ตอนที่ 3 ปราสาท Kokura รอดจากระเบิดนิวเคลียร์เพราะก้อนเมฆ
ปราสาท Kokura แห่งเมืองคิตะคิวชู จ.ฟุกุโอกะ ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 400 ปี เป็นเมืองประวัติศาสตร์แห่งหนึ่งของญี่ปุ่นและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่จัดได้ว่าสวยงามน่าแวะไปเยี่ยมชมแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้
ท่านผู้อ่านเคยรู้ไหมว่าปราสาทแห่งนี้แหละ เกือบเคยโดนระเบิดนิวเครียร์ทิ้งใส่เข้าให้แล้ว ผู้อ่านคงสงสัยใช่ไหมว่าเกือบได้ยังไงนะเหรอ ผมจะเล่าให้ฟังครับ
ปราสาท kokura
คือแบบนี้ครับ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นญี่ปุ่นอยู่ฝั่งเดียวกับเยอรมัน แถมญี่ปุ่นพี่แกเล่นโจมตีสหรัฐก่อนด้วยการส่งฝูงบินจำนวน 353 ลำ ขนระเบิดทิ้งใส่ฐานทัพเรือสหรัฐที่ท่าเพิร์ลฮาร์เบอร์ ในเช้าวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1941 ทำให้เครื่องบินสหรัฐ 188 ลำถูกทำลาย ฝ่ายสหรัฐเสียชีวิต 2,403 นาย บาดเจ็บ 1,178 นาย จนเช้าวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 8 ธันวาคม สหรัฐได้ประกาศสงครามต่อญี่ปุ่นทันที นี้แหละครับ คือจุดเริ่มต้นของการใช้อาวุธนิวเครียร์ลูกแรกที่มีชื่อน่ารักๆว่า "เด็กน้อย" หรือ "Little Boy" ของสหรัฐนั้นเอง
เป้าหมายการทิ้งระเบิด
เดิมทีสหรัฐไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนเท่าไร แต่ขอเลือกเมืองใหญ่ๆที่สร้างความเสียหายได้มากที่สุดเพื่อให้ญี่ปุ่นยอมแพ้นั้นเอง แผนเดิมที่วางไว้นั้นคือเมืองปราสาท Kokura เป็นเป้าหมายต่อไปหลังจากทิ้งนิวเคลียร์ใส่ฮิโรชิมะเสร็จ แต่ๆๆ ตามหน้าประวัติศาสตร์ถึงไม่มีชื่อเมืองนี้ถูกโจมตีด้วยระเบิดนิวเคลียร์เลยล่ะ
ภาพเจ้า Little Boy
เมฆเยอะเกินไปยังไงละ
ในขณะที่เครื่องบินทิ้งระเบิดกำลังลอยอยู่เหนือตัวเมือง Kokura อยู่นั้น จู่ๆลูกเรือหนุ่มนามว่า Kermit Beahan ตัดสินใจเก็บระเบิดนิวเคลียร์กลับเข้าเครื่องบิน เพราะเขาคิดว่าเมือง Kokura มีเมฆปกคลุมมากเกินไป นับว่าโชคดีมากๆสำหรับชาวเมือง Kokura แต่ไม่ใช่กับชาวเมืองนางาซากิเลย เพราะเมืองนางาซากิคือเป้าหมายสำรองของสหรัฐนั้นเองครับ
ยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด
สหรัฐได้ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ทั้งหมด 2 ลูกด้วยกัน โดยมี 2 เมืองที่โดนคือ เมืองฮิโรชิมะที่มีตัวเลขผู้เสียชีวิตถึง 140,000 คน และเมืองนางาซากิที่มีผู้เสียชีวิต 80,000 คน และยังมีผู้เสียชีวิตด้วยการบาดเจ็บหรือจากการรับกัมมันตรังสีต่อจากนั้นอีกนับหมื่นคนครับ
แหล่งข้อมูล
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
