25 เม.ย. 2020 เวลา 03:00 • สุขภาพ
4 ผู้นำหญิงสุดแกร่ง พาประเทศพ้นวิกฤตจาก โควิด-19
.
ปกติแล้วเมื่อพูดถึง “นายกรัฐมนตรี” ของแต่ละประเทศ หลายคนคงจะนึกถึง “ผู้ชายที่อยู่ในช่วงวัยกลางคนเป็นส่วนใหญ่” เพราะส่วนมากจะติดภาพลักษณ์มาจากอดีตว่า ผู้ชายต้องเป็นผู้นำ
.
แต่ในปัจจุบันทุกอย่างได้เปลี่ยนไป มีผู้นำหลายคนเป็นผู้หญิงที่มากความสามารถ ไม่ต่างจากผู้ชาย
.
วันนี้เราเลยจะพาคุณไปดูว่า ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลก ผู้นำหญิงหลายประเทศได้แสดงฝีมือการแก้ปัญหาอันชาญฉลาด จนสามารถพาประเทศหลุดพ้นจากโรคร้ายนี้ไปได้ แต่ละประเทศมีวิธีการรับมืออย่างไรบ้าง มาดูกัน!
___
#TheLuxuryProjects
#LuxuryProjects
ผู้นำหญิงหลายประเทศได้แสดงฝีมือการแก้ปัญหาอันชาญฉลาด จนสามารถพาประเทศหลุดพ้นจากโรคร้ายนี้ไปได้ แต่ละประเทศมีวิธีการรับมืออย่างไรบ้าง มาดูกัน!
#ความเด็ดขาดก็เหมือนการตัดไฟแต่ต้นลม #ไต้หวัน ไต้หวัน ถือเป็นประเทศแรก ๆ ที่รับมือกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว แม้อยู่ห่างจากประเทศจีนเพียงแค่ร้อยกว่ากิโลเมตร แต่กลับมียอดผู้ติดเชื้อสะสมเพียง 393 คน ซึ่งนั่นเป็นเพราะ “ความเด็ดขาดของผู้นำ" . ทันทีที่ประเทศจีนแจ้งต่อองค์การอนามัยโลกว่า มีผู้เป็นโรคปอดอักเสบลึกลับหลายราย เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2562 ศูนย์ควบคุมโรคของไต้หวันมีประกาศออกมาให้ตรวจสอบผู้โดยสารที่มาจากเที่ยวบินเมืองอู่ฮั่นทันที พร้อมส่งทีมผู้เชี่ยวชาญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคนี้ที่ประเทศจีน . หลังจากผู้เชี่ยวชาญกลับมา ไต้หวันจึงเริ่มให้โรงพยาบาลต่าง ๆ ตรวจ และรายงานผู้ติดเชื้อ ทำให้ทราบถึงต้นตอของการแพร่ระบาด จึงทำให้ไม่เกิดการแพร่ระบาดในวงกว้าง . ต่อจากนั้น ไต้หวันได้รับรายงานผู้ติดเชื้อรายแรก เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2563 รัฐบาลได้ประกาศ 124 มาตรการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโดยไม่ต้องใช้การล็อกดาวน์ . โดยไม่ให้รับผู้เดินทางมาจากอู่ฮั่น และเมืองอื่น ๆ ของประเทศจีน และอนุญาตให้คนไต้หวันเท่านั้นที่บินกลับมาได้ การเตรียมการรับมืออย่างรวดเร็วของรัฐบาล จึงทำให้ไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยกย่องว่า “รับมือกับโควิด-19 ได้ดีที่สุด” . อีกทั้งนิตยสารฟอร์บส์ ได้ยกย่องให้ปธน.ไช่อิงเหวิน เป็นผู้นำหญิงที่รับมือโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและว่องไวที่สุดอีกด้วย
#พูดความจริงเพื่อให้ประชาชนรู้ตัว #เยอรมันนี “นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ไม่เคยมีความท้าทายไหนคุกคามประเทศของเราได้มากขนาดนี้” . อังเกลา แมร์เคิล (Angela Merkel) นายกรัฐมนตรีเยอรมันนีกล่าว ขณะที่กำลังปลุกประชาชนให้สู้กับโควิด-19 ด้วยการอธิบายความจริงของสถานการณ์ว่า ตอนนี้เยอรมันมีผู้ติดเชื้อมากถึง 70% ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรง จึงอยากให้ทุกคนหันมาสนใจอย่างจริงจังเพื่อชะลอการระบาดของไวรัส . ซึ่งในสภาวะวิกฤตเกินจะควบคุมเช่นนี้ การพูดความจริงให้ทุกคนได้รับรู้อาจเป็นทางที่ทำให้ผู้คนตื่นตัว และตระหนักถึงการป้องกันตัวเองจากโรคร้ายมากที่สุด ทำให้ตอนนี้เยอรมันมีตัวเลขผู้ติดเชื้อน้อยกว่าประเทศเพื่อนบ้านในแถบยุโรป และมีสัญญาณว่าในอีกไม่นานสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลง
