติๆและเพื่อนๆว่าจะเก็บเกี่ยวกันวันไหนอย่างไรจะช่วยลงแขกให้ใครก่อนหลังเมื่อตกลงกันได้แล้ววันต่อไปก็เริ่มลงแขกเกี่ยวข้าวกันทันที ข้าพเจ้าจำไม่ได้ว่านาเราได้วันไหนอย่างไรเพราะมัวแต่ไปโรงเรียนตามปกติ
ในวันลงแขกเกี่ยวข้าวในนาของเราเป็นวันที่แม่และน้าอาต่างก็สาละวลยุ่งกับการทำอาหารแบ่งหน้าที่กันไป อาหารพื้นบ้านของภาคเหนือที่นิยมทำมาเลี้ยงกันก็จะมี แกงหยวกกล้วยใส่ไก่บ้าน แกงฟักเขียวใส่ไก่ น้ำพริกอ่อง แคบหมูจิ้นส้ม หรือแกงอ่อมเนื้อควาย บ้างก็ลาบควายลาบหมู...แต่อย่างที่บอกไปว่าครอบครัวเราไม่ได้ร่ำรวยอะไรอาหารก็จะเป็นแกงหยวกใส่ไก่ แกงฟักเขียวใส่ไก่เสียมากกว่ากินกันไปให้มีแรงพลังในการทำงานในท้องทุ่งก็พอใจกันแล้ว ส่วนพ่อกับญาติๆและเพื่อนๆต่างก็เริ่มเกี่ยวข้าวกันในทุ่งนาเริ่มกันตั้งแต่ตะวันเริ่มโผล่เลยทีเดียว พอสายๆมานิดนึงแม่กับอาก็เตรียมอาหารเช้าไปให้คนเกี่ยวข้าวได้ทานกันอิ่มแล้วก็มานั่งพักเอาแรงกันใกล้ๆกระต็อบนั่งพูดคุยกันไป พอได้ที่แล้วก็เริ่มเกี่ยวข้าวกันใหม่เพื่อให้เสร็จโดยเร็วไวเพราะว่ายังมีรายต่อไปที่รอการไปลงแขก พักเที่ยงก็มานั่งทานข้าวกัน นาเราใช้เวลาในการเกี่ยวข้าว 2 วันก็เสร็จเพราะไม่ได้มีที่นามากมายอะไรมีพอที่จะทำนาข้าวเลี้ยงครอบครัวได้ให้มีข้าวกินได้ทั้งปี เกี่ยวข้าวแล้วก็เอาข้าวมาวางนอนเรียงรายไปตามท้องนาเพื่อตากข้าวให้แห้งและมีความชื้นน้อยๆกองไว้สักสี่ห้าวัน
รูปกองข้าว
พูดถึงเรื่องการกองข้าวเมื่อข้าวที่เกี่ยวและจัดเรียงไว้แล้วเราเรียกการวางข้าวว่า เมาะข้าว คือการรวมกำข้าวตอนที่เกี่ยวเป็นกำให้เป็นมัดโตราวๆเส้นผ่านศูนย์กลาระมาณ15 นิ้วแล้ววางเรียงรายตากไว้เมื่อข้าวมีความชื้นน้อยลงเราก็เอาเมาะข้าวมากองวางเรียงเป็นวงกลมเหมือนการก่อเจดีย์นะในการกองข้าวนั้นมีอะไรที่ซ่อนไว้เพื่อความบันเทิงใจ ( พ่อจะแอบเอาสาโทที่หมักไว้ใส่ไหซ่อนไว้ในกองข้าวบางกองไม่ให้ใครรู้ )
ภาพการตีข้าวในครุ
ข้าวที่กองไว้เป็นกองใหญ่และแห้งแล้วก็ถึงเวลาของการนวดเอาเมล็ดข้าวกันเสียที่กิจกรรมครั้งนี้ก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาพ่อกับแม่ก็จะไปขอแรงงานจากญาติและเพื่อนๆที่เคยช่วยงานกันมาให้มาช่วยนวดข้าว การนวดข้าวนั้นจะใช้ไม้หีบคือไม้สองชิ้นที่ใช้เชือกหรือโซ่มัดติดปลายเวลาจะใช้ก็ใช้ด้านปลายสอดเข้าไปในกองข้าวช้อนขึ้นมาแล้วก็เอาไม้อีกข้างหนีบไว้โดยล็อคจากเชือกที่ผูกไว้แล้วยกขึ้นฟาดลงไปในตัวครุเพื่อให้เมล็ดข้าวหลุดร่วงลงไปรวมกันในครุ ตีข้าวฟาดข้าวไปเรื่อยๆจนหมดกอง...ความสนุกในการตีข้าวมันสนุกตอนที่เวลาที่ตีข้าวหากไปเจอไหสาโทที่พ่อซ่อนเอาเป็นอันต้องได้เฮกันละที่นี้ เจอไห้สาโทปุ๊บก็จะหยุดการตีข้าวทันทีไม่ว่าจะตีเสร็จหรือไม่ก็ตามวันนั้นทั้งวันหยุดงานแล้วมานั่งดื่มสาโทเป็นที่สนุกสนานเมากันทั้งวันเมาสาโทกันทั้งวันนี่คือเสน่ห์ของการตีข้าวบนท้องทุ่งนา
การฟัดข้าว
