24 เม.ย. 2020 เวลา 11:30 • การศึกษา
ระบบการศึกษาไทยทุกวันนี้แย่ลงเรื่อยๆ
เด็กที่จะได้เป็นอนาคตของชาติกลับกลายเป็นว่าต้องมาหมดโอกาสไปกับระบบการศึกษาของไทย
สังคมส่วนใหญ่ขีดเส้นตายกำหนดให้เกรดเฉลี่ย เป็นตัวบ่งชี้ค่าความสำคัญของเด็กแต่ละคน...
"เด็กบางคนเก่งศิลปะ แต่หมดโอกาสเข้าศึกษาต่อสถาบันที่อยากจะเข้าเพราะมีเกรดเฉเลี่ยไม่ถึง"
ในขณะเด็กบางคนไม่ได้ชอบศิลปะแต่ดันมีเกรดเฉลี่ยที่สูงเอามากๆ
ทำให้มีตัวเลือกและ โอกาสที่ยื่นเข้ามาอยู่เรื่อยๆ
สถาบันการศึกษาต่างๆก็ต้องการคนที่เก่งอยู่แล้ว
เพราะแบบนี้เด็กที่ศึกษาอยู่ ตจว มักไม่ได้มีโอกาสหรือตัวเลือกเหมือนเด็กใน กทม จะให้ผมบอกว่า มันเป็นค่านิยมก็ไม่ผิดแปลกไปสะทีเดียวหรอกครับ.
ถ้าสังเกตุดีๆ ทุกวันนี้คนในสังคมส่วนใหญ่เลยต่างก็บอกกันเป็นเสียงเดียวว่า เด็กใน กทม นั้นเก่งมากๆ ทำไมถึงเก่งล่ะ คำตอบง่ายมากเลยครับ
ใน กทม เป็นเมืองหลวง แหล่งทำงานมีเป็นร้อยๆ
บริษัทดังๆ องค์กรต่างๆ ต่างก็ไปรวมกันอยู่ใน กทม กันหมด มีงานให้เลือกทำมากมายใน กทม และไม่ได้มีแค่ที่ผมกล่าวมา ยังมีอีกมากมาย คงไม่ต้องบอกก็คงรู้กันดีอยู่แล้ว
กทม เป็นเมืองของการแข่งขันไม่แปลกอะไรที่บรรดาโรงเรียนต่างๆจะสอนให้เด็กของตัวเองเก่งขึ้นทุกคนยิ่งอยู่ในเมืองมีบุคลากรมากมายที่มากไปด้วยฝีมือการสอน
1
และไหนจะถูกพ่อแม่คาดหวังไว้อีก
ในขณะที่เด็ก ตจว ไม่มีบุคลากรที่มากไปด้วยฝีมือเพียงพอต่อการสอนอย่างทั่วถึง เมื่อถึงช่วงสอบวัดผลคะแนน แน่นอนว่าผลคะแนนนั้น เด็ก กทม จะนำเด็ก ตจว เสมอ ถ้ามองในภาพรวม
ในขณะที่สังคมส่วนใหญ่วัดค่าของเด็กด้วยการใช้
เกรดเฉลี่ย เด็กเหล่านี้ก็จะถูกแบ่งชนชั้นไปเรื่อยๆ
และอดที่จะแสดงให้ใครต่อใครเห็นว่าตัวเขาเองทำอะไรได้บ้าง เก่งอะไรบ้าง และตัวเขาเองทำมันได้ดีขนาดไหน
ิอย่าลืมสิครับว่าเด็กๆเหล่านี้สักวันต่างก็ต้องโตขึ้นมาเป็นบุคลากรที่ดีของประเทศ และเด็กเหล่านี้ในตอนที่มีโอกาสศึกษาเล่าเรียน
พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรกับต้นไม้เล็กๆที่กำลังเติบโต
ดังนั้น ผู้ใหญ่อย่างเราก็ควรทุ่มเทให้โอกาสเด็กเหล่านี้ไว้ให้มากๆ
ส่วนใหญ่มักแก้ปัญหาไม่ตรงจุด
อยากให้เด็กทั่วประเทศเก่ง
ก็ให้เรียนหนักกว่าเดิม เลิกเรียนมาต้องไปนั่งติว
มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เราจับปลามาหัดเดิน หัดให้ตายยังไงปลาก็เดินไม่ได้ ถ้าไม่จับมันไปหัดว่ายน้ำแทน เพราะปลามันต้องอยู่ในน้ำไม่ใช่บนบก มันจะไปเดินได้ยังไงล่ะ
หรือเปรียบเทียบการศึกษาเป็นดิน เด็กนักเรียนเป็นต้นไม้ เด็กแต่ละคนเป็นต้นไม้ที่ต่างกัน ต้นไม้นั้นโตในดินที่ไม่เหมือนกัน
"ดอกบัวก็ต้องโตในดินที่อุ้มน้ำ"
"กระบองเพรชต้องโตในดินทราย"
ต้นข้าว โตด้วยสามดินก็จริง แต่ถึงยังงั้นมันก็ยังโตในดินที่ต่างกันออกไป
หากการศึกษาไทยยังใช้ระบบเดียวในการตัดสินเด็กคนหนึ่งว่า "โง่ หรือ ฉลาด" โดยการใช้เกรดที่เป็นเพียงตัวเลข สักวันเราอาจจะไม่มีบุคลากรที่ดีต่อในอนาคต เด็กเหล่านี้ก็โตมาโดยที่ไม่มีโอกาสได้ทำตามสิ่งที่ฝันไว้แม้แต่น้อย
ไม่ผิดอะไรที่ต้นกระบองเพรชต้นหนึ่งจะโตในดินทราย ไม่ผิดอะไรที่ดอกบัวจะอยากโตในดินที่อุ้มน้ำ ค่าของคนมองให้ออก ตีโจทย์ให้ขาดแล้วช่วยกันพัฒนาระบบการศึกษาไทยให้ดียิ่งๆขึ้นไป
โฆษณา