#ความชัดเจนทำให้ประชาชนมั่นใจ #นิวซีแลนด์ “จงทำตัวให้เหมือนคุณเป็นผู้ติดเชื้อ ทุก ๆ อย่างที่คุณทำอาจจะเป็นการฆ่าผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว และนี่คือวิธีคิดเพื่อส่วนรวมในเวลานี้” จาซินดา อาร์เดิร์น (Jacinda Ardern) นายกรัฐมนตรีหญิงของนิวซีแลนด์กล่าว . นิวซีแลนด์ ถือเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีมาตรการการรับมือกับการแพร่ระบาดของ โควิด-19 อย่างทันท่วงที ตั้งแต่ต้นปี 2563 มีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในต่างประเทศ ทำให้รัฐบาลนิวซีแลนด์เริ่มออกมาตรการควบคุมโรคเป็นครั้งแรกในวันที่ 3 ก.พ. 2563 โดยห้ามคนที่มาจากประเทศจีนเข้าประเทศ ส่วนพลเมืองเข้าได้แต่ต้องกักตัวเป็นเวลา 14 วัน . ซึ่งหลังจากนิวซีแลนด์พบผู้ติดเชื้อรายแรก ซึ่งเดินทางมาจากประเทศอิหร่านในวันที่ 28 ก.พ. รัฐบาลจึงออกคำสั่งไม่ให้ชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศอิหร่าน และประเทศจีนเข้าประเทศในวันนั้นเลย พร้อมสั่งปิดประเทศ ไม่ให้ชาวต่างชาติเข้าทั้งหมด ในวันที่ 19 มี.ค. ต่อมาจึงล็อคดาวน์ ตัดกิจกรรมที่ไม่จำเป็นเพื่อระงับการแพร่ระบาด . ซึ่งการตัดสินใจปิดพรมแดนลักษณะนี้ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของนิวซีแลนด์ แต่ด้วยความชัดเจนของผู้นำทำให้ประชาชนนิวซีแลนด์มั่นใจ และรอดพ้นจากโควิด-19 ไปได้
#แสดงความรักสร้างความอบอุ่นให้ประชาชน #นอร์เวย์ ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของโควิด-19 ทำให้เด็ก ๆ ต่างต้องหวาดกลัว อานา ซูลบาร์ก (Erna Solberg) นายกรัฐมนตรีของนอร์เวย์ จึงมีความคิดที่จะทำให้เด็กนอร์เวย์ อันเปรียบเสมือนลูก ๆ ของเธอหายกังวลใจ . ด้วยการจัดแถลงข่าวตอบคำถามกับเด็ก ๆ ทั่วประเทศเกี่ยวกับการระบาดของโควิด-19 ซึ่งงานแถลงข่าวนี้ไม่อนุญาตให้ผู้ใหญ่เข้าร่วม . มีเด็ก ๆ ได้ส่งคำถามมากมายเข้ามาตั้งแต่ “ผมจะยังจัดงานวันเกิดได้ไหม?” “หนูจะไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าหลังไปเที่ยวห้างได้หรือเปล่า?” “ใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะผลิตวัคซีนได้?” หรือแม้แต่ “หนูจะช่วยอะไรได้บ้าง?” . เธอได้อธิบายเกี่ยวกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมปลอบใจว่า “ไม่เป็นไรที่จะรู้สึกกลัว” การแถลงข่าวครั้งนี้ทำประชาชนให้เห็นว่า เธอมอบความรัก และดูแลเอาใจใส่ประชาชนมากขนาดไหน . ซึ่งนอร์เวย์ถือเป็นหนึ่งในไม่กี่ชาติของยุโรปที่กลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากได้ยกระดับควบคุมการป้องกันเชื้ออย่างเข้มงวดมาตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค ด้วยการสั่งปิดภาคธุรกิจร้านค้า และสถานศึกษาทั่วประเทศ รวมทั้งให้ประชาชนทุกคนอยู่ในบ้านมากที่สุดเท่าที่เป็นได้
#TheLuxuryProjects
#LuxuryProjects
โฆษณา