หลังจากตีข้าวจนหมดกองแล้วก็มาถึงขั้นตอนการโจ้ข้าวและวีข้าว...โจ้ข้าวหมายถึงการใช้ช้อนตักข้าวที่ทำด้วยไม้เนื้อแข็งทั้งแท่งมีการเจาะสลักไม้ให้มีลักษณะคล้ายช้อนมีด้ามยาวผู้เขียนเคยลองยกดูปรากฏว่ายกไม่ขึ้นเลยหนักมากทั้งใหญ่โต ส่วนวีข้าวมีลักษณะคล้ายพัดทั่วไปแต่มีขนาดใหญ่ใช้ไม้ไผ่มาจักสานแล้วใส่ด้าน เมื่อมีคนโจ้ข้าวขึ้นไปในอากาศอีกสองคนก็จะช้วยกันวีข้าวหรือพัดข้าวเพื่อให้ลมที่พัดไล่เศษฟางขนาดเล็กออกไปจากข้าวก็จะได้แต่ข้าวที่ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปนในเมล็ดข้าวเมื่อได้ข้าวที่ตีเรียบร้อยแล้วแม่กับพี่ป้าน้าอาก็จะช่วยกันตักข้าวใส่เป๊ยด..เปี๊ยบก็คือกระบุงที่ใช้หาบข้าว เมื่อเต็มเปี๊ยดแล้วก็หาบข้าวจากท้องนาเดินไปตามคันนาเพื่อเอาไปใส่ไว้ในหลองข้าวต่อไป
เปี๊ยดหรือกระบุงหาบข้าว
การขนย้ายข้าวที่นวดเสร็จแล้วก็ช่วยกันหาบข้าวเพื่อเอามาใส่ไว้ในหลองข้าว...หลองข้าวก็คือยุ้งข้าว ในแต่ท้องถิ่นอาจจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไปบ้างก็ทำจากไม้เนื้อแข็งทำเป็นตัวเรือนที่มั่นคงแข็งแรง ใครที่อ้ฐน้อยก็จะใช้ไม่ไผ่ทำเป็นต้วหลังแล้วก็ใช้มูลควายผสมกับฟางข้าวพอกฝายุ้งอีกที่เพื่อป้องกันความชื้นที่อาจเกิดขึ้นกับเมล็ดข้าวและป้องกันหนูซึ่งมักจะมาทำรังแอบขโมยข้าวกิน
หลองข้าวหรือยุ้งข้าว
การดำเนินชีวิตเป็นสิ่งที่เลือกได้ว่าเราจะใช้ชีวิตแบบไหนอย่างไร...การอยู่กับสิ่งแวดล้อมที่ดีย่อมมีผลต่ออารมย์และจิตใจเราจะเป็นคนดีทำอะไรๆก็จะดีไปหมด แต่ถ้าเราอยู่ในสิ่งแวดที่ไม่ดีก็ย่อมส่งผลที่ไม่ดีต่อชีวิต...เราไม่อาจที่จะเลือกที่เกิดได้ไม่สามรถเลือกเกิดในครอบครัวที่มีความพร้อมทุกอย่างได้ บางคนเกิดมาในตระกูลเศรษฐีมีฐานะ บางคนเกิดมาในตระกูลที่ยากเข็น...ไม่ว่าจะเกิดในตระกูลใดก็ตามถ้าหากว่าเรารู้จักอยู่กับสถานะของเราอย่างมีสติ มีความพึงพอใจแล้วเราก็จะมึความสุขได้เช่นกัน...ในฐานะลูกชาวนาที่เกิดมาในตระกูลที่ต้อยต่ำสิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่จะเอามาใส่ใจข้าพเจ้ายังจำคำพูดของพ่อแม่ได้เสมอมาว่าถึงแม้ว่าเราจะไม่มีอย่างคนอื่นเขาในวันนี้เราก็สามารถจะมีเหมือนคนอื่นได้ในวันหน้าขอเพียงแต่เรามีความตั้งใจอย่างมุ่งมั่นไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคปัญหา รู้จักแก้ปัญหาด้วยปัญญาอย่างมีสติก็จะทำให้เรามีเหนือกว่าคนอื่นที่ไม่ในไม่ช้า...การศึกษาคือสิ่งสำคัญที่สุดที่จะต้องมีไว้กับตัวเสมอการศึกษาไม่จำเป็นต้องไปนั่งเรียนในชั้นเรียนเราก็ศึกษาได้ตามสิ่งแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ขอเพียงมีความตั้งใจ...ข้าพเจ้าถือว่าเป็นคนที่โชคดีกว่าพี่น้องร่วมท้องทุกคนมีเพียงข้าพเจ้าเท่านั้นที่ได้เรียนสูงกว่าพี่น้องร่วมท้องกันมา...ขอบคุณธรรมชาติที่ดีสมัยตอนเป็นเด็กๆที่ได้สอนให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงจนทำให้ข้าพเจ้ามีความแข็งแกร่งในจิตจนสามารถพิชิตอุปสรรคมาได้ด้วยดี...ขอบคุณพ่อกับแม่ที่ได้ให้ข้อคิดและคำสอนที่มีเหตุและผล ขอบคุณพี่น้องร่วมท้องที่เสียสละให้ข้าพเจ้า...ความหลังที่ยังจำได้...ลูกชาวนา
บันทึก
2
